อาชญากรรม

คณะกรรมการสอบ "บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก" มั่นใจทำความจริงปรากฏได้ ยันไม่มีมวยล้มต้มคนดู

โดย nutda_t

21 มี.ค. 2567

126 views

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ชี้แจงกรณีการแต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.วินัย ระบุว่า ทางคณะกรรมการได้พูดคุยกัน และเล็งเห็นว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ จึงควรมีการสื่อสารให้ทราบความคืบหน้าการตรวจสอบ

โดยที่มาของการตั้งคณะกรรมการ สืบเนื่องมาจากที่นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงเรื่องการแถลงข่าวโต้แย้งกันภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย นายกฯจึงตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นกลาง ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่ได้เป็นฝ่ายใดมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย หน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ คือจะทำความจริงให้ปรากฏ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างไร

พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ใครทำผิดต้องได้รับผิด ใครทำถูกก็ต้องได้รับความบริสุทธิ์ ใครทำกรรมดีก็ต้องได้รับกรรมดี ใครทำชั่วก็ต้องได้รับความชั่ว จะไม่มีการกลั่นแกล้งใส่ร้ายรังแก หรือช่วยเหลือผู้ใด รวมไปถึงถ้าประชาชนท่านใดมีเบาะแสหรือข้อมูลหลักฐาน เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังตรวจสอบ ขอให้นำข้อมูลข่าวสารมาพบคณะกรรมการได้

เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดนี้จะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบมากเท่าใด พล.ต.อ.วินัย ตอบว่าตามคำสั่งให้ระยะเวลา 60 วัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และยาว คณะกรรมการจึงต้องพยายามทำงานให้รวดเร็วและรายงานการตรวจสอบให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ พร้อมเก็บข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นนำเสนอ

ส่วนเรื่องนี้จะตรวจสอบประเด็นใดบ้าง พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า เรื่องที่มีการแถลงโต้ตอบกัน เรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ของเว็บพนัน ซึ่งการทำความจริงให้ปรากฏต้องได้รายละเอียดว่าใคร ทำสิ่งใด อย่างไร ตนเชื่อว่าทางคณะกรรมการจะสามารถทำความจริงให้ปรากฏได้ แม้จะไม่ได้ดูสำนวนการสอบสวน ซึ่งบางส่วนอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และบางส่วนอยู่ในชั้นศาล แต่ยืนยันว่า สามารถทำความจริงให้ปรากฏได้ เรามีวิธีการอื่นที่จะให้ได้มาถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง โดยขอความร่วมมือจากประชาชนที่มีหลักฐาน รวมทั้งชุดทนายความของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ที่ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลในสำนวนการสอบสวน สามารถนำมามอบให้กับคณะกรรมการฯได้

"เรื่องดังกล่าวต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เราจึงมีการขอแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม และจะรายงานให้ทราบเป็นระยะว่าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบข้อมูลส่วนใดบ้าง เบื้องต้นคณะกรรมการจะต้องพยายามทำให้ทันภายใน 60 วัน แต่ถ้าไม่ทันก็ต้องขยายระยะเวลา ซึ่ง ณ วันนี้เริ่มทำแล้ว แต่จะตรวจสอบทันก่อนที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกษียณหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ วันนี้ข้อมูลต่างๆเดินทางมาจนสุดแล้ว ฉะนั้นการดึงข้อเท็จจริงออกมา ตนคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องยากของคณะกรรมการ"

เมื่อถามว่าผลการตรวจสอบครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อ พล.ต.อ.วินัย ตอบว่า ผลการพิจารณาจะสรุปและส่งให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาว่าจะส่งให้หน่วยใดเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนของคดีความที่อยู่ในขั้นของ ป.ป.ช ก็ดำเนินควบคู่กันไป ส่วนตัวคาดว่า ผลสอบของกรรมการชุดนี้ น่าจะกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ในเรื่องนี้ที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขอยืนยันว่า ไม่ใช่การซื้อเวลา แต่เนื่องจากประเด็นนี้ยังหาบทสรุปไม่ได้ จึงต้องหาคนกลางมาทำงาน เพื่อไม่ให้มีใครมีส่วนได้ส่วนเสียส่วน ขณะนี้ยังไม่พิจารณาการเรียกทั้ง 2 นายพล มาชี้แจง อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานในส่วนอื่นๆก่อน แต่อาจจะมีการเรียกมาสอบในช่วงท้ายของการทำงาน

พล.ต.อ.วินัย กล่าวต่อว่า คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นครั้งนี้มีลักษณะการทำงานเหมือนชุดกรรมการพิเศษ ที่นำโดย ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ สอบเรื่องเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือคดีบอส อยู่วิทยา โดยสุดท้ายมีผลการตรวจสอบสามารถนำไปสู่การดำเนินคดีผู้กระทำผิดได้

เมื่อถามถึงกรณีที่นายพลทั้ง 2 ท่าน ออกมาแถลงว่าจะมีการปรองดองยุติข้อขัดแย้ง จะมีผลต่อการสอบหรือไม่ พล.ต.อ.วินัย ยืนยันว่าไม่มีผลใดๆ ไม่มีมวยล้มต้มคนดู

ส่วนผลการตรวจค้นบ้านของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ใช้กรรมการชุดเดียวกันนี้ ได้ทำการเสนอนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่า การใช้กำลังคน การใช้วิธีควรระมัดระวัง แต่ทั้งนี้การเข้าค้นบ้านของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นไปตามกฎหมาย

คุณอาจสนใจ

Related News