อาชญากรรม

แม่เหยื่อวัย 13 ถูก 'แซน' ทำร้ายปางตาย ลั่นดำเนินคดีถึงที่สุด – พี่ยันน้องป่วยจิตจริง เชื่อลัทธิซาตานแค่คอนเทนต์

โดย petchpawee_k

7 มิ.ย. 2567

169 views

ตำรวจเชื่อผู้ต้องหาไม่ป่วยทางจิตขณะก่อเหตุ เพราะมีงานทำเป็นหลักแหล่ง เชื่อครอบครัวช่วยเกลี่ยกล่อมให้เปิดปากได้ - แม่เหยื่อปี 65 เผยตกใจหลังรู้ ผู้ก่อเหตุฆ่าตัดมือแฟนสาว เป็นคนเดียวกับที่ทำร้ายลูก

วานนี้ 6 มิ.ย.67 เวลา 17.30 น. พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยหลังคุมตัวนายธนากรณ์ อายุ 18 ปี  ผู้ต้องหาฆาตกรรมอำพรางศพแฟนสาว ว่า กรณีข้อมือของผู้เสียชีวิตที่วันเกิดเหตุยังไม่พบ ล่าสุดตำรวจได้ไล่กล้องวงจรปิดดูอีกครั้ง จนพบว่าเช้ามืดวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 04.40 น. ผู้ต้องหาขี่รถ จยย.อยู่แถวศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย   แล้วมีการเหวี่ยงถุงบางอย่างก่อนจะขี่รถ จยย.ย้อนกลับมาเข้าหมู่บ้าน ก่อนนำศพไปทิ้งอำพราง หลังทราบข้อมูลชุดสืบสวนจึงไปดูที่เกิดเหตุ จนพบถุงดำตกอยู่ริมตลิ่ง


กระทั่งเวลา 16.00 น. ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต ได้ประสานแพทย์เพื่อขอรับตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี โดยแพทย์ได้ลงความเห็นว่าสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว หมายจับก็มีแล้ว จึงดำเนินการจับกุมและนำตัวมาที่ สภ.ปากคลองรังสิต เมื่อนำตัวมาถึงก็นำเข้าห้องควบคุมตัวทันทีเพื่อให้ได้พักก่อน


ส่วนการคุมตัวนายธนากรณ์มาที่ สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อควบคุมตัว 48 ชั่วโมงในการสอบปากคำนั้น ทุกอย่างได้ปรึกษาทีมแพทย์ที่รักษาอาการนายธนากรณ์แล้ว โดยแพทย์ระบุว่า อาการปกติสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ ซึ่งครอบครัวก็ได้อยู่สังเกตอาการตลอดเวลา


ส่วนอาการที่นายธนากรณ์ ผู้ต้องหาแสดงออกเหมือนไร้เรี่ยวแรง เดินไม่ไหว จนตำรวจต้องหิ้วปีกและขาเข้าห้องคุมขังนั้น อาจเป็นเพราะยังเด็ก อายุเพิ่งผ่าน 18 ปี มาได้ไม่นาน จึงอาจสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ทางครอบครัวจะช่วยกันพูด จนสามารถสอบปากคำรายละเอียดทั้งหมดได้ ว่าสาเหตุที่ลงมือเกิดเหตุเกิดจากเรื่องใด เพราะที่ผ่านมาหลังจากคุมตัวได้และนำตัวส่งโรงพยาบาล นายธนากรณ์ยังไม่ยอมเปิดปากแต่อย่างใด


เมื่อถามว่าอาการป่วยทางจิตของนายธนากรณ์ จะสามารถนำมาหักล้างการก่อเหตุได้หรือไม่นั้น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ยืนยันว่า จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่านายธนากรณ์มีการทำงานเป็นหลักแหล่ง มีการใช้ชีวิตปกติ จึงเชื่อว่าน่าจะมีสติขณะก่อเหตุ ส่วนการอำพรางศพ หั่นศพนั้น อาจเป็นเพราะมีความคิดฟุ้งซ่านหลังก่อเหตุ เพื่อหวังว่าจะไม่ถูกดำเนินคดี ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุพบว่าเป็นมีดที่มีอยู่แล้วภายในบ้าน


ขณะเดียวกันวานนี้ เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.67)  ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิด คดีก่อเหตุทำร้ายร่างกายเด็กหญิงวัย 13 ปี โดยเป็นภาพเหตุการณ์ช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 30 ธ.ค.65 บริเวณภายในเคหะชุมชนออเงิน  ในคลิปจะเห็นว่า นายแซน ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดตรงเวลาหน้าอาคาร รอจนเด็กหญิงผู้เสียหายเดินออกมาตรงจุดจอดรถ เมื่อเห็นเด็กหญิง นายแซนเดินตรงเข้าไปหา ตรงเข้าต่อยและบีบคอเด็กจนสลบ  พอเด็กฟื้นขึ้นมา ก็เข้าไปลากแขนพาไปบริเวณป่าด้านหลังและทำอนาจาร จากนั้นพาเด็กหญิงซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ โดยบอกว่าจะพาไปฝังใต้ดิน  แต่เด็กหญิงพยายามทำให้รถล้ม จนมีพลเมืองดีมาช่วยไว้ได้


นอกจากนี้ ยังมีข้อความแชท ที่นางสาววรัญญา ผู้ตาย ส่งให้กับเด็กหญิงผู้เสียหาย โดยส่งมาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.65 ก่อนวันเกิดเหตุกับเด็ก 1 วัน   โดยนางสาววรัญญา ส่งข้อความมาบอกว่า มีงานมาแนะนำ เป็นงานผู้ช่วยในคลินิก ถ้าน้องสนใจ จะเข้าไปคุยเรื่องงานที่หน้าหอ ช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม  เมื่อถึงเวลานัด นางสาววรัญญา ส่งข้อความหาเด็กอีกครั้ง ถามว่าอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ลงมา  


แม่ของเด็กหญิงผู้เสียหาย ยังบอกด้วยว่า ตอนที่เห็นข่าวหญิงสาววัย 18 ปีถูกฆาตกรรม เมื่อเห็นชื่อผู้ก่อเหตุและชื่อแฟนสาวที่ถูกฆ่า ตนตกใจมาก เพราะรู้ว่าเป็นคนที่เคยทำกับลูกของตน และเหยื่อก็เป็นรุ่นพี่ผู้หญิงคนที่เคยชวนลูกตนไปทำงาน ตนสงสารพ่อแม่ของทั้งคู่ และคิดว่า ถ้าวันนั้นลูกสาวของตนไม่มีสติ แล้วหนีออกมาไม่ได้  ก็อาจจะโดนแบบนี้หรือไม่   ซึ่งจนถึงวันนี้ แม่ก็ยังโทษตัวเองอยู่ ที่ปล่อยให้ลูกลงมาเจอกับผู้ก่อเหตุ จนเกิดเหตุร้ายขึ้น


หลังเกิดเหตุ แม่พาลูกสาวไปร้องกับเพจสายไหมต้องรอด และเข้าแจ้งความที่ สน.คันนายาว จนผ่านมาปีกว่า คดีเพิ่งจะอยู่ในชั้นศาล และเพิ่งจะนัดไต่สวนพยานปากแรกในวันที่ 28 สิงหาคมนี้   ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกสาวได้รับบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ  มีอาการหวาดระแวง กลัวผู้ชายใส่ชุดดำ ซึ่งเป็นชุดที่ผู้ก่อเหตุใส่วันเกิดเหตุ  จนต้องพบจิตแพทย์ทุกเดือน ไปโรงเรียนไม่ได้ เพราะอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้


ส่วนตัวแม่เองก็ได้รับผลกระทบทางจิตใจไปด้วย จนทำงานไม่ได้  สุดท้ายก็ต้องออกจากงาน  และเวลาเจอหน้ากันตอนไกล่เกลี่ยคดี ผู้ก่อเหตุไม่มีท่าทีที่จะสำนึกผิด ตอนเจรจาไกล่เกลี่ย ฝั่งผู้ก่อเหตุเคยเสนอเงินให้ 1 หมื่นบาทเพื่อขอให้ยอมความ แต่แม่ไม่ยอม เพราะสิ่งที่เขากระทำรุนแรงมาก ต้องการให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษอย่างถึงที่สุด


แต่พอลูกลงไป ก็เจอกับนายแซน และถูกทำร้ายร่างกายจนน้องสลบ พาไปทำอนาจาร และยังพยายามลากตัวขึ้นรถ โดยขู่ว่าจะพาไปฝังใต้ดิน หรือ ฆ่าฝังดิน แต่น้องมีสติพยายามช่วยเหลือตัวเอง ด้วยการร้องให้คนช่วย และดิ้นจนรถล้ม ก่อนจะหนีออกมาได้


แม่ของเด็กหญิงผู้เสียหาย ที่ตอนนี้อายุ 15 ปีแล้ว เล่าว่า วันเกิดเหตุลูกสาวบอกว่า ขอลงไปหารุ่นพี่ผู้หญิงที่ทำงานขายของด้วยกัน เพื่อคุยเรื่องงานใหม่ที่รุ่นพี่คนนี้จะฝากให้  โดยรุ่นพี่คนนี้บอกว่า จะพาน้องไปทำงานเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ ได้เงินวันละ 400 บาท น้องจึงอยากไปทำงานเพื่อเอาเงินมาช่วยเหลือแม่

----------------------------------------

พี่ชายหนุ่มฆ่าแฟนสาวเชื่อลัทธิซาตานเป็นแค่ตอนเทนต์ ยืนยันน้องป่วยจริงไม่ได้ป่วยทิพย์

วานนี้ (6 มิ.ย.67) ที่ สภ.ปากคลองรังสิต เวลา 17.00 น. พี่ชายของผู้ต้องหา เดินทางมากับน้องชาย ตั้งแต่ที่ตำรวจไปคุมตัวที่ รพ. ก่อนจะเปิดเผยว่า ในช่วงที่เกิดเหตุตัวเองก็อยู่กับน้องชายและผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งได้ให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว  ประเด็นที่ได้ยินหรือไม่ได้ยินเสียงระหว่างเกิดเหตุ ให้ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนฝ่ายครอบครัวของผู้เสียชีวิต พ่อของตนเองได้พูดคุยและได้ขอโทษไปแล้ว แต่ในรายละเอียดต่างๆ ไม่ทราบ ตนขอไม่พูด

นอกจากนี้ที่ผ่านมา เท่าที่อยู่กับน้อง  น้องและแฟนเป็นคนจิตใจอ่อนโยน เพราะมักจะเก็บแมวจรจัดมาเลี้ยง 5-6 ตัว  ส่วนประเด็นลัทธิซาตานที่น้องเคยอัดคลิปทำพิธี ตัวเองคิดว่าน่าจะเป็นคอนเทนท์มากกว่า


ส่วนเรื่องอาการป่วย ยืนยันว่าป่วยจริง แต่ไม่รู้เป็นหนักแค่ไหน ก็ตามสภาพที่ทุกคนเห็น คิดว่า ตำรวจ น่าจะตั้งใจที่จะนำตัวน้องชายมาสอบปากคำและดำเนินคดีอยู่แล้ว


ส่วนเรื่องทะเลาะกันระหว่างน้องชายกับผู้ตาย เป็นเรื่องปกติ เพราะขนาดเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวัน ก็ยังสามารถนำมาทะเลาะกันได้ อาทิ ซักผ้า ส่วนเรื่องการใช้ความรุนแรงนั้น ตนไม่สามารถตอบได้เนื่องจากไม่ได้โตมาด้วยกัน  อย่างไรก็ตามในเรื่องของการประกันตัวให้เป็นเรื่องหน้าที่ของครอบครัว




คุณอาจสนใจ

Related News