รวบปู่ขืนใจหลานสาววัย 14 ปี มานานกว่า 3 ปี จนเด็กเครียดเกือบปลิดชีพ

วันนี้ (1 สิงหาคม 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ อิษฎ์ บุญญะฤทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้าจับกุมตัวนายเติม หรือ เบิ้ม อายุ 58 ปี ผู้ก่อเหตุกระทำเราเด็กหญิงวัย 14 ปี ต่อเนื่องมาเป็นเวลานานกว่า 3 ปี เหตุเกิดที่บ้านพักในพื้นที่บ้านจอมศรี ตำบลงิ้ว อำเภอห้วยแถลง หลังจากคณะครูของโรงเรียนได้พาเด็กหญิงผู้เสียหายเข้าแจ้งกับนายอดุลย์ มูลหา ปลัดอำเภอห้วยแถลง ก่อนพาเด็กสาวผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ



นายอดุลย์ มูลหา ปลัดอำเภอห้วยแถลง เปิดเผยว่า จากการสอบถามเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) วัย 14 ปี ทราบเบื้องต้นว่า เด็กอาศัยอยู่กับผู้ที่มีศักดิ์เป็นปู่มานานเป็นเวลากว่า 3 ปี หลังจากแม่ของเด็กเสียชีวิตไป ส่วนพ่อของเด็กก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯ จึงฝากเด็กหญิงให้มาอยู่ในการดูแลที่บ้านของญาติห่างๆ ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของเด็ก โดยตลอดระยะเวลาที่อยู่บ้านหลังดังกล่าว เด็กหญิงผู้เสียหายถูกญาติที่มีศักดิ์เป็นปู่กระทำชำเราเกือบทุกวัน ทั้งก่อนไปโรงเรียน และหลังจากกลับจากโรงเรียน

จนกระทั่งบางครั้งเด็กถึงขั้นปวดท้องไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ที่ผ่านมาชาวบ้านใกล้เคียงก็ต่างทราบเรื่อง แต่ไม่มีใครกล้ายื่นมือให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นผู้กว้างขวางในชุมชน ที่ผ่านมาโรงเรียนเดิมได้มีการแก้ปัญหาโดยการให้เด็กย้ายโรงเรียนใหม่ ทำให้เด็กเกิดความเครียดพยายามจะกรีดแขนทำร้ายตัวเองหวังฆ่าตัวตายหนีปัญหา ก่อนที่สุดท้ายเด็กจะตัดสินใจเข้าไปร้องไห้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ครูที่โรงเรียนใหม่ให้ช่วยเหลือ

พ.ต.อ อิษฎ์ บุญญะฤทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงคดีนี้ว่า หลังจากได้รับแจ้งจากทางคณะครู และฝ่ายปกครองอำเภอห้วยแถลง ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ แต่เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยยังคงให้การปฏิเสธ แต่จากการสืบสวนพบว่าในคดีนี้มีพยานหลักฐานค่อนข้างแน่นหนา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำผู้ต้องสงสัยเสร็จแล้ว โดยแจ้งดำเนินคดีในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี พร้อมกับส่งตัวไปฝากขังที่ศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง รวมถึงผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามผู้เสียหาย และผู้ให้การช่วยเหลือ



โดยขณะนี้เด็กหญิงผู้เสียหายได้รับการประสานความช่วยเหลือจากสำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา และมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ในการให้ความช่วยเหลือทางด้านคดี และเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กหญิงต่อไป