อาชญากรรม

พี่สาวร้อง น้องสาว-น้องเขย ฮุบสมบัติแม่ ทั้งเงินและที่ดินกว่า 200 ล้านบาท

3 ก.ย. 2567

723 views

นางปรีญา อายุ 69 ปี ลูกสาวของ นางปิ่น อายุ 92 ปี มาร้องสื่อ หลังทราบว่าน้องสาว อายุประมาณ 61 ปี ได้ฮุบสมบัติของครอบครัว ไปกว่า 200 ล้านบาท โดย นางปรีญา เล่าว่า บ้านที่ย่านประชาอุทิศ จะต้องเวนคืนที่ดิน ตนเองเข้าไปตรวจสอบ พบว่าชื่อในโฉนดได้มีการโอนเปลี่ยนชื่อไปแล้ว จากชื่อแม่เป็นชื่อน้องสาว จำนวน 3 แปลง เป็นเงินประมาณ 200 ล้าน ซึ่งตนเองก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไปคุยกับน้องสาว แต่น้องสาวก็ไม่ได้ตอบอะไร และตนก็ไปตรวจสอบเงินในบัญชีแม่ ที่เป็นบัญชีเงินค่าเช่าที่ดินของแม่ย่านสุขุมวิท 16 ที่จะต้องได้ค่าเช่า เดือนละ 1.2 ล้านทุกเดือน ซึ่งเงินในบัญชีนั้นเหลือเพียง 2 ล้านกว่าบาท ตนเองก็ตกใจจึงไปถามน้อง น้องสาว อ้างว่าเอาเงินไปซ่อมตึกย่านสุขุมวิท

นางปรีญา ยังเล่าอีกว่า เงินออกจากบัญชีของแม่ ไปถึง 311 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2559 จนถึง 2566 ปี โอนครั้งละหลักหมื่น จนถึงหลายสิบล้าน เป็นเงินกว่า 98 ล้านบาท โดยโอนผ่านแอปพลิเคชันธนาคารโทรศัพท์ของแม่ ทั้งที่แม่เล่นมือถือไม่เป็น แต่น้องสาวและน้องเขยได้พาแม่ไปทำแอปฯธนาคารในมือถือ และเมื่อเงินเข้ามา น้องเขยและน้องสาว จะร่วมกันโอนออกทันที แบ่งโอนไปบัญชีน้องสาวและบัญชีน้องเขยจนหมด ส่วนที่ดิน 3 แปลง ที่เป็นบ้านพักย่านประชาอุทิศ พบว่าน้องสาวพาแม่ไปเซ็นโอน แต่ใช้เป็นลายนิ้วมือพิมพ์แทนลายเซ็นของแม่ เมื่อปี 2558 ก่อนที่จะยักยอกเงินออกจากบัญชี ในปี 2559

นางปรีญา กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองกับน้องสาวอยู่บ้านแม่ด้วยกัน แต่พอตนเองแต่งงานก็ย้ายออกมาแต่ยังอยู่ในรั้วเดียวกัน ส่วนแม่เมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคจิตเวช ช่วงปี 2558 น้องสาวก็ดูแลแม่มาโดยตลอด เพราะนอนบ้านเดียวกัน แต่ตนเองก็เทียวไปหาตลอด แต่ก็เริ่มสังเกตว่า ทำไมแม่อาการแย่ลง บางครั้งก็เห็นแม่นั่งเหม่อ นั่งลอยเหมือนคนไร้สติ และพอตนเองทราบเรื่องทั้งหมด เมื่อปีที่แล้ว ก็ไปทำเรื่องอนุบาลแม่ เพราะจะได้มีสิทธิในการดูแล เพราะก่อนหน้านี้ น้องสาวดูแลโดยปริยาย เพราะอยู่ใกล้ชิดแม่ตลอดเวลา และน้องสาวก็พยายามกีดกันทุกคนเวลาใครจะเข้ามาคุยเรื่องเงินกับแม่

เมื่อแม่มีอาการแย่ลง ตนถามน้องได้พาแม่ไปหาหมอหรือไม่ ซึ่งน้องก็อ้างว่าพาไป แต่ความจริงแล้วคือน้องสาวเอาไปเอายาที่รพ.มาแทน ซึ่งเป็นยาคล้ายยานอนหลับ คล้ายกังวล ที่ต้องสั่งจ่ายจากแพทย์เท่านั้น แต่น้องสาวกลับไปขอมาให้แม่ได้ ทั้งที่แม่ก็ไม่ได้ไป รพ. และยาดังกล่าว หากรับยาเกินโดส ก็จะส่งผลให้แม่มีอาการมึนไม่มีสติ ซึ่งตนเองก็สงสัยว่า แม่อาจจะให้ยาแม่เกินโดสก็ได้ อีกทั้งน้องสาวก่อนหน้านี้ดูแลแม่ไม่ดีเท่าไหร่นัก

เมื่อถามว่าแม่ได้ทำพินัยกรรมหรือไม่ ก็บอกว่า แม่ไม่ได้ทำพินัยกรรมอะไร เพราะแม่มีนิสัยขี้เหนียว และช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตนเองก็เห็นครอบครัวน้องสาวมีความร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งตนก็คิดว่าน้องคงแบ่งกันไป แต่ไม่คิดจะเอาไปเยอะเท่านี้ เพราะแม่มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 2 พันล้านบาท ตัวเองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับน้องสาว แต่รู้สึกพฤติกรรมของน้องสาว ไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับแม่ ทั้งที่แม่ก็ป่วย ตนจึงอยากให้น้องสาวหยุดพฤติกรรมแบบนี้ และนำเงินทั้งหมด รวมถึงที่ดินมาคืนแม่ เพราะอยากให้แม่ได้รับความยุติธรรม ตนไม่ได้หวังอะไร เพราะตนเองก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองอยู่แล้ว

สำหรับตอนนี้ แม่ก็ยังอยู่ในการดูแลของตนเองและน้องสาว ส่วนบัญชีเงินค่าเช่าที่ดินสุขุมวิทก็ยังเข้าปกติ แต่น้องหยุดพฤติกรรมโอนเข้าบัญชีตัวเองแล้ว

ด้าน ทนายวิเชียร อินเรน ทนายความส่วนตัว กล่าวว่า ในส่วนทางกฎหมาย ตอนนี้ตนได้ทำเรื่องฟ้องไปที่ ปปง. เนื่องจากขอให้ดำเนินคดีความผิดฐานฟอกเงินกับผู้ต้องหา เพราะว่ามีการโอนเงินเข้าในบัญชีผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เป็นจำนวนมาก จึงเชื่อว่ามีการเอาเงินไปโดยทุจริต ซึ่งได้ไปร้องมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แล้วแต่เรื่องดันเงียบไป

นอกจากนี้ ตนได้ไปร้องที่กองปราบ เกี่ยวกับการเบิกเงินค่าเช่า จากบัญชีนางแม่ ไปกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวน เตรียมส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปที่ อัยการ ภายในอาทิตย์นี้ และเตรียมที่จะยื่นหนังสือเพื่อร้องเรียนต่อแพทย์สภา เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่า พานางปิ่นไปหาหมอและรับยาจิตเวชโดยที่ไม่ได้พาตัวไปหาหมอเอง แต่หมอจ่ายยาให้ตลอด เกิดคำถามว่า แพทย์สามารถจ่ายยาให้กับญาติของคนไข้ โดยที่ไม่ได้เจอตัวและวินิจฉัยอาการป่วยของคนไข้เองได้หรือไม่

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ลูกฮุบสมบัติ

คุณอาจสนใจ