อาชญากรรม

รวบแก๊งคอลฯ หลอกสาวลงทุนกว่า 3 แสน เครียดจนโดดน้ำดับ เผยใช้บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลเลี่ยงถูกอายัด

โดย nattachat_c

30 ก.ย. 2567

58 views

วานนี้ (29 ก.ย. 67)  พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุม

  • น.ส.ซันมา มูลศรี อายุ 19 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ
  • นายอุทัย อารีย์รบ อายุ 44 ปี ชาว จ.สระแก้ว
  • นายมาณพ ฉิมทอง อายุ 59 ปี ชาว จ.นครราชสีมา  


ทั้ง 3 คน เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา เกิดเหตุ น.ส.สุดารัตน์ บัวแสน อายุ 28 ปี สาวชาว จ.นครพนม ประกอบอาชีพนวดแผนโบราณ ก่อเหตุสลด กระโดดจากเรือข้ามฟากจมดิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยา จนเสียชีวิต ขณะลงเรือข้ามฟากจากด้านท่าน้ำนนทบุรี ไปยังท่าน้ำฝั่งบางศรีเมือง ขณะเดินทางกลับที่พักย่าน อ.บางกรวย หลังเกิดความเครียดที่เข้าไปสมัครทำงานในเฟซบุ๊ก กดไลก์ เพื่อหารายได้เสริม แล้วถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุน ก่อนใช้อุบายหลอกให้โอนเงินในช่วงวันที่ 5 - 6 ก.ย. 67 รวม 8 ครั้ง จนหมดเกลี้ยงบัญชีกว่า 338,000 บาท โดยยอดเงินที่สูญเสียไปทั้งหมด เตรียมนำไปไถ่ถอนโฉนดที่ดินที่จำนองไว้ กระทั่งในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ได้ตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง


ต่อมาชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.2 ได้สืบสวน จนทราบผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการหลอกลวงในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 5 ราย ติดตามจับกุมได้แล้ว 3 ราย อยู่ระหว่างการติดตามตัวส่วนที่เหลืออีก 2 ราย


พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2  กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาที่อยู่ในขบวนการทั้ง 5 ราย มีการเปิดเป็นบัญชีธนาคารแบบปกติ และเปิดเป็นบัญชีประเภทสินทรัพย์ดิจิทัล โดยผู้เสียชีวิตโอนเงินบาทไปยังบัญชีคนร้าย และมีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีแถวที่ 2 ซึ่งเป็นบัญชีประเภทไฮบริด คือ เป็นบัญชีเงินฝากธรรมดา และบัญชีเงินฝากสินทรัพย์ประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย และนอกประเทศไทย  


โดยบัญชีประเภทนี้ จะเปลี่ยนจากเงิน Fiat (เงินสกุลตามท้องถิ่นนั้น ๆ) เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเงิน Fiat มิใช่เงินที่แลกเปลี่ยนในสินทรัพย์ดิจิทัล บัญชีม้าประเภทไฮบริดนี้ มักจะเปิดสินทรัพย์ไว้หลายศูนย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการอายัดเงินของเจ้าหน้าที่ศูนย์รับแจ้งความ 1441  


อีกทั้งสามารถที่จะเปลี่ยนเงิน และยังใช้เงินของผู้เสียหายได้อยู่ ถึงแม้บัญชีเงินฝากของคนร้ายคนนั้นจะโดนอายัด โดยมีข้อสังเกตคือ ผู้ใช้ที่ผูกไว้กับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลฯ ของคนร้ายยังคงใช้ได้อยู่ แม้จะถูกอายัด คนร้ายอาจเข้าวอลเล็ตคนอื่น นำสินทรัพย์โอนไปยังบัญชีเงินฝากที่ไม่ได้ถูกอายัดเงิน  ถึงแม้ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกข้อกำหนดการโอนเงินเกิน 50,000 บาทต่อครั้ง หรือการโอนเงินเกิน 200,000 บาทต่อวัน จะต้องทำการสแกนใบหน้า ซึ่งแตกต่างกับสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ได้บังคับให้สแกนใบหน้า และจะมีกี่ธุรกรรมก็ได้ จึงทำให้ยากต่อการติดตาม


ทั้งนี้ หากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กำหนดให้มีการสแกนใบหน้าจะช่วยป้องกันการถูกหลอกเป็นเหยื่อได้ อีกทั้งการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นโลกไร้พรมแดนเจอกันได้ทั่วโลก นี่คือสิ่งที่อันตราย และประกอบกับ พ.ร.ก.ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงควรมีการแก้ไข มาตรา 3 นิยาม "ผู้ประกอบธุรกิจปัจจุบัน" มีแค่สถาบันการเงิน และบริษัทรับชำระเงิน อาจมีปัญหาว่าสามารถอายัดได้หรือไม่ ควรใช้ ป.อาญามาตรา 33(2) ปัญหาคือ ยังไม่มีกฎหมายรับรองเช่น ฝ่ายกฎหมาย บลจ. ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่มี Banking เพราะไม่ใช่ธุรกิจภายใต้ พ.ร.ก.ฯ


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา นายธีรยุทธ ร่มโพธิ์ชี อายุ 40 ปี สามีผู้เสียชีวิต และญาติ ได้ถือภาพถ่าย น.ส.สุดารัตน์ บัวแสน อายุ 28 ปี เดินทางมายังกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 พร้อมนำกระเช้ามาขอบคุณ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ไม่ทอดทิ้ง ช่วยกันติดตามตัวคนร้ายมาได้อย่างรวดเร็ว ทาง ผบช.สอท. ที่ทราบว่าจะเกษียณอายุราชการใน 30 ก.ย.นี้ แต่ก็ห่วงใยประชาชน เร่งรัดสั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัวได้ ที่ผ่านมาสภาพจิตใจของครอบครัวแย่มาก แต่พอมาทราบว่าจับคนร้ายได้ก็ดีใจ และโล่งใจมาก


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/DNwuzoqKuts

คุณอาจสนใจ

Related News