อาชญากรรม

หนุ่ม 15 ถูกแก๊งโจ๋รุมเตะแลกแหวนรุ่น สุดท้ายดับสลด พ่อแจ้งความ เจอตร.สวนกลับ ให้หาหลักฐานเอง

12 ก.ค. 2567

2K views

หนุ่ม 15 ปี ถูกรุมทำร้ายเสียชีวิต แลกกับแหวนรุ่น แถมคนร้ายนำตัวส่ง รพ. ก่อนหนี ช้ำหนักตำรวจบอกให้ไปหาหลักฐานมาเองถึงจะทำคดีให้ 


วานนี้ (11 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านพักแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากได้รับการติดต่อจากนาย อิทธิศักดิ์ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ นายนำชัย หรือดุ๊ก อายุ 15 ปี ที่เสียชีวิตจากการถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 04.30 น. ที่บริเวณโป๊ะเรือหลังวัดละหาร โดยหลังจากก่อเหตุแล้ว กลุ่มผู้ก่อเหตุได้นำตัวนาย นำชัย หรือดุ๊ก ไปส่งที่โรงพยาบาลมีสภาพร่างกายฟกช้ำบริเวณใบหน้าและลำคอศีรษะมีอาการบวมปูด โดยอ้างว่าผ่านไปเจอนายตุ๊ก นอนสลบอยู่จึงช่วยพาตัวมาส่งที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นก็ได้หนีหายไปทั้งกลุ่ม ซึ่งขณะนั้นนายดุ๊กได้เสียชีวิตแล้ว

ต่อมาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทองว่ามีผู้เสียชีวิต จึงประสานนำตัวส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยแพทย์วินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิตว่าเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง และมีการเปิดเผยคลิปซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นชนวนเหตุ เป็นคลิปเหตุการณ์เมื่อ วันที่ 28 มิ.ย.67 โดยเหตุการณ์ในคลิป นายดุ๊ก สวมเสื้อสีดำกางเกงยีนส์นั่งคุกเข่าอยู่ และมีกลุ่มเพื่อนๆ อีก 5 คนยืนล้อมอยู่ ซึ่งนายดุ๊กต้องการแหวนรุ่นซึ่งเป็นแหวนรุ่นที่ 66 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง แต่ตัวนายดุ๊กเองไม่ได้เรียนที่โรงเรียนนี้ถ้าอยากจะได้จะต้องรับน้อง โดยการให้เพื่อนเตะบริเวณหน้าอกครบทุกคน ในคลิปนายโอม ใส่เสื้อสีดำกางเกงขาสั้นเตะเป็นคนแรก

ต่อมาวันที่ 6 ก.ค.67 หลังจากที่พ่อและย่าของนายดุ๊กทราบเรื่องก็ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวนายโอม อายุ 15 ปี มาได้เพียงคนเดียว ส่วนผู้ก่อเหตุคนอื่นๆ ยังไม่สามารถติดตามตัวมาสอบปากคำได้

กระทั่งเมื่อวันที่ 10 ก.ค.นายอิทธิ์ศักดิ์ ได้เดินทางไปที่โรงพักบางบัวทองเพื่อสอบถามความคืบหน้า แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกว่า ถ้าอยากให้หาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีเพิ่มอีกก็ให้ตนไปหาหลักฐานกล้องวงจรปิดและหาพยานหลักฐานมาเอง

พ่อของนายดุ๊ก เล่าว่า ปกติตนทำงานอยู่ที่จังหวัดนครปฐมและเลิกกับแม่ของลูกชายไปแล้ว แต่ตนก็คอยส่งเงินมาให้ที่บ้านที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งที่บ้านหลังนี้จะอยู่กัน 3 คน คือแม่ของตนซึ่งเป็นย่าของนายดุ๊ก,นายดุ๊กและน้องสาวคนละแม่ พอทราบว่าลูกชายเสียชีวิตก็ตกใจ จึงรีบเดินทางกลับมา ก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับลูกชายตน

สภาพจิตใจตอนนี้หัวอกคนเป็นพ่อไม่ว่าใครก็รับไม่ไหว เพราะตนก็รักลูกทั้งสองคนมากถึงแม้ว่าจะมีการดุด่าตามประสาไปบ้าง หลังเกิดเรื่องตนได้ไปถามเรื่องราวต่างๆ ทั้งจากโรงพยาบาลและจากกลุ่มเพื่อนของลูกชาย ทำให้ทราบว่า ตอนที่นำตัวนายดุ๊กมาส่งที่โรงพยาบาลทำไมสภาพถึงเปียกไปทั้งตัวและมีรอยฟกช้ำที่ใบหน้าหลายแห่ง

และสอบถามจากเพื่อนๆ ก็ได้ความว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.67 นายดุ๊กได้ไปฉลองวันเกิดของเพื่อนที่บ้านเพื่อนโดยมีกลุ่มเพื่อนๆที่สนิทกันแถวบ้านไปด้วย จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. นายโชค อายุ 15 ปี เพื่อนที่ลูกชายตนไปฉลองวันเกิดด้วยกัน ได้พาลูกชายตนซ้อนท้ายรถจยย. 3 คน ออกไปบริเวณที่เกิดเหตุโดยมีคนขับไม่รู้ว่าใคร และลูกชายตนนั่งตรงกลางและนายโชคนั่งประกบด้านหลัง เพื่อไปท้าต่อยกับนายโอม ซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มและเป็นคนที่แตะลูกชายตนในคลิป สอบถามเพื่อนๆ แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน

หลังจากเกิดเรื่อง วันที่ 10 ก.ค.67 ตนได้นำศพลูกชายไปทำพิธีทางศาสนา และได้พบกับนายโอม จึงได้สอบถามถึงเรื่องดังกล่าวซึ่งนายโอมยอมรับสารภาพกับตนว่ามีเรื่องชกต่อยกันจริง และที่ตัวเปียกเพราะว่านายดุ๊กสลบจึงเอาผ้าชุบน้ำมาลูบหน้าเพื่อให้ตื่น ส่วนตัวตนคิดว่านายโอมพูดความจริงไม่หมดและตั้งข้อสงสัยว่าถ้าแค่เอาผ้าชุบน้ำมาลูบหน้าทำไมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลถึงบอกว่านายดุ๊กเปียกไปทั้งตัว และคิดว่านายโอมไม่ได้ทำเพียงคนเดียว เพราะนายโอมตัวเล็กกว่าลูกชาย

ตนคิดว่าคงมีคนอื่นๆ ที่ร่วมด้วยอีกไม่ต่ำกว่า 2 คน เพื่อนๆ ลูกชายตนที่มางานศพ บอกกับตนว่า ตอนที่นายโชคพาลูกชายตนซ้อนท้ายออกไป ลูกชายตนก็มีอาการเหม่อลอยเหมือนคนไม่ได้สติ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นลูกชายตนโดนทำร้ายร่างกายมาก่อนที่จะออกไปรึเปล่า

พ่อเล่าต่ออีกว่า ตอนนี้ตนติดใจอยู่ 2 เรื่อง คือ ตัวผู้ก่อเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ 1 คน คือนายโอม และได้รับการแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้จับกุมตัวนายโอมและดำเนินคดีส่งสถานพินิจฯไปแล้ว ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีข้อหาอะไรบ้าง และผู้ก่อเหตุที่อยู่ในเหตุการณ์คนอื่นๆ เพราะเชื่อว่าถ้าเรื่องชกต่อยกันตัวต่อตัว นายโอมเพียงคนเดียวคงไม่สามารถทำให้ลูกชายตนเสียชีวิตได้แน่นอน

นายโอมจะอ้างว่าลูกชายตนสะดุดล้มหัวฟาดพื้นเองก็คงฟังไม่ขึ้น แล้วทำไมหลังจากพาตัวลูกชายตนไปส่งที่โรงพยาบาลแล้วจะหนีกันทำไม ตนมองว่ากุญแจสำคัญเลยคือตัวนายโชค ที่เป็นคนพาลูกชายตนออกมา ตอนนี้เพื่อนๆ ของลูกชายตนบอกว่า นายโชค หนีไปแล้ว และคาดว่าน่าจะเอาโทรศัพท์ของลูกชายตนไปด้วย คิดว่าหลักฐานต่างๆ เช่นคลิปและแชทน่าจะอยู่ในโทรศัพท์ของลูกชาย และหากไม่ได้ทำอะไรผิดนายโชคจะหนีทำไม ตอนนี้เช็คโทรศัพท์ของลูกชายก็มีการใช้งานฟซบุ๊คเป็นช่วงๆ

ส่วนเรื่องที่ 2 คือ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.67 ตนได้ไปติดตามความคืบหน้าของคดีที่โรงพัก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับพูดจาไม่ดีกับตน บอกว่าถ้าอยากให้ดำเนินคดีคนอื่นเพิ่มก็ให้ตนไปหาหลักฐานกล้องวงจรปิดและพยานหลักฐานอื่นๆ มาเองถึงจะทำคดีให้ ตนก็สงสัยว่าตนเป็นใครจะให้วิ่งไปขอหลักฐานกล้องวงจรปิดที่ไหนหรือให้ไปหาใครมาเป็นพยาน ตนเป็นประชาชนธรรมดาๆ คนนึง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกินเงินเดือนจากภาษีที่ตนจ่าย ควรจะช่วยเหลือตนมากกว่านี้ไม่ใช่พูดหมาๆแบบนี้มาบอกให้ตนไปตามเอง

ทางด้านย่าเล่าว่า ในงานศพหลาน นายโอมและกลุ่มเพื่อนก็ได้มาร่วมงานศพด้วย ตนก็ได้เดินเข้าไปถามว่าทำไมถึงทำกันขนาดนี้ นายโอมได้แต่ร้องไห้และบอกว่าขอโทษ ตนจึงได้ถามต่อไปอีกว่าจริงไหมที่พอหลานตนสลบไปแล้วยังเอาน้ำไปราดอีกตั้ง 4 ถังเพื่อให้ฟื้น  ซึ่งตอนแรกนายโอมปฎิเสธ และบอกว่าเพื่อนตักน้ำในคลองเอามาลูบที่หน้าเฉยๆ และยังได้ถามต่อไปอีกว่าจริงไหมที่พอหลานตนสลบไปแล้วยังมีการไปกระทืบซ้ำอีก ตอนแรกแรกนายโอมก็ปฎิเสธก่อนจะยอมรับในภายหลังว่าหลังจากที่หลานตนสลบไปแล้วมีการไปกระทืบซ้ำอีก พอถามไปว่ามีใครทำบ้างทีแรกนายโอมบอกว่าทำคนเดียว แต่ตนขอให้สาบานให้ฟ้าผ่าตายให้ตายโหง นายโอมจึงพยักหน้ายอมรับว่ามีคนอื่นที่ร่วมกันทำร้ายหลานตนแต่ไม่ยอมบอกว่ามีใครบ้าง

ก่อนหน้าเกิดเหตุเพียง 2 วัน หลานได้เข้ามาถามว่ามีเงินบ้างไหม และขอเงินตนไป 20 บาท ไม่คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุย ตอนนี้โทรศัพท์ของหลานก็ยังไม่ได้คืนไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใคร คนก็เสียไปแล้ว ส่วนคนร้ายก็จับได้แค่คนเดียว คนอื่นๆยังลอยนวลอยู่ข้างนอก ก็แอบคิดในใจบอกหลานว่าให้ดลใจให้ตำรวจไปตามจับคนที่ทำร้ายมาลงโทษให้ได้ ไม่ได้อยากได้เงินเยียวยาอะไรทั้งนั้นแต่อยากได้คนที่ทำกับหลานตนแบบนี้มาลงโทษให้ได้


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/FJXwWVPPLQ4


คุณอาจสนใจ

Related News