อาชญากรรม
บุกรวบแก๊งสาวสวมใบหน้า สแกนเปิดซิม 1.3 หมื่นเบอร์ ปลอมเอกสารราชการ-บัตรปชช.ขายในตลาดมืดให้แก๊งคอลฯ
โดย kanyapak_w
11 เม.ย. 2567
769 views
พลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พร้อมด้วย พลตำรวจตรีนิเวศน์ อาภาวศิน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และพลตำรวจตรีนิพล บุญเกิด ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการจับแก๊งสาวแสบ สแกนหน้าตัวเอง เปิดซิมผีออนไลน์กว่า 1 หมื่น 3 พันเลขหมาย ส่งขายตลาดมืด
ปฏิบัติการนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท.2 ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ได้แก่ นางสาวอุทัยทิพย์ อายุ 26 ปี ,นางสาวศิริลักษ์ อายุ 26 ปี และนางสาวรัชวรรณสรณ์ อายุ 25 ปี ตามหมายจับในข้อหา ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ ปลอมและใช้บัตรประชาชนปลอม และนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
คดีนี้ สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กสทช. และเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตรวจสอบพบว่า ได้มีบุคคล ใช้ใบหน้าเดียวกันในขั้นตอนการยืนยันตัวตน หรือ KYC เพื่อเปิดลงทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือจำนวน 13,060 เลขหมาย และยังใช้ใบหน้าเดียวกันนี้บนหน้าบัตรประชาชนที่ใช้ยืนยันตัวตนเพื่อเปิดซิม จำนวน 3,350 ใบ แต่ข้อมูลในบัตรประชาชนแตกต่างกัน ซึ่งจากข้อมูลยังพบด้วยว่า ผู้ก่อเหตุมีภาพบัตรประชาชนที่นำไปปลอมแปลงสวมใบหน้ารวมกว่า 6,000 ใบ แต่ใบที่เหลือนั้นใช้ยืนยันตัวตนลงทะเบียนซิมได้ไม่สำเร็จ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท.2 จึงได้ทำการสืบสวน จนทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้แบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการคือ นางสาวอุทัยทิพย์ ใช้ใบหน้าตัวเองสวมบัตรประชาชนและลงทะเบียนซิม , นางสาวรัชวรรณสรณ์ เป็นผู้จัดหาภาพบัตรประชาชน และ นางสาวศิริลักษ์ เป็นผู้ว่าจ้างให้นางสาวอุทัยทิพย์ ใช้ใบหน้าและสวมบัตรประชาชนยืนยันตัวตน โดยส่งภาพถ่ายบาร์โค้ดของซิมการ์ดไปให้ ซึ่งให้ค่าจ้างในการลงทะเบียนซิมกับนางสาวอุทัยทิพย์หมายเลขละ 5 บาท และให้ค่าจ้างในการจัดหาภาพบัตรประชาชนกับนางสาวรัชวรรณสรณ์ ภาพละ 5 บาท ส่วนซิมที่เปิดใช้นี้ นางสาวศิริลักษ์ได้นำไปขายในตลาดมืด ราคาหมายเลขละ 100-200 บาท เพื่อเป็นเครื่องมือให้แก๊งมิจฉาชีพ คอลเซ็นเตอร์ หรือเว็บพนันออนไลน์ นำไปใช้ต่อไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ภาพบัตรประชาชนที่กลุ่มผู้ต้องหานำมาใช้สวมรอยนั้น ส่วนมากจะได้มาจากแอปพลิเคชั่นเงินกู้ ส่วนแหล่งอื่นๆ จะต้องตรวจสอบต่อไป แต่ยังไม่พบว่ามีการได้ข้อมูลจากหน่วยงานราชการ
โดยหลังจากนี้ จะมีการขยายผลถึงแหล่งรับซื้อ แหล่งจำหน่าย รวมถึงผู้ใช้ประโยชน์จากซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือดังกล่าว และตำรวจไซเบอร์ ยังได้แจ้งแผนประทุษกรรมนี้ให้กับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,กสทช. , และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือให้รับทราบ เพื่อหาแนวทางในการป้องกันเกี่ยวกับการเปิดลงทะเบียนซิมต่อไปด้วย
แท็กที่เกี่ยวข้อง อาชญากรรม ,อาชญากรรมไซเบอร์ ,สแกนใบหน้า