อดีตนางงามร้อง ถูกแฟนเก่าทำร้าย วอนเข้ามาตรวจดีเอ็นเอและจดทะเบียนรับรองบุตร

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด รับเรื่องร้องเรียนจากน้ำฝน เพชรปวีณ์ อดีตนางงามและพิธีกรชื่อดัง เพื่อขอความเป็นธรรมให้อดีตแฟนหนุ่ม ซึ่งเป็นทายาทไฮโซตระกูลชื่อดัง เข้ามาตรวจดีเอ็นเอและจดทะเบียนรับรองบุตร



โดยคุณน้ำฝนเปิดเผยว่า ตนเคยคบหากับฝ่ายชายตั้งแต่ปี 2557 จนกระทั่งตั้งครรภ์และคลอดลูกชายเมื่อปี 2558 ซึ่งในขณะนั้น ครอบครัวของฝ่ายชายไม่ยอมรับตน ก่อนที่จะขาดการติดต่อกันไปตั้งแต่ปี 2560 ทำให้ตั้งแต่นั้นมา ตนก็ดูแลลูกชายเพียงลำพังในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยว กระทั่งปี 2565 ฝ่ายชายติดต่ออยากจะขอเจอลูกชาย ตนจึงสอบถามลูกชายว่าอยากเจอพ่อหรือไม่ ลูกชายตอบกลับว่า อยากเจอ ตนจึงนัดหมายและพาลูกชายไปพบหลายครั้ง



จนกระทั่งฝ่ายชายยื่นขอเสนอจะพาลูกขายไปอยู่ด้วยที่ จ.เชียงใหม่ โดยฝ่ายชายมีการเช่าคอนโดให้อยู่และยังแวะเวียนมาหาเป็นครั้งคราว ไม่ได้อยู่ฉันสามีภรรยา แต่อยู่กันในฐานะพ่อแม่ ซึ่งในระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ก็มีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งบ้าง เพราะฝ่ายชายมักจะมีพฤติกรรมหึงหวง ชอบเช็คโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ความยอมรับว่า เคยถูกลงไม้ลงมือถึง 5 ครั้ง แต่ภายในห้องไม่มีกล้องวงจรปิด



ครั้งสุดท้ายเกิดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ได้ทะเลาะกันเรื่องที่ตนเองต้องการจะให้ฝ่ายชายไปตรวจ DNA เพื่อขอให้มาจดทะเบียนรับรองบุตร แต่ฝ่ายชายอ้างว่ายินยอมจะไปจดทะเบียนรับรองบุตรและตรวจ DNA ให้ พอตนถามถึงวันเวลาก็บ่ายเบี่ยง ทำให้ตนตัดสินใจที่จะให้ฝ่ายชายลงนามข้อตกลงในการตรวจ DNA และบันทึกเสียงยืนยัน แต่ฝ่ายชายเกิดความไม่พอใจและโมโหจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ วันนั้นตนจึงวิ่งลงมาขอความช่วยเหลือจาก รปภ. แต่พอถึงที่ป้อม รปภ.หน้าคอนโด กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือเพราะเกรงใจลูกบ้าน กระทั่งตนต้องยืมโทรศัพท์ของของ รปภ. โทรไปแจ้งตำรวจ แต่กว่าตำรวจจะเข้ามาระงับเหตุฝ่ายชายก็หนีไปแล้ว หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความ สภ.แม่ปิง ขณะนี้คดีความทำร้ายร่างกายอยู่ในชั้นศาลและมีการเรียกไกล่เกลี่ยกันไปแล้ว



คุณน้ำฝนเปิดเผยว่า จุดประสงค์ที่มาวันนี้ ก็เพื่ออยากให้ฝ่ายชายรับรู้และเข้ามาดำเนินการจดทะเบียนรับรองลูกชายเป็นบุตรอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น เพราะที่ผ่านมา ตนเองต้องแบกรับค่าใช้จ่ายของลูกชายอยู่ฝ่ายเดียว ขณะเดียวกันตัวเองนั้นยังสงสารและเป็นห่วงสภาพจิตใจของลูกชาย เนื่องจากเพื่อนที่โรงเรียนลูกชายก็เริ่มถามถึงของพ่อของเขาและตนก็ไม่เข้าใจว่า ฝ่ายชายหายไปหลายปีแล้วจะกลับมาทำไม หากไม่ต้องการที่จะรับผิดชอบลูก แม้กระทั่งวันที่ 5 ธันวาคมปีที่แล้ว ลูกทำการ์ดวันพ่อส่ง LINE ไปหาฝ่ายชาย แต่ฝ่ายชายกลับไม่ตอบกลับใด ๆ จนทำให้ลูกตั้งคำถามว่า พ่อไม่รักเขาแล้วเหรอ ทำให้ตนรู้สึกเสียใจและสงสารลูกอย่างมาก



ซึ่งหลังจากนี้ ตนได้ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางแล้ว เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ฝ่ายชายดำเนินการตรวจ DNA เพื่อรับรองความเป็นบุตรต่อไป