อาชญากรรม

รองผบช.น. เร่งชันสูตรปม “สาวจีน” ยันไม่ใช่การเรียกค่าไถ่ มุ่งเป้าชู้สาว-ฆ่าชิงทรัพย์

14 ก.ค. 2567

135 views

จากกรณีที่มีชาวจีนเข้าแจ้งความที่ สน.บางรัก ว่า MS.YAN อายุ 38 ปี เพื่อนนักศึกษาชาวจีน หายตัวไป โดยครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกันคือเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดย MS.YAN บอกว่าจะเดินทางไป จ.ภูเก็ต ในวันที่ 2 ก.ค. ก่อนที่จะขาดการติดต่อไป เกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจให้ช่วยตามหา ภายหลังตำรวจได้ลงพื้นที่เร่งก่อนพบชิ้นส่วนมนุษย์ในป่าข้างทาง จ.ฉะเชิงเทรา สันนิษฐานเป็นหญิงชาวจีนที่หายตัวไป


ล่าสุด พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางญาติชาวจีนของ MS.YAN พร้อมกับสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ได้เดินทางมายังสน.บางรัก ขอหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายชายชาวจีน โดยทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ ซึ่งจะต้องรอผลการตรวจ DNA เปรียบเทียบจากทางโรงพยาบาลตำรวจอย่างละเอียด เนื่องจากสภาพร่างที่พบอยู่ในลักษณะเน่าเปื่อย ไม่สามารถตรวจได้จากชิ้นเนื้อ จึงต้องตรวจจากโครงกระดูกที่พบและนำมาเปรียบเทียบกับ DNA ของบิดาของ MS.YAN


ทั้งนี้ในส่วนของผู้เสียชีวิต และ ผู้ต้องสงสัยชายชาวจีนนั้นจากพยานหลักฐานพบว่า ทั้ง 2 คนมีการนัดหมายเพื่อเจอกันที่ สุขุมวิท 12 ก่อนที่จะช่วยกันยกกระเป๋าและขึ้นรถไปด้วยความสมัครใจโดยไม่มีการใช้กำลังประทุษร้ายแต่อย่างใด และภาพยังปรากฏชัดเจนอีกว่าทั้ง 2 คนได้จอดรถและลงจากรถจับมือกันไปซื้อของที่ตลาดนัดคลองเตย ซึ่งเชื่อว่า ทั้ง 2 คนนัดรู้จักกันมาก่อนและไปด้วยกันด้วยความสมัครใจ


พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของวีแชตที่มีการกล่าวถึงการอุ้มรีดค่าไถ่นั้นทางตำรวจได้มีการสอบปากคำญาติของ MS.YAN แล้ว ปรากฏว่าเป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อนระหว่างเพื่อนของ MS.YAN ซึ่งเป็นผู้แจ้งและกับทางครอบครัว


เนื่องจากว่า MS.YAN ได้หายตัวไปเป็นระยะเวลาหลายวัน เพื่อนผู้แจ้งเชื่อว่าน่าจะโดนลักพาตัวเกรงว่าจะตกอยู่ในอันตราย จึงได้ติดต่อไปทางครอบครัวของ MS.YAN โดยสื่อสารว่าถูกอุ้มไปรีดค่าไถ่ ทางญาติจึงสอบถามว่าแล้วต้องทำอย่างไร เพื่อนผู้แจ้งจึงบอกเพียงแค่ว่าให้เตรียมเงินมา 1 ล้านหยวนไว้ก่อน ทั้งนี้ทางตำรวจได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าไม่ได้มีการอุ้มรีดค่าไถ่จากคนร้ายตามที่เพื่อนผู้แจ้งเข้าใจผิดแต่อย่างใด


ดังนั้นประเด็นในการสืบสวนชัดเจนว่า MS.YAN รู้จักกับผู้ต้องสงสัยชายชาวจีนและมีการสมัครใจในการไปด้วยกัน จึงเหลือเพียง 2 ประเด็นที่ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานคือ เรื่องชู้สาว และ ประสงค์ต่อทรัพย์ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ และ ขอหมายแดงเพื่อทำเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป


จากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดพบว่าคดีดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรข้ามชาติ หรือ การอุ้มรีดค่าไถ่แต่อย่างใด แต่มุ่งเน้นในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น อย่างไรก็ตามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีมาตรการป้องกัน คัดกรอง บุคคลต่างชาติเข้าประเทศเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย และ ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยมีตั้งศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย และประสานงานกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ที่ถือเป็นด่านแรกที่คนร้ายจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย


ขณะที่ สน.บางรัก ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุ พ่อของสาวชาวจีน พร้อมเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตจีน เดินทางมาเพื่อเข้าพบกับพันตำรวจเอกจิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ รอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 และพันตำรวจเอกธรรมศักดิ์ สารบุญ ผู้กำกับการ สน.บางรัก เพื่อขอทราบรายละเอียดและแนวทางการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา


โดยพันตำรวจเอกธรรมศักดิ์ ระบุว่า ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน ยังยื่นคำร้องขอให้ทางตำรวจไทยเร่งสรุปสำนวนคดีและทำหนังสือถึงทางการจีน เพื่อให้ทางการจีนร่วมดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิดนายชิงเหยียน ชายชาวจีน ผู้ต้องสงสัย ฐานฆาตกรรมชาวจีนด้วยกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้ใบแจ้งความกับตำรวจจีนแล้ว แต่ตำรวจจีนยังไม่รับแจ้งความ


ดังนั้นหลังจากที่ตำรวจไทยพิสูจน์ทราบยืนยันดีเอ็นเอผู้เสียชีวิตได้แน่นอนแล้ว ก็จะออกหมายจับผู้ต้องสงสัย และทำหนังสือรายงานเป็นหลักฐานไปยังสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย จากนั้นสถานเอกอัครราชทูตจีน ก็จะประสานกับตำรวจจีนว่าจะทำการสอบสวนเองหรือไม่ หรือจะช่วยจับกุมและส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับมาดำเนินคดีในไทยก็ได้ ตาม MOU ที่ได้มีการลงนามกันไว้


เบื้องต้นเชื่อว่าญาติประสงค์ให้ทางการจีนดำเนินการมากกว่า เพราะทางครอบครัวสะดวกและอาจเพราะกฎหมายจีนมีโทษที่รุนแรง โทษหนักกว่ากฎหมายไทยด้วยส่วนหนึ่ง โดยโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต


หลังจากหารือพูดคุยร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตจีนแล้ว พนักงานสอบสวนได้ขอสอบปากคำครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย โดยจะขอสอบปากคำในประเด็นว่าเคยเห็นผู้ต้องสงสัยหรือไม่ หรือทราบความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องสงสัยกับผู้เสียชีวิตหรือไม่ ตลอดจนประเด็นเรื่องประกันชีวิตและการได้รับผลประโยชน์


เบื้องต้นครอบครัวยืนยันว่าไม่เคยเห็นผู้ต้องสงสัยมาก่อน และ ผู้เสียชีวิตก็ไม่ได้แจ้งกับครอบครัว ว่าเดินทางมาไทยด้วยวัตถุประสงค์ใด เพราะความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ค่อยดี ส่วนตัวผู้ต้องสงสัยก็เดินทางมาจากสิงคโปร์ จึงไม่ทราบว่าเป็นแฟนกันหรือไม่ และยังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากนัก


พนักงานสอบสวนยังคงให้น้ำหนักแรงจูงใจในการก่อเหตุ เป็นเรื่องความขัดแย้งเชิงชู้สาว และประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนการเรียกค่าไถ่ เบื้องต้นยังเป็นเพียงเรื่องที่เพื่อนผู้เสียชีวิตคิดเผื่อสถานการณ์ไว้ให้ครอบครัวเตรียมพร้อม หลังผู้เสียชีวิตหายตัวไปเท่านั้น ยังไม่พบหลักฐานการเรียกค่าไถ่จริงๆ และจะรอสอบปากคำพี่เขยของผู้เสียชีวิตที่ได้รับแจ้งให้เตรียมเงินเผื่อถูกเรียกค่าไถ่ ซึ่งจะเดินทางมาไทยในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้


ส่วนการออกหมายจับ เชื่อว่าสามารถออกได้แน่นอนหลังพิสูจน์ทราบตัวผู้เสียชีวิตแน่ชัดแล้ว โดยผู้บังคับบัญชาจะเร่งรัดผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอกับสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจไปแล้ว หากตรวจดีเอ็นเอได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผ่านชิ้นส่วนศัลยกรรม ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นการศัลยกรรมในไทย หรือทำมาจากจีน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ