อาชญากรรม

ญาติวิ่งตามโดดเกาะรถ ถาม 'จ่าอาร์ม' ตร.คลั่ง "ฆ่าทำไม" แค้นใจ กลัวพี่สาวตายฟรี

โดย nattachat_c

26 ก.พ. 2567

34 views

จากกรณี ตำรวจ สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจคลั่ง ถือมีดวิ่งลงจากแฟลต ถีบจักรยานยนต์ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ก่อนลงมือทำร้ายกระหน่ำแทงอย่างโหดเหี้ยม ต่อหน้าชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ จน น.ส.ประภา อายุ 69 ปี ถูกแทงตามใบหน้า และแขนทั้ง 2 ข้าง ได้รับบาดเจ็บสาหัส  และ น.ส.วิจิตตรา อายุ 51 ปี ถูกแทงตรงโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง แขนทั้ง 2 ข้าง และแผ่นหลังเกือบ 10 แผล เสียชีวิตขณะนำส่ง รพ.ชะอวด


ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ 'จ่าอาร์ม' ส.ต.อ.ชวนิล จินดามณีมาศ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ทำหน้าที่พลขับ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เดินถือมีดอยู่ในที่เกิดเหตุ ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเอาไว้ได้


เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ทั้ง 2 คน เดินทางจากหาดใหญ่ ไปงานแห่ผ้าพระบรมธาตุเมืองนครในวันมาฆบูชาในช่วงเช้า และช่วงบ่าย ได้เดินทางมาบ้านญาติในพื้นที่ อ.ชะอวด  โดยขี่รถผ่านศูนย์การศึกษาตามอัธยาศัย  


กล้องวงจรปิดจับภาพได้ตรงจุดก่อนที่จะถึงที่เกิดเหตุ เมื่อผ่านหน้าเฟลตตำรวจ ถูกจ่าอาร์ม หรือ ส.ต.อ.ชวนิล จินดามณีมาศ ถีบ จยย.จนล้ม แล้วกระหน่ำแทง ท่ามกลางชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์หลายคน

---------------

วานนี้ (25 ก.พ. 67) ช่วงเช้า พนักงานสอบสวน สภ.ชะอวด ได้นำตัวจ่าอาร์ม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ ก่อนนำตัวมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลชะอวด โดยจังหวะที่นำตัวออกจากห้องขัง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุ แต่จ่าอาร์มไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ


ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิต  มารอดูหน้าผู้ต้องหา พร้อมตะโกนด่าด้วยความเจ็บแค้น รวมทั้งยังยืนขวางรถตำรวจ ไม่ให้ออกจากโรงพัก เพื่อจะขอถามจ่าอาร์มว่า ฆ่าพี่สาวของตนทำไม


เมื่อตำรวจนำตัวจ่าอาร์มมาที่โรงพยาบาลชะอวด เพื่อตรวจร่างกาย กลุ่มญาติของผู้เสียชีวิตก็ตามไปที่โรงพยาบาลด้วย เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังคุ้มกันจ่าอาร์ม และพาเข้าไปตรวจร่างกาย  


หลังแพทย์ตรวจเสร็จ ก็นำตัวจ่าอาร์มออกมาขึ้นรถ เพื่อจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช บรรดาญาติของผู้เสียชีวิตที่รออยู่หน้าโรงพยาบาล ก็พยายามจะเข้าไปสอบถามอีกครั้งว่า จ่าอาร์มก่อเหตุทำไม แต่ตำรวจเอาตัวจ่าอาร์มขึ้นรถและขับออกไป  


ทำให้ญาติที่คาใจต้องการคำตอบ จึงวิ่งไล่ตามรถตำรวจ และกระโดดเกาะกระบะท้ายรถ จนตำรวจต้องจอดรถ และขู่ญาติว่า เดี๋ยวจะโดนข้อหาขัดขวางเจ้าพนักงาน จากนั้น จึงเปิดกระจกรถให้ญาติถามจ่าอาร์มที่นั่งในรถว่า ฆ่าประชาชนทำไม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ

---------------

นายวุฒิชัย อายุ 37 ปี ญาติผู้เสียชีวิตที่เกาะท้ายรถตำรวจ บอกว่า


ที่ทำไปเพราะอยากถามคนก่อเหตุว่า ฆ่าผู้บริสุทธิ์ทำไม แต่ตำรวจไม่จอดรถ จึงต้องโหนท้ายรถแบบนี้ เพราะพวกตนคาใจ


ก่อนหน้านี้ พวกตนร้องขอให้ตำรวจตรวจปัสสาวะผู้ก่อเหตุต่อหน้านักข่าว แต่ตำรวจก็ไม่ทำ ไปแอบตรวจกันเอง ซึ่งญาติก็คลางแคลงใจว่า อาจจะมีการหมกเม็ดช่วยเหลือกัน

---------------

นางอุมาวดี อายุ 49 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยความคับแค้นใจว่า 


หลังพี่สาวถูกตำรวจกระหน่ำแทง พวกตนกลัวว่าพี่สาวจะตายฟรี ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะความยุติธรรมไม่มีอยู่จริง ยิ่งผู้ก่อเหตุเป็นตำรว ก็ยิ่งน่ากลัว  


นอกจากนี้ ตอนที่เกิดเหตุ พวกตนถามตำรวจ สภ.ชะอวด ว่า ผู้ก่อเหตุชื่ออะไร อยู่โรงพักไหน แต่ตำรวจกลับบอกว่า ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้ว่าอยู่โรงพักไหน แบบนี้จะให้เชื่อใจตำรวจได้อย่างไร


หากบอกว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิต แล้วทำไมไม่เอาไปรักษา ปล่อยให้มาปฏิบัติหน้าที่ทำไม


หากคลั่ง ทำไมไม่ไปแทงตำรวจโรงพักเดียวกัน  มาฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ทำไม

---------------

นอกจากนี้ ชาวบ้าน และญาติผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ตั้งข้อสังเกตว่า


จ่าอาร์มอาจไม่ได้แค่เมาเหล้า แม้จะตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ 49 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นก็ตาม อีกทั้ง ผลตรวจว่าไม่พบสารเสพติดในร่างกาย ตรวจปัสสาวะไม่เป็นสีม่วง ก็อาจจะไม่น่าเชื่อถือ เพราะลักษณะอาการของจ่าอาร์มตอนก่อเหตุนั้น คลุ้มคลั่งเหมือนคนหลอนยาเสพติด  


นอกจากนี้ ชาวบ้านก็คาใจ ที่มีการตั้งข้อหากับจ่าอาร์มเบามาก คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษเบากว่าโทษฐานฆ่าคนตายมาก ทั้งที่พฤติการณ์ของจ่าอาร์ม คือ การเจตนาเล็งเห็นผลมีการแทงซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้งต่อเนื่อง ในลักษณะเจตนาเดียวกันกับผู้เสียหายทั้งสองคน  มีการถีบให้รถล้มก่อนที่จะเข้าไปทำร้าย และมีการใช้อาวุธที่สำคัญกลับยังไม่มีการแจ้งข้อหาเรื่องการพกพาอาวุธมีดด้วยซ้ำ


แต่ล่าสุด พนักงานสอบสวน สภ.ชะอวด ได้แจ้งข้อหาใหม่กับผู้ก่อเหตุ เป็น “พยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”  

---------------

ด้าน พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร  ผบช.ภ.8  สั่งให้ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ลงพื้นที่ควบคุมอำนวยการสอบสวนสืบสวนในคดีนี้อย่างใกล้ชิด


โดยแพทย์โรงพยาบาลชะอวดได้ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ส.ต.อ.ชวนิล หรือ 'จ่าอาร์ม' ผู้ก่อเหตุ แต่ไม่พบสารเสพติด จึงเก็บตัวอย่างเลือดส่งศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป


เบื้องต้นทราบว่า ก่อนหน้านี้ 'จ่าอาร์ม' มีอาการป่วยซึมเศร้า และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์

---------------

ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และ พ.ต.อ.สมพร นิติภักดิ์ ผกก.สภ.ชะอวด เข้าเยี่ยมญาติผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อให้การช่วยเหลือ


และยืนยันว่า จะดำเนินคดีกับจ่าอาร์มอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือพวกเดียวกันอย่างเด็ดขาด จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ตาย และผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ และวันนี้ (26 ก.พ. 67) จะเซ็นคำสั่งให้จ่าอาร์มออกจากราชการทันที


ด้าน พ.ต.อ.สมพร นิติภักดิ์ ผกก.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า

ส.ต.อ.ชวนิล หรือ 'จ่าอาร์ม' เป็น ผบ.หมู่ เพิ่งย้ายมาจาก จ.ภูเก็ต มีอาการเครียดเนื่องจากผิดหวังจากแฟน จนเครียดเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งทราบว่า ทางญาติได้ส่งตัวไปรักษาอาการจนดีขึ้น


กระทั่ง ย้ายมาประจำที่ สภ.ชะอวด ซึ่งทางโรงพยาบาลจะส่งยารักษาโรคซึมเศร้ามาให้ทางไปรษณีย์ ตนจึงให้ทำหน้าที่พนักงานขับรถร้อยเวรสำรอง ไม่ได้ขับประจำ แต่ให้สแตนด์บายไว้เพื่อมีเหตุฉุกเฉินเท่านั้น  หลังก่อเหตุก็ถูกควบคุมตัวไว้ทันที


วันเกิดเหตุ จ่าอาร์มได้ขับรถยนต์ส่วนตัวไปประสบอุบัติเหตุตกหลุม จากนั้น ได้เรียกรถยกให้มาช่วยยก และขณะรถยกกำลังดำเนินการ จ่าอาร์มก็ได้โทรศัพท์ไปหาแม่ และมีปากเสียงกันกับแม่  คนขับรถยกก็ปลอบใจว่า อย่าไปทะเลาะกับแม่เลย แต่ปรากฏว่า 'จ่าอาร์ม' ไม่พอใจ และจะใช้มีดแทงคนขับรถยก แต่คนขับรถยกวิ่งหนีตายได้ทัน ก่อนที่ผู้ตาย และผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นหญิงสูงวัยขี่ จยย.ผ่านมาทางหน้าโรงพัก จ่าอาร์มจึงได้วิ่งเข้าไปถีบ จยย.จนล้ม และเข้าไปก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงทั้ง 2 คน จนเสียชีวิต และบาดเจ็บ


ผกก.สภ.ชะอวด กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทราบว่า


มีการรักษาอาการจิตเวชที่ รพ.จิตเวชสงขลา ตั้งแต่ปี 2565 และรับยาตามแพทย์สั่งมากินอยู่ประจำทุกเดือน และครั้งต่อไปแพทย์นัดพบในวันที่ 5 มี.ค. 67


โดยในวันเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ดื่มสุรามาก่อน ตรวจวัดหลังเกิดเหตุได้ 49 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และยังได้ตรวจสารเสพติด แต่ไม่พบสารเสพติดในปัสสาวะ ซึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้ก่อเหตุ น่าจะเกิดจากดื่มสุราจนเมา แล้วคลุ้มคลั่งก่อเหตุขึ้น

------------------
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/loPnaRc-vnQ

คุณอาจสนใจ

Related News