อาชญากรรม

ครอบครัวเสี่ยต้นเปิดใจ หลัง “มด” ถูกจับคดีจ้างวานฆ่า เชื่อมีบุคคลที่ 3 บงการ

3 มิ.ย. 2567

448 views

นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายคลายทุกข์ เผยว่า พยานหลักฐานที่มีตรงกับที่พนักงานสอบสวนมี จึงนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ เนื่องจากคดีนี้ทำการเป็นขบวนการ เริ่มจากภรรยา คือพบเส้นทางการเงิน มีการโอนไปยังผู้ต้องหาทั้ง 3 และการสักทอดไปยังภรรยา ซึ่งเป็นหลักฐานที่สำคัญ รวมไปถึงภาพกล้องวงจรปิด การชี้เป้า และข้อมูลการใช้โทรศัพท์ที่มันสอดคล้องกับพยาน ก่อนจะไปสู่การออกหมายจับในคดีจ้างวานฆ่า และพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีโทษ 2 ใน 3 จำคุกตลอดชีวิต


ส่วนคดีที่จังหวานมหาสารคาม ตอนนี้ทีมสืบสวนของตำรวจภาค 4 มีหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงกัน เชื่อว่า คนชี้เป้าเป็นคนเดียวกันอย่างแน่นอน แต่ยังต้องตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนผลชันสูตรยังไม่ออก ทำให้ยังไม่มีความชัดเจนว่าในร่างกายเสี่ยต้นมีสารอะไรบ้าง ตรงนี้ยังเป็นความลับอยู่ยังต้องรอผลอยู่


ส่วนสาเหตุคิดว่า เป็นเรื่องชู้สาวและเจ็บช้ำน้ำใจจากคำพูดของเสี่ยต้น รวมทั้งปากเสียงกันภายในครอบครัว อย่างไรก็ตามเรื่องเงินประกัน หากตอนแรกยังไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ เงินประกันและผู้ได้รับผลประโยชน์จะต้องเป็นลูก โดยมีภรรยาเป็นผู้จัดการมรดก แต่หลังจากนี้ทางประกันจะต้องพิจารณาว่าจะยกเลิกประกันไหม เนื่องจากเป็นคดีจ้างวานฆ่า รวมไปถึงชั้นศาลตามมาตราพาณิชน์ 17 และ 13 ถอดภรรยาออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก


ซึ่งพรุ่งนี้ เวลา 10.30 น. ทางญาติจะไปยืนการคัดคาดการประกันตัวที่ สน.วังทองหลาง และ ศาลอาญา รัชดา


พระพ่อของเสี่ยต้น เผยว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น ขอให้กรรมเป็นผู้ตัดสิน หนีกรรมกันไม่พ้น ส่วนความรู้สึกนั้น ตอนที่รู้ว่าเสี่ยต้นเสียชีวิต รู้สึกใจหาย เพราะตนเป็นผู้ไปส่งที่สนามบิน ก็ไม่รู้จะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ก่อนหน้านั้นอาตมาได้บอกว่าให้นำตำรวจไปจังหวัดมหาสารคามด้วย แต่เสี่ยต้นไม่ฟัง จนเช้าอีกวันโยมแม่โทรมาบอกถึงทราบเรื่อง


อาตมาได้ลูกคนนี้ดูแลมาตลอด เขาเป็นคนดี ทำอะไรก็ไม่เคยขัด และเป็นคนไม่อยากไปมีปัญหากับใคร ขนาดถูกฟันที่พัทยายังไม่เอาเรื่อง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ คงเป็นเวรกรรมของเขา ก็ขอให้จบลงที่ตรงนี้


ส่วนสาเหตุการก่อเหตุนั้น ตนไม่ทราบ เวลาที่ไปเยี่ยมที่บ้าน ไม่เคยเจอภรรยาของเสี่ยต้นเลย แต่ที่รู้คือเสี่ยต้นป็นคนรักเมีย จึงไม่เคยเล่าเรื่องอะไรที่บ้านให้ตนฟัง ตอนนี้คิดได้อย่างเดียวก็คือ คนที่เขารักเป็นคนทำ ซึ่งตนก็คิดว่าเป็นคนใกล้ชิดแน่ๆ ที่เป็นตัวการ เพราะไม่มีสาเหตุอื่นที่เขาจะเข้ามาเกี่ยวพันในคดีจ้างวานฆ่า


ส่วนกรณีเรื่องการเผาร่างเสี่ยต้นนั้น ตอนไปจุดธูปไหวศพ ลูกสะใภ้ได้มานั่งพูดข้าง ๆ และได้เสนอว่า ถ้าไม่เอาศพไปผ่า จะไม่ได้เงินค่าประกัน และถ้าได้มาจะแบ่งให้ 2 ล้าน ตนก็บอกว่าไม่เอาหรอกเพราะบวชอยู่ ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ยกให้แม่ไปละกัน หรือไม่ก็สร้างกุฎิ 1 หลังถวายวัด


ด้านนางสาวปภาพินท์ แม่เสี่ยต้น กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์จนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้ ถ้ามีโอกาสได้เจอหน้าลูกสะใภ้อยากถามว่า "มาทำลูกของแม่ทำไม เงินทองสมบัติทั้งหมดก็ได้ไปแล้วทำไมยังต้องมาเอาชีวิตเขาไปอีก มันทำให้พ่อและแม่อยู่กันอย่างยากลำบาก" ซึ่งหลักฐานทั้งหมดที่ตำรวจมีก็ตรงกับใจแม่


ที่ผ่านมาเสี่ยต้นไม่เคยเล่าปัญหาในครอบครัวให้ฟัง เพราะรู้ว่าแม่เป็นคนขี้น้อยใจ ส่วนเรื่องที่แยกกันอยู่กับภรรยาก็พึ่งมารู้ทีหลัง


ทั้งนี้ เชื่อว่าคดีจ้างวานฆ่าที่ สน.วังทองหลางกับคดีที่จ.มหาสารคาม น่าจะเชื่อมโยงกัน เพราะเอาชีวิตเสี่ยต้นที่ กทม.ไม่สำเร็จ จึงไปก่อเหตุอีกครั้งที่จ.มหาสารคาม แต่ตนไม่ทราบข้อมูลเชิงลึกว่า มีปัญหาเรื่องมือที่สามหรือเรื่องของทรัพย์สินหรือไม่


แต่ก่อนหน้านี้ครอบครัวของลูกสะใภ้ก็ไม่ได้มีฐานะมาตั้งแต่ต้น เริ่มมีฐานะหลังแต่งงาน โดยพระพ่อช่วยเหลือในเรื่องเงิน ส่วนนิสัยใจคอของลูกสะใภ้ปกติจะเรียบร้อย เป็นคนไม่ค่อยพูด ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันสองคนกับเสี่ยต้นตลอด อย่างไรก็ตามตนไม่ขอฝากถึงอะไรถึงลูกชาย เพราะเชื่อว่าเสี่ยต้นรับรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว


ด้าน นางสาวณัฐปภัษร์ หรือ เจ น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนว่าการเสียชีวิตของพี่ชายผิดปกติคือ ทราบว่าพี่สะใภ้ทักและโทรมาหาพี่ชายก่อนที่จะโดนลอบยิง เพราะทั้งในตอนนั้นคู่แยกกันอยู่ จากนั้นวันที่ 15 ตนได้ไปส่งพี่ชาย และวันที่ 16 พี่ชายได้เสียชีวิต ซึ่งตนทราบข่าวจึงรู้สึกโกรธแค้นมาก


สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างพี่ชายและพี่สะใภ้ตนทราบมาว่า ทั้งสองคนต่างมีกิ๊ก ซึ่งเราได้ส่งข้อมูลให้ตำรวจทั้งหมดแล้ว และตำรวจก็ได้ไปสืบต่อจนทราบว่า ข้อมูลที่ให้ไปเป็นความจริง โดยกิ๊กฝั่งพี่ชายไม่ได้อยู่กินด้วยกัน และไม่เคยพาเข้าบ้านมาเจอญาติพี่น้อง ทราบว่ากิ๊กของพี่ชายเป็นลักษณะเด็กคาราโอเกะ


ขณะที่กิ๊กของฝ่ายพี่สะใภ้ ตนได้รับข้อมูลมาอีกต่อหนึ่ง ซึ่งตนได้ส่งข้อมูลให้กับทางตำรวจไปแล้วไม่สามารถเปิดเผยได้ และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ตนไม่สามารถไปร่วมงานศพที่จังหวัดมหาสารคามได้ เพราะต้องอยู่หาข้อมูลในโซเชียลส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ


ด้าน หมวย เพื่อนสนิทของมดและเสี่ยต้น กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่สามารถทำคนเดียวได้ คนผิดไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน เชื่อว่ามีคู่คิดทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ตัวละครสำคัญตนขอไปให้การกับตำรวจและขอรอดูหลักฐานก่อน


ส่วนนิสัยใจคอของมด คิดว่าไม่กล้าทำเรื่องนี้คนเดียว เพราะจากที่รู้จักกันมาตนไม่คิดว่า เขาจะเป็นแบบนี้ จึงคิดว่าต้องมีคนยุยงและเป็นคนที่สนิทใกล้ตัวกับมดมากพอที่จะมีอิทธิพลต่อความคิด เพราะตัวของมดเป็นคนไม่ได้รู้จักใครมากมาย เป็นผู้หญิงแต่ทำงาน เรื่องที่เกี่ยวกับอะไรที่ไม่ดี มักจะไม่ค่อยยุ่ง


ส่วนการวางแผนเพื่อประสงค์ในเรื่องใดนั้น เสี่ยต้นเคยบอกว่า ถ้าตายไม่ห่วงแล้ว เพราะทำประกันไว้ วงเงิน 16 ล้านบาท จากนั้นตนได้โทรหามดเพื่อสอบถามเรื่องเงินประกันกลับบอกว่า ไม่มีหรอก เงินที่เหลือเวียนมาใช้ไปหมดแล้ว จากนั้นจึงสืบไปที่บริษัทประกัน ก็พบว่ามีเงินจำนวนนี้อยู่จริง จึงสงสัยว่า มดโกหกทำไม เพราะตนทั้งรักทั้งไว้ใจ ทำไมถึงโกหกเรื่องเงิน


ส่วนชนวนเหตุที่ 2 คนแตกหักกัน ตนทราบว่า ที่มดโพสต์ว่าทำอะไรคนเดียว ไปพบเสี่ยต้นที่ร้านคาราโอเกะ พร้อมกับเด็กในร้านเหล้าจึงมีการสอบถามกัน จากนั้นไม่นานเสี่ยต้นก็โดนยิง และเสี่ยต้นก็บอกกับตนเอง ว่า "สงสัยใครเป็นคนใกล้ชิดจ้างวานยิง" แต่ตนไม่ขอเปิดเผยชื่อ ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเป็นคนใกล้ชิดที่ถูกควบคุมตัวในขณะนี้หรือไม่ ขอให้รอการสอบสวนจากทางเจ้าที่

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ