สืบนครบาล รวบแหม่มฝรั่งเศส วางแผนลักพาตัวลูกสาวไฮโซดัง หวังปล้นทรัพย์กว่า 200 ล้าน

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาล ติดตามจับกุม น.ส.แซนดร้า อายุ 45 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ทำการเป็นอั้งยี่” โดยจับกุมตัวได้ที่ โรงแรมชื่อดัง สีลมซอย 3 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 67 เวลาประมาณ 22.00 น.

สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นครอบครัวไฮโซชื่อดัง อักษรย่อ ซ. ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ว่าถูกแก๊งชาวต่างชาติรวมตัววางแผนเพื่อปฏิบัติการปล้นและลักพาตัวลูกสาว โดยจะเอาทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท แต่เรื่องได้แดงขึ้น เพราะมีหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการกลับใจ ก่อนจะส่งข่าวให้กับผู้เสียหายเพื่อยับยั้งแผนการนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนจนได้ออกหมายจับ แหม่มชาวฝรั่งเศสที่เป็นหัวหน้าขบวนการ

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เร่งสืบสวนก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายขึ้น โดยสืบทราบว่าแหม่มหัวหน้าแก๊งรายนี้ กบดาลอยู่กับ หนุ่มชาวเลบานอน โดยตระเวนเช่าโรงแรมเป็นแบบรายวัน เพื่อรวมตัวนัดหมายทีมงานไปเรื่อยๆ กระทั่งวันที่ 18 เม.ย. 67 ชุดสืบสวนสืบทราบว่าแหม่มชาวฝรั่งเศส ได้เข้าพักที่โรงแรมในย่านสีลม จึงนำกำลังบุกไปที่ห้องพักในโรงแรมดังกล่าว โดยการจับกุมแหม่มชาวฝรั่งเศสหัวหน้าขบวนการ ใช้ลูกเล่นแพรวพราว พยายามถ่วงเวลา ทำให้ ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา ลูกชุดตัวเทพของผู้การจ๋อ ได้โชว์สกิลการสปีคอิงลิชแบบไฟแลบ จนแหม่มชาวฝรั่งเศส ยอมทำตามขั้นตอนการจับกุม ควบคุมสถานการณ์ได้อยู่หมัด

ในชั้นจับกุม น.ส.แซนดร้า ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นสายลับที่แฝงตัวมาทำภารกิจใดๆ ตนเองเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ถูกหลอกให้ลงทุนกับชายชาวออสเตรเลียที่เป็นสามีในประเทศไทย ลงทุนไปราว 185 ล้านบาท แล้วโดนโกง จากนั้นกลุ่มชาวออสเตรเลียที่โกง ได้ไปแจ้งความใส่ร้ายตนว่า ไปลักพาตัวลูกสาว เพื่อหวังให้ตนติดคุกเพื่อจะล้างหนี้ ส่วนที่ตนเข้าประเทศไทยมาโดยไม่แจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่นั้น เพราะตนเองเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ส่วนชายที่ตนพักอาศัยด้วยนั้นเป็นชาวเลบานอนที่ไปเจอกันที่ประเทศดูไบ”


ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เนื่องจากคดีนี้มีพยานหลักฐานฝ่ายผู้เสียหายแน่นหนา และเป็นการรวมตัวเพื่อจะก่อเหตุร้ายแรงกับฝ่ายผู้เสียหาย เรียกได้ว่าทั้งครอบครัวต้องตกอยู่ในอันตราย