อาชญากรรม

ผบช.ภ.1 แถลงข่าวคดีฆ่าหมกศพคาคอนโดฯ โดน 3 ข้อหา-พ่อผู้ก่อเหตุขอโทษลั่นจะเยียวยาสุดความสามารถ

โดย kanyapak_w

1 มิ.ย. 2567

280 views

พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงรายละเอียดคดีที่นายภูริณัฐ หรือโฟโต้ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์นายไพศาล อายุ 54 ปี หนุ่มใหญ่ทำธุรกิจขายเสื้อผ้าก่อนหมกศพคาคอนโดในพื้นที่ อ.เมือง จ.นนทบุรี



โดย พล.ต.ท.จิรสันต์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในทุกข้อกล่าวหายอมรับว่า ก่อเหตุฆ่านายไพศาลจริง ส่วนมูลเหตุจูงใจและสาเหตุที่ก่อเหตุในครั้งนี้นั้น อยู่ในระหว่างการสอบปากคำอย่างละเอียด แต่จากคำให้การของผู้ต้องหาเบื้องต้น อ้างว่าเป็นปัญหาเรื่องของการประกอบธุรกิจด้านสินค้านำเข้าร่วมกัน ระหว่างผู้ต้องหาและผู้ตาย ส่วนสาเหตุเงินจำนวนหลักล้านบาทที่มีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า ผู้ตายติดเงินผู้ต้องหานั้น พล.ต.ท.จิรสันต์ อ้างว่าอยู่ในสำนวนคดี ยังเปิดเผยไม่ได้



ส่วนที่ผู้ต้องหาได้เดินทางหลบหนีไปยังพื้นที่ต่าง ๆ มากมาย ก่อนสุดท้ายจะมาถูกจับกุมที่จังหวัดชุมพรนั้น พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า เป็นการหลบหนีเพื่อประวิงเวลาให้ถูกจับกุมได้ช้าที่สุด โดยเป้าหมายสุดท้ายที่ผู้ต้องหาหลบหนี คือการกลับบ้านที่ จ.ชุมพร ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าผู้ต้องหาเองรู้ตัวอยู่แล้วว่า ยังไงต้องถูกจับ เลยพยายามหลบหนีไปหลายพื้นที่เพื่อเป็นการประวิงเวลา



สำหรับของกลางที่สามารถตรวจยึดจากผู้ต้องหาได้นั้น ได้แก่ ทองคำแท่งน้ำหนักรวม 28 บาท ซึ่งเป็นทองคำที่ผู้ต้องหาใช้เงินของผู้ตายซื้อ โดยสามารถยึดมาได้ทั้งหมด รวมทั้งบัตรเครดิตและบัตรประชาชนของผู้ตาย อย่างไรก็ตาม ในส่วนบัตรเครดิตและบัตรประชาชนของบุคคลอื่นที่ตรวจพบนั้นอยู่ในระหว่างการสอบสวน



ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามประเด็นที่ว่า เหตุใดผู้ก่อเหตุถึงนำเงินและทรัพย์สินของผู้ตายไปขายหรือมาใช้ส่วนตัวนั้น พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า จากคำให้การของผู้ต้องหาอ้างว่า เนื่องจากทำธุรกิจร่วมกันกับผู้ตาย ดังนั้น ทรัพย์สินของผู้ตาย จึงเสมือนว่าตนเองเป็นเจ้าของร่วม เพราะสร้างมาด้วยกัน



ส่วนที่ว่าผู้ต้องหาได้ตระเตรียมการวางแผนเพื่อมาก่อเหตุฆาตกรรมนายไพศาลโดยตรงหรือไม่นั้น พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในสำนวนทางคดี แต่เบื้องต้นอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุนั้น ผู้ต้องหาเตรียมมาเอง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้อาวุธมีด อยู่ในระหว่างการค้นหา ส่วนบาดแผลที่มากถึง 15 แผลนั้น เบื้องต้นทราบว่า เป็นการต่อสู้กันระหว่างผู้ต้องหาและผู้ตายตามที่ปรากฏร่องรอยบาดแผลที่มือของผู้ต้องหา แต่จะเป็นการแทงเพื่อข่มขู่หรือบีบบังคับให้ผู้ตายบอกข้อมูลบางอย่างแก่ผู้ต้องหาหรือไม่นั้น รวมทั้งใครเริ่มต่อสู้ใครก่อน อยู่ในระหว่างการขยายผล



สำหรับข้อสงสัยที่ว่า ทำไมผู้ต้องหาต้องสวมรอยใช้ LINE ของผู้ตายในการแชตพูดคุยกับหลานสาวของผู้ตายนั้น พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า ประเด็นนี้อยู่ในสำนวนคดียังไม่สามารถเปิดเผยได้และต้องสอบสวนเพิ่มเติม เช่นเดียวกับประเด็นเรื่องโทรศัพท์ 2 เครื่อง ก็อยู่ในระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมอยู่



อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำผู้ต้องหา สังเกตเห็นได้ว่า ตัวผู้ต้องหามีอาการเครียดและสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำลงไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ต้องหาเองก็มีความรู้ด้านกฎหมายอยู่พอสมควร เนื่องจากจบนิติศาสตร์มา โดยทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด พร้อมดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ได้แก่ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธโดยใช้ยานพาหนะ และพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนจะนำตัวส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรีในวันพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง



ด้านพ่อของผู้ต้องหา ยกมือไหว้กล่าวขอโทษผ่านสื่อมวลชนไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตและสังคมในสิ่งที่ลูกชายได้กระทำลงไป โดยตนพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตตามสุดความสามารถ ตอนนี้น้องสำนึกผิดและยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป พร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย



ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยถึงลักษณะการแต่งกายของน้องนั้น คุณพ่อกล่าวว่า เนื่องจากเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว น้องประสบอุบัติเหตุที่จังหวัดเชียงใหม่ เลยมีปัญหากระดูกหักที่คอและขาเลย ทำให้น้องมีปัญหาด้านการเดินตามที่ปรากฏในภาพ ส่วนที่น้องใส่ฮู้ดตลอดเวลานั้น เนื่องจากน้องดามคอ และการสวมแว่นตาถึง 2 ชั้น เป็นเพราะน้องสายตายาวและน้องชอบใส่แว่นกันแดด บางครั้งเลยมักจะสวมแว่นกันแดดและทับด้วยแว่นสายตา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของน้อง



ทั้งนี้จากข้อมูลการสอบสวน พบว่า ขณะที่ผู้ต้องหาได้หลบหนีการจับกุมอยู่ที่บ้านที่ จ.ชุมพร นั้น ผู้ต้องหาได้พยายามทำลายหลักฐาน ด้วยการนำเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุมาเผาภายในสวนหลังบ้านของผู้ต้องหาเอง ซึ่งทางผู้ต้องหาได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปชี้จุดและเก็บซากเสื้อผ้ามาส่วนมาเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีนี้

คุณอาจสนใจ