เปิดใจ ‘นาวิน ต้าร์’ เสียท่ามิจฉาชีพ ถูกหลอกกดลิงก์ สูญเงินดิจิทัล 5 ล้าน ทำใจไม่ได้คืน

อดีตนักแสดง ‘ดร.นาวิน เยาวพลกุล’ หรือ นาวินต้าร์ ที่มีข่าวว่าตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพบนโลกโซเชียล ทำให้สูญเสียเงินเก็บมูลค่า 5 ล้านบาท ไปแบบไม่ทันตั้งตัว หลังจากอ่านข่าว และได้กดลิงก์ในกล่องข้อความ เพื่อเข้าไปอ่านข้อมูลข่าวสารซึ่งเห็นว่าน่าสนใจ และไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นลิงก์ให้ข้อมูลเชิงความรู้

แต่...หลังจากนั้นไม่นาน ก็พบว่าเงินในบัญชี จำนวนกว่า 5 ล้านบาท ได้เด้งหายไปทันที เจ้าตัวทำใจแล้วว่า เงินที่ถูกขโมยไป จะไม่มีโอกาสได้คืน

โดยเจ้าตัวก็ได้เคลื่อนไหวผ่านโซเซียล ได้โพสต์อินสตาแกรม เป็นภาพจับมือกับภรรยาสาว ‘ไฮโซน้ำหวาน พัสวี’ พร้อมข้อความว่า "ขอบคุณภรรยาที่ยังจับมือกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มีแต่กำลังใจ ไม่เคยปริปากพูดหรือโทษกัน คนเราล้มได้มันก็ต้องลุกขึ้นได้ ไม่เป็นไรช่างมัน สู้ ๆ หาเงินใหม่ ลุยยย !!!"

------------

วาน นี้ (22 ก.พ. 67) ช่วงเย็น ‘นาวิน ตาร์’ ได้ไปออกรายการโทรทัศน์ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยบอกว่า อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ ซึ่งเงินที่สูญไปเป็นเหรียญคริปโต โดยมูลค่าตอนที่ซื้อประมาณ 8 ล้าน แต่ตอนนี้ มีมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท

เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่เจ้าตัวนั่งอ่านข่าวเว็บไซต์ที่สนใจ เป็นบล็อก (Blog) ซึ่งมันไม่มีระบบบรรณาธิการ ที่จะมีการคัดกรองว่าใครเข้ามาเขียน แล้วมันก็หลอกลวงอะไรบางอย่าง ที่ทำให้สนใจอยากจะรู้อะไรบางอย่าง มันเป็นเรื่องที่ตัวเองสนใจมาก อ่านเรื่องนี้เป็นเดือน ๆ เกี่ยวกับเรื่องของคนการก่อตั้ง Ethereum มีการริเริ่มจะคืนค่าแก๊ส ซึ่งคนที่เล่นเหรียญคริปโตก็จะเข้าใจ มันมีการ transaction ต้องจ่ายค่าทำเนียม เพราะตนเองก็จ่ายค่าทำเนียมมาเป็น 10 ปี แล้ว จ่ายเยอะมาก ๆ ก็เลยอยากรู้ว่าค่าทำเนียมทั้งหมดที่จ่ายไปเท่าไหร่ มากน้อยแค่ไหน แล้วมันมีลิงก์อันหนึ่ง ที่ต้องกดเข้ากระเป๋าตังค์ของเรา เข้าเว็บของเขา ซึ่ง นาวิน ตาร์ เป็นคนรับผิดชอบกระเป๋าตังค์เอง ไม่ได้อยู่กับ exchange ในไทย

เลยตัดสินด้วยตัวเองทุกอย่าง ซึ่งการตัดสินใจครั้งนั้น มันผิดพลาด กดไปปุ๊บ มันโอนเงินหายไปเลย โอนไปเป็นบัญชีคริปโตซึ่งเป็นบัญชีอีกบัญชีหนึ่ง แต่เวลาที่เรามีเหรียญคริปโตทุกกระเป๋ามันไม่มีชื่อ ถ้าเงินหายในบัญชีของประเทศไทย เรามีคนดูแล มีข้อมูล มีทุกอย่าง ยังพอตามได้ แต่ถ้าเงินคริปโตโอนไปในบัญชีอื่น ๆ ไม่สามารถตามได้ มันไปสากล ไปต่างประเทศแล้ว พร้อมกับบอกว่าเ ป็นอุทาหรณ์ ใครบอกว่าเหรียญคริปโตมันปลอดภัยกว่าบัญชีทั่วไป อันนี้คือตัวอย่างที่ไม่ใช่


โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ยอมรับว่าเสียใจ และคิดกับตัวเองอยู่เสมอว่า ตัวเองมีภูมิต้านทานพอสมควร มีความมั่นใจ ไม่น่าจะโดนมิจฉาชีพหลอกลวงได้ ตอนนี้ ก็ได้ปรึกษาเพื่อนผู้เชี่ยวชาญ และแจ้งความออนไลน์ไปที่ตำรวจสอบสวนกลาง แต่ก็รู้ว่า เรื่องดังกล่าวจะตามได้ยากมาก แต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย

-------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/pFUGRAhOTB0