อาชญากรรม
'คิวพี' เสียใจ เตรียมบวชให้เหยื่อเจ็ตสกี แจงภาพถือกระป๋องเบียร์ เป็นรูปเก่า
โดย nattachat_c
20 ส.ค. 2567
178 views
จากกรณี นักแสดงหนุ่ม 'คิวพี-ชินดนัย แซ่ลิ้ม' อายุ 21 ปี ขี่เจ็ทสกีพาแฟนสาว และแม่ของแฟน ไปทานข้าว แล้วขากลับพุ่งชนเรือหางยาวข้ามฟาก ที่พระประแดง จ.สมุทรปรากร เป็นเหตุทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย และ เสียชีวิตอีก 2 ราย กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ ต.บางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่ช่วงกลางดึกวันที่ 17 ส.ค. 2567 ผ่านมา
ภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้เคียงท่าน้ำวัดบางกระเจ้านอก ช่วงเวลา 20.29 น. ของคืนวันที่ 17 ส.ค.67 ซึ่งเป็นคืนวันเกิดเหตุ จะเห็นว่าทางฝ่ายเรือหางยาว ซึ่งมีคนขับ และนั่งโดยสารในเรือทั้งหมด 3 คน ขับออกจากท่าเรือของวัดบางกระเจ้านอก เพื่อข้ามฝากไปฝั่งของพระรามสาม หลังจากที่เรือลำนี้ออกจากท่าเรือ ไปจนถึงเกือบกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ปรากฏว่า มีเรือเจ็ทสกีคู่กรณีที่ขับมา ลำแรกจะเห็นว่ามีการหักหลบพ้น แต่อีกลำหักหลบไม่พ้น และชนอย่างจัง สอดคล้องกับคำให้การของ คิวพี ที่เป็นคนขับเจ็ตสกี
ทั้งนี้ มีการตั้งคำถาม เมื่อปรากฎคลิป ที่ระบุว่า เป็นแฟนสาว ได้มีการเตือนว่าดื่มไป 3 กระป๋องแล้วนะ ขณะที่ คิวพี ตอบกลับด้วยอารมณ์ ว่า "ทำไมอะ"
นอกจากนี้ เพจ Red Skull XXX ได้ขุดภาพที่ คิวพี ที่ลงในโซเชียล วันเดียวกับวันเกิดเหตุ ซึ่งในมือของนักแสดงหนุ่มถือกระป๋องเบียร์อยู่ในมือ
ต่อมา มีรายงานข่าวว่า อินสตาแกรมของ คิวพี และ แฟนสาว ได้ปิดเป็นไพรเวทแล้ว
-------------
นาย พรทวี เจ้าของเจ็ตสกี ซึ่งเป็นญาติของนายคิวพี เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า คิวพีกับเพื่อนรวม 11 คน ได้ขี่เจ็ทสกี 5 ลำ จากดาวคะนองมากินข้าวที่บริเวณพระประแดง ก่อนจะมาประสบอุบัติเหตุ พร้อมยืนยันว่า 'คิวพี' นั้นไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเมื่อคืนนี้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์แล้วก็ไม่พบ ปกติจะพากันขับเรือออกในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นประจำ และ 'คิวพี' เองก็มีความชำนาญมากในการขับเจ็ทสกี ซึ่งปกติจะไม่ได้ขับเร็ว แต่ตอนนี้สภาพจิตใจของ 'คิวพี' ย่ำแย่มากยังคงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
-------------
วานนี้ (19 ส.ค. 67) เวลา 11:45 น. นายชินดนัย แซ่ลิ้ม หรือคิวพี อายุ 21 ปี นักแสดงซีรีส์ และผู้ขับเรือเจ็ทสกี ได้เดินทางไปยังสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ เพื่อพูดคุย และให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแก่เจ้าพนักงานเจ้าท่า โดยนายคิวพีแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีขาว สวมหมวกแก๊ปสีดำ และใส่แมสก์ปกปิดใบหน้า ได้เดินทางมาพร้อมกับพ่อ และลุงเจ้าของเรือเจ็ทสกี
โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามเข้าไปพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงกับนายคิวพีว่า อยากที่จะต้องการขอโทษอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ รวมทั้งสภาพจิตใจหรืออยากจะกล่าวอะไรถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ปรากฏว่า นายคิวพีได้แต่ก้มหน้า และไม่ตอบคำถามใดๆ กับผู้สื่อข่าว เช่นเดียวกับพ่อ และลุง ของนายคิวพี ที่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร ก่อนที่ทั้ง 3 คน จะเดินทางขึ้นไปยังห้องสอบสวน ชั้น 2 โดยมี นายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ และเจ้าพนักงานร่วมทำการสอบสวน
จากการสังเกตการณ์หน้าห้องสอบสวน พบว่า นายคิวพีและพ่อ อยู่ในสภาพที่เคร่งเครียด มีบางช่วงจังหวะที่พ่อได้กุมมือนายคิวพีเอาไว้ ส่วนลุงของนายคิวพี ทางเจ้าพนักงานได้แยกไปสอบสวนอีกห้องนึง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟังการสอบสวน
ต่อมาเวลา 15.20 น. หลังจากเจ้าหน้าที่ สอบสวนคิวพี นานกว่า 3 ชั่วโมง คิวพีพร้อมพ่อ และลุงผู้เป็นเจ้าของเรือ ได้เดินลงมาจากห้องสอบสวน
โดยระหว่างทาง ผู้สื่อข่าวได้พยายามพูดคุยกับนายคิวพีว่า สะดวกใจที่จะกล่าวขอโทษใด ๆ แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต หรือพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ปรากฏว่า นายคิวพีก้มหน้า และส่ายหัวที่จะไม่ตอบคำถาม ก่อนที่ภายหลังจะยอมพูดเพียงสั้นๆ แค่ว่า "เสียใจครับ" และ "ผมขอโทษครับ"
ในขณะที่ คุณพ่อของคิวพี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หลังเสร็จสิ้นธุระที่ สภ.พระประแดง ก็จะเดินทางไปขอขมาศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย โดยนายคิวพีก็จะเดินทางไปร่วมงานศพด้วย ตอนนี้ สภาพจิตใจของคิวพียังย่ำแย่ และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพ่อของคิวพีว่า ครอบครัวของผู้เสียชีวิตต้องการอยากได้ยินคำขอโทษ คุณพ่อของคิวพีจึงได้กล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมดูแลรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น และไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบแต่อย่างใด ก่อนจะรีบเดินขึ้นรถออกไปจากสำนักงานเจ้าท่า
-------------
ทางด้าน พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมตำรวจ สภ.พระประแดง ได้เดินทางกลับจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ โดยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับข้อสรุปด้านท้องที่ จะให้ สภ.พระประแดง เป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนคดีเรือเจ็ทสกีชนเรือชาวบ้าน แต่ตอนนี้ ยังไม่ได้แจ้งข้อหาใด ๆ กับคนขับเจ็ทสกี เนื่องจากต้องรอข้อเท็จจริงที่เจ้าพนักงานเจ้าท่าสอบปากคำคนขับเจ็ทสกีก่อน จากนั้น ค่อยนำมาพิจารณาข้อมูล ก่อนที่จะแจ้งข้อหาต่อไป คาดว่าน่าจะแจ้งข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ภายในช่วงบ่าย เนื่องจากได้นัดหมายที่จะสอบปากคำนายคิวพีต่อในช่วงบ่าย ภายหลังจากให้ข้อมูลกับเจ้าพนักงานเจ้าท่าแล้วเสร็จ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คดีเกิดตั้งแต่ช่วงค่ำวันเสาร์แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใด ๆ ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตมีความกังวลว่า จะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ พ.ต.อ.ประภาส กล่าวว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แตกต่างจากอุบัติเหตุตามท้องถนน ซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือ ในการวิเคราะห์พยานหลักฐานต่าง ๆ ถ้ากรมเจ้าท่าสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้น ก็จะให้ทางกรมเจ้าท่าไปให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวนในฐานะผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำมาประกอบการแจ้งข้อกล่าวหานายคิวพีต่อไป ยืนยันว่า ทางตำรวจจะให้ความเป็นธรรมในคดีนี้อย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า จากกระแสข่าวว่า ขณะที่มีปัญหาเรื่องท้องที่ที่รับผิดชอบคดีกลางแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังไม่แน่ชัดว่า เป็นของ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หรือ สน.บางคอแหลม กทม. พ.ต.อ.ประภาส กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ว่าเป็นเขตรับผิดชอบของสถานีตำรวจใดนั้น ต้องให้ทางเจ้าท่าเป็นผู้ชี้ชัดตรวจสอบก่อนว่า เครื่องยนต์เรือยาวที่ถูกชนตกอยู่ในท้องที่ใด รวมทั้งต้องให้ทางเจ้าท่าดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับเส้นทางการเดินเรืออย่างละเอียด ถึงจะสามารถชี้ชัดได้ว่าท้องที่ใดต้องรับผิดชอบ และจะสามารถดำเนินคดีทางอาญาได้ ส่วนในเรื่องความผิดเกี่ยวกับการขับเรือเจ็ทสกีนั้น ต้องให้ทางเจ้าท่าเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน และแจ้งความดำเนินคดี
-------------
ด้านนายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสมุทรปราการ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ในวันนี้ จะเรียกทั้งตัวเจ้าของเรือ และนายคิวพี มาเพื่อสอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานกรมเจ้าท่า รวมทั้งจะให้ทั้งสองคนนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับใบทะเบียนเรือเจ็ทสกี และประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือหรือใบนายท้าย ซึ่งเปรียบเสมือนใบขับขี่รถยนต์ มาแสดงต่อเจ้าพนักงานด้วย
โดย นายฉัตรชัยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ขับขี่เรือได้นั้น จะต้องมีประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือ หรือใบนายท้าย ซึ่งตอนนี้ ยังไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่า นายคิวพีมีใบนายท้ายตามที่กระแสข่าวหรือไม่
แต่ถ้าหากว่าไม่มีใบดังกล่าว ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งทางเจ้าพนักงานกรมเจ้าท่าก็จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.พระประแดง ต่อไป โดยความผิดฐานไม่มีใบท้ายเรือตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทยพุทธศักราช 2456 นั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-------------
ต่อมาเวลา16.30 น. คิวพี และพ่อ เดินทางมายัง สภ.พระประแดง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวน และให้ปากคำเพิ่มเติม
โดย คิวพี เผยว่า ตนเองอยากจะขอโทษกับญาติของผู้เสียชีวิตกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้มีเจตนา หรือความตั้งใจที่จะให้เกิดขึ้นแบบนี้ รวมทั้งมีความตั้งใจที่จะบวช อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต และพร้อมที่จะเยียวยากับญาติผู้เสียชีวิต พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง ในวันที่เกิดเหตุ ตนเองได้เข้ามาในพื้นที่ย่านพระประแดง และไม่ทราบว่ามีการเดินเรือข้ามฟาก ตนเองไม่ค่อยได้ขับเจ็ทสกีมาเล่นในพื้นที่พระประแดงส่วนใหญ่จะขับในบึงปิด ซึ่งในคืนที่เกิดเหตุ เจ็ทสกีชนเรือหางยาวข้ามฟากนั้น ตนเองยอมรับว่ามองไม่เห็น
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นดังนี้ตนเองได้ขับเรือเจ็ทสกีมากับเพื่อนอีก 1 ลำ ซึ่งเขาแซงและนำตนไป แต่เขาเห็น และสามารถหักหลบได้โดยพ้นช่วงท้ายเรือ เมื่อมาถึงลำของตนเอง มาจังหวะที่ระยะ 1 เมตรสุดท้าย ซึ่งทำให้มองไม่เห็น และไม่ทันแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ส่วนก่อนเกิดเหตุ ตนเองไม่ได้ดื่มเหล้าหรือเบียร์มา ส่วนภาพที่มีการถือรูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เป็นรูปเก่าที่เก็บไว้ถ่ายเล่น ๆ ตนเองมองไม่เห็นแสงไฟบนเรือของคุณลุงประยูรที่เสียชีวิต ส่วนแสงสว่างกลางแม่น้ำก็ไม่สามารถทำให้ตนเองมองเห็นเรือหางยาวข้ามฟากได้ในระยะไกล แต่เจ็ทสกีที่ตนเองขับวันนั้นมีไฟเป็นลักษณะ Daylight และหลังจากนี้ ตนเองคิดว่าจะไม่ขี่เจ็ทสกีอีกแล้ว ตั้งใจว่าจะเลิกขี่
ซึ่งหลังจากนี้ ตนเองจะไปร่วมพิธีงานศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย และมีความตั้งใจที่จะบวชเพื่อขออโหสิกรรมกับผู้เสียชีวิต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองยอมรับว่าเกิดจากความประมาท ตนเองอยากจะฝากถึงผู้ที่ขับเจ็ทสกีว่า อยากขับในเวลากลางคืน สุดท้ายนี้ ตนเองอยากจะขอโทษกับญาติผู้เสียชีวิต แต่ไม่รู้จะใช้คำขอโทษอย่างไรดี
ด้าน พ่อของคิวพี เปิดใจบอกว่า ทั้งตนเอง ทั้งคิวพี และรวมไปถึงครอบครัว รู้สึกเสียใจ จนกินไม่ได้นอนไม่หลับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ รู้สึกสำนึกผิดในเรื่องที่เกิดขึ้น วันเกิดเหตุตนเองยอมรับว่ามาด้วย แต่มาคนละลำกับน้องคิวพี คืนวันเกิดเหตุน้องออกมาก่อนกับเพื่อนส่วนตัวเองหลังจากเช็กบิลเสร็จก็ตามออกมา มาถึงน้องก็ชนแล้ว ตอนชนตนเองไม่เห็นเหตุการณ์ แต่ก็พยามขับเรือวนหาผู้บาดเจ็บ จนกระทั่งแน่ใจว่าไม่เจอ จึงช่วยลากเรือเข้ามาที่ท่าน้ำ
ในเรื่องของความรับผิดชอบตนเองในฐานะพ่อของน้อง ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ และเยียวยาผู้ที่ได้เสียหายอย่างเต็มที่ ส่วนตัวของน้องคิวพีเองก็รู้สึกเสียใจ และสำนึกผิด สภาพจิตใจย่ำแย่ หลังจากเป็นข่าวออกไป ก็ทำให้มีผลกระทบต่างตามมาหลายด้าน ตนเองอยากขอโอกาสสังคม ให้อภัยทางครอบครัวของตนเอง โดยเฉพาะน้องคิวพี ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ตนเองในฐานะพ่อยอมรับผิดที่เป็นส่วนหนึ่งที่อบรมสั่งสอนลูกไม่ดี จนเกิดความประมาทขึ้นในครั้งนี้
ส่วนทางครอบครัว หรือญาติผู้เสียชีวิต ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันตั้งแต่เกิดเรื่อง ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ ก็ตั้งใจจะไปร่วมงาน และพูดคุยกับทางครอบครัว โดยในวันนี้ (19 ส.ค. 67) จะให้ทางอาของคิวพี่ไปร่วมงานศพที่จังหวัดสมุทรสาครก่อน แล้วดูแลเยียวยาเบื้องต้นก่อน ส่วนตนเองกับคิวพีตั้งใจจะไปที่ลพบุรีก่อนเพื่อพูดคุยและเยียวยา กับครอบครัวผู้เสียชีวิตของนางสาวปาริฉัตร ในเบื้องต้น
ด้าน พันตำรวจเอกประภาส มั่งคั่ง รองผู้บังคับการภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า จะเร่งรัด การสอบสวนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บข้อมูลและดำเนินการไปค่อนข้างมากแล้ว
----------------
วานนี้ (19 ส.ค. 67) เวลา19.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดบางยาง ต.บางยาง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งทางครอบครัวได้นำร่างของ นายประยูร อ่วมประทุม อายุ 66 ปี คนขับเรือหางยาว ผู้เสียชีวิต มาทำพิธีสวดพระอภิธรรมและบำเพ็ญกุศล
พบว่าบรรยากาศมีญาติ สนิท และบรรดาผู้รู้จักคุ้นเคยมาร่วมงานประมาณ 100 คน โดยในค่ำคืนนี้ได้มีทางด้านของ นายศีกร ชีรณวาณิช อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นอาของคิวพี รับเป็นเจ้าภาพ
นายศีกร กล่าวว่า ตนมาในฐานะตัวแทนจากทางครอบครัว ซึ่งเรามีความเสียใจไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เราได้มาแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต และเบื้องต้น ทางเราก็ได้เข้ามาเยียวยาค่าทำขวัญต่าง ๆ และรับปากว่า จะดูแลครอบครัวของคุณอาประยูร เป็นอย่างดี ซึ่งเราก็ได้พูดคุยกับญาติพี่น้องของเขาแล้ว วันนี้ ก็อยากให้ญาติ ๆ เขาเข้าใจว่า ทางเราเสียใจอย่างที่สุด ส่วนทางด้านคิวพีนั้นมาแน่นอน ซึ่งตนก็ได้คุยกับญาติ ๆ เขา ซึ่งทางญาติเขาก็ต้องการให้มากราบศพคุณพ่อเขา เพราะอยากให้คุณพ่อไปดี
ส่วนทางด้านนางสาวประภาศรี อ่วมประทุม อายุ 41 ปี ลูกสาวผู้ตาย บอกว่า ทางคู่กรณีเบื้องต้นเขาให้มา20,000 บาท และซื้อข้าว ซื้อน้ำ มาให้กับแขกภายในงาน ซึ่งตรงนี้ ยังไม่มีการตกลงค่าใช้จ่าย แต่เป็นการช่วยเยียวยาเบื้องต้น และจะมีการคุยกันทีหลัง ซึ่งในการที่เขาส่งตัวแทนมาร่วมงานตนมีความรู้สึกว่าดี ว่าเขายังรู้สึกผิด ซึ่งตนบอกว่า ยังไงต้องให้เจ้าตัวคนที่ชนเข้ามา เขาบอกว่า ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนมาแน่ ถ้าเขามาสักครั้งพ่อจะได้ไปสู่สุขคติ
ส่วนเรื่องคดียังไม่รู้เหมือนกัน เพราะยังไม่ได้เข้าคุยกับทางตำรวจ สำหรับพ่อตนนั้น ถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว เมื่อเราต้องสูญเสียไป ความรู้สึกมันบอกไม่ถูก มันร้องไห้ออกมาจนไม่เหลืออะไรแล้ว มันกะทันหันด้วย มันเร็วเกินไป ทำให้เรารับไม่ได้ สำหรับกำหนดการณาปนกิจศพจะมีการประชุมเพลิง ในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 21 สิงหาคม 2567
-------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/o7BiyLCWAe0