อาชญากรรม

ตำรวจยืนยัน "ยางู" ไม่เกี่ยวข้องกับคดีตาย 6 ศพ - สามีชาวเวียดนามหมายเลข 2 เผยไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับภรรยาช่วงเกิดเหตุ

โดย kanyapak_w

18 ก.ค. 2567

353 views

(18 ก.ค.) ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวสัญชาติเวียดนามและอเมริกัน 6 ราย ที่พบเสียชีวิตภายในห้องพักของโรงแรมชื่อดัวย่านราชประสงค์ ซึ่งต่อมาพบว่า ทั้งหมดเสียชีวิตจากสารพิษไซยาไนด์ โดยตำรวจเชื่อว่า 1 ในผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อเหตุวางยาเอง



ล่าสุด พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยถึงวัตถุพยานที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่า จากการตรวจสอบวัตถุพยานในห้องที่เกิดเหตุ ขณะนี้ยังมีแค่กาน้ำชา, ซองชา,  และถ้วยกาแฟ ทั้ง 6 ถ้วย ที่พบสารไซยาไนด์ ส่วนวัตถุพยานที่ตรวจเก็บได้จากสัมภาระของผู้เสียชีวิต รวมไปถึงยารักษาโรคทั่วไป ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีสารไซยาไนด์



ทั้งนี้ จะต้องทำการประสานทางตำรวจนครบาลเพิ่มเติมก่อน เนื่องจากสัมภาระของผู้เสียชีวิตที่เหลือทั้งหมด ตำรวจนครบาลเก็บไว้เป็นหลักฐานและบางกระเป๋ามีการล็อกยังไม่ได้เปิด เนื่องจากต้องรอทางญาติของผู้เสียชีวิตและสถานทูตมาเปิดพร้อมกัน จึงต้องทำการประสานเพิ่มเติมว่ายังมีวัตถุพยานใดที่ต้องให้พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเพื่มเติมอีกหรือไม่



ส่วนกรณีการตรวจสอบลายนิ้วมือและดีเอ็นเอจากวัตถุพยาน ขณะนี้ยังรอรายงานผลอยู่ เพราะเป็นการตรวจโดยละเอียด รวมถึงต้องรอผลดีเอ็นเอจากศพที่ทางนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นผู้ตรวจ ส่งมาเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของวัตถุพยานด้วย จึงจะยืนยันได้ว่า วัตถุพยานชิ้นไหนตรงกับดีเอ็นเอของใครบ้าง โดยเฉพาะวัตถุพยานที่พบสารไซยาไนด์ ทั้งกาน้ำชา, แก้วกาแฟ, กระป๋องชา และซองชา



ส่วนกรณีที่มีประเด็นเรื่อง ยางูหมายเลข 7 ที่พบเบาะแสจากคำให้การของไกด์ชาวเวียดนามนั้น จากวัตถุพยานที่พิสูจน์หลักฐานมีในขณะนี้ ยังไม่มียางูดังกล่าวส่งมาให้ทางพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบ



ขณะที่มีรายงานจากชุดสอบสวนว่า ยางูที่มีการสั่งซื้อผ่านไกด์และชายที่ชื่อไทเกอร์นั้น จากการสอบสวนพบว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่เนื่องจากพฤติกรรมในการสั่งซื้อยาดังกล่าว มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกับผู้เสียชีวิตหมายเลข 2 จึงต้องสืบสวนให้สิ้นสงสัย แต่ไม่พบว่ามีความเชื่อมโยง



ส่วนการสอบปากคำสามีชาวเวียดนามของผู้เสียชีวิตหมายเลข 2 ที่เป็นนักธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น โดยได้เดินทางมาพบตำรวจเมื่อวานนี้ มีรายงานว่า เจ้าตัวให้การว่า ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับภรรยาเลย เนื่องจากช่วงเกิดเหตุ ตนเองเดินทางไปทำธุรกิจอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ไม่ได้รู้ความเคลื่อนไหวของภรรยา และก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องการลงทุนที่มีข้อมูลว่าภรรยาเป็นนายหน้าไปชักชวนกลุ่มผู้เสียชีวิตมาลงทุน



อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ชุดทำคดียังต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะลายนิ้วมือแฝงที่อยู่บนกาน้ำชา และถ้วยกาแฟ ที่พบสารไซยาไนด์ รวมถึงผลการตรวจสอบอื่นๆ จึงจะสามารถได้ความชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ก่อเหตุวางยาในครั้งนี้



คุณอาจสนใจ