อาชญากรรม
ผบ.ตร. สั่งสอบ ตร.หญิง พี่สาวมือยิงหลานกำนัน ขวางจนท.พาผู้ต้องหาทำแผน
โดย attapan_n
8 ก.พ. 2567
8.5K views
วันที่ 8 ก.พ.2567 จากกรณีคนร้ายขี่จักรยานยนต์ไล่ยิง เบิร์ด อายุ 30 ปี ชาว จังหวัดเพชรบุรี พ่อค้าขับรถเร่ขายของตามหมู่บ้าน เสียชีวิตริมถนนเพชรเกษม ตำบลหัวสะพาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเพชรบุรี อนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุ คือ นายภีมวัจน์ หรือ อาร์ม อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี ในข้อหา "ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนไปในทางหมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต"
ต่อมา วันที่ 7 ก.พ.2567 พันตำรวจเอก วันชัย ขาวรัมย์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองเพชรบุรี พร้อมด้วย ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี ควบคุมตัว นาย อาร์ม ผู้ต้องหา มาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองเพชรบุรี หลังนายอาร์ม ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พานทอง จังหวัดชลบุรี เมื่อกลางดึกของวันที่ 6 กุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา
หลังมีการสอบปากคำนายอาร์ม เสร็จเรียบร้อยพนักงานสอบสวน ได้คุมตัวเพื่อไปทำแผนชี้จุดเกิดเหตุ ปรากฏว่าการทำแผนล่ม เนื่องจากพี่สาวของนายอาร์ม มายืนอยู่ตรงจุดทำแผน และสั่งให้น้องชายว่า ให้ยืนเฉยๆไม่ต้องชี้ไม่ต้องพูดอะไรไปให้การในชั้นศาลอย่างเดียว และเหตุการณ์ยังไม่จบแค่นั้นหลังจากการทำแผนล่มตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหามาที่โรงพักเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ปรากฏว่านักข่าวก็ตามไปรอทำข่าวที่โรงพักอีกรอบ
และมีน้องโดนัท นักข่าวช่องอมรินทร์ทีวี ไปรอและทำข่าวและได้สัมภาษณ์แม่ของผู้ต้องหา ปรากฏว่า พี่สาวของผู้ต้องหา ตามมาที่โรงพักและมาขอดูบัตรประจำตัวนักข่าวจนเกิดการโต้เถียงกัน พี่สาวของผู้ต้องหาบอกว่านักข่าวก็มีทั้งดีและชั่วจึงต้องขอดูบัตรว่าเป็นนักข่าวจริงหรือไม่
โดยน้องนักข่าวหญิงคนดังกล่าว กลัวว่าจะไม่ปลอดภัยและเป็นการคุกคามสื่อมวลชน จึงเข้าแจ้งความเพื่อรักษาสิทธิ์ ทำให้เรื่องดังกล่าวทราบถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์สุขวิมลได้มีการต่อสายตรงมาจากต่างประเทศ สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ลงมาดูรายละเอียดเรื่องนี้ จนมีการเรียกตัวพี่สาวของผู้ต้องหาและน้องนักข่าวหญิงคนดังกล่าวมาพูดคุยกันในห้องประชุมโดยทางฝั่งของตำรวจหญิงได้มีการกล่าวขอโทษทางน้ำตา
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กัน จอมพลัง พาครอบครัว ผู้เสียชีวิต มาร้องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงกรณีที่พี่สาวตะโกน ไม่ให้อาร์ม น้องชายซึ่งเป็นผู้ต้องหาไม่ให้พูดอะไร ให้ไปให้คำให้การที่ชั้นศาล ทำให้การทำแผนประกอบคำรับสารภาพล่ม
กัน จอมพลัง กล่าวว่า เปิดเผย คดีนี้ตนเองเห็นภาพทีาออกข่าวไปแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ที่พี่สาวมือปืน หรือ ผู้ต้องหาไปยืนให้คำแนะนำผู้ต้องหาคดีฆ่าอย่างอุกอาจแบบนั้น ซึ่งพี่สาว แม้จะอ้างว่า จะเป็นการลาราชการมา ก็อยากตรวจสอบทางวินัยตำรวจหญิงคนดังกล่าว พร้อมพฤติกรรมแบบนี้ทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสียหรือไม่
กัน จอมพลัง บอกอีกว่า ภาพที่เห็นออกมาแบบนี้ ตนเองรู้สึกสะเทือนใจ ซึ่งเข้าใจว่า ตำรวจหญิงรักน้อง อยากปกป้องครอบครัว ตนจึงอยากถามกลับไปว่า แล้วครอบครัวคนตายล่ะ เด็กในท้องกำลังจะคลอด ต้องกำพร้าพ่อ เคยมาพูดคุยขอโทษเขาบ้างหรือยัง แต่วันนี้ออกมาปกป้องผู้ก่อเหตุ ซึ่งหากจะอ้าง เรื่องสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะไม่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
กัน จอมพลัง มองว่า ตำรวจที่ทำคดีนี้มีความเป็นมืออาชีพพอ คาดว่ามีการแจ้งสิทธิ์ของผู้ต้องหา และมีการพูดคุยกับผู้ต้องหาแล้วจนยอมขึ้นรถไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปด้วย แต่พฤติกรรมของพี่สาวผู้ต้องหา มองว่า ไม่เหมาะสม เชื่อว่า ชาวบ้านทั่วไปที่เห็นแบบนี้ก็คงไม่สบายใจจึงอยากให้มีการตรวจสอบ
เช่นเดียวกับประเด็นที่มีการสั่งห้ามนักข่าวทำข่าว ซึ่งตนเอง มองว่านักข่าวก็ไปทำหน้าที่และคดีนี้หากสื่อมวลชนไม่ให้ความสนใจและไม่ตามที่ทำข่าวอาจจะไม่สามรถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ จึงอยากร้องถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ตรวจสอบพฤติกรรมของตำรวจหญิงคนดังกล่าวในทั้งสองประเด็น
ด้านนางสาวหญิงพี่สาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า คดีนี้ตนเองกังวลมาตั้งแต่แรกเนื่องจากทางฝั่งผู้ก่อเหตุมีเรื่องบาดหมางกับผู้ตายน้องชายของตนเองมาโดยตลอดเจอหน้าที่ไหนเป็นต้องทะเลาะกัน แล้วก่อนหน้านี้น้องชายตนเองก็เคย ถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้ผู้ก่อเหตุทำกับน้องชายตนเองถึงขั้นเสียชีวิตและแม้ว่าจะเข้ามอบตัวและตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายแต่เหตุการณ์เมื่อวานก็ทำให้ตนเองรู้สึกกังวล เนื่องจากพี่สาวของผู้ต้องหาเป็นตำรวจ จึงอยากถามว่าเรียนกฎหมายมาเพื่อปกป้องครอบครัวตนเองอย่างเดียวใช่หรือไม่ แล้วเหตุการณ์นี้น้องชายตนเองก็ตายเหมือนกันแต่กลับไม่ได้รับการปกป้อง ซึ่งการรักน้องตนเองก็รักน้องเหมือนกันแต่อยากให้รักอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ ผบ.ตร. โทรฯสั่งการข้ามประเทศกำชับให้ดูแลคดีนี้อย่างตรงไป ตรงมาและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งภาพที่เห็นว่า พี่สาวของผู้ต้องหาไปมีพฤติกรรมแบบนั้น ยอมรับว่า เป็นตำรวจจริง โดยได้สั่งการให้มีการตรวจสอบทั้งทางวินัยและอาญา และเนื่องจากวันเวลาดังกล่าวเป็นวันราชการปกติ หากมีการลาเป็นการลาอย่างถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ส่วนการจะใช้สิทธิ์ไม่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา หรือ ญาติของผู้ต้องหาที่จะร้องขอได้ แต่ควรมีการพูดคุยกันส่วนตัวอย่างสุภาพ ไม่ใช่มายืนตะโกนจนเกิดเป็นภาพแบบนี้ มองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะตรงนั้นมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ถึงระดับผู้การจังหวัดลงพื้นที่ไปคุมการทำแผนด้วย
สำหรับการทำแผนกรอบคำรับสารภาพหากผู้ต้องหาขอใช้สิทธิ์ไม่ทำแผนแต่ทางพนักงานสอบสวนหรือตำรวจก็สามารถหาพยานหลักฐานอย่างอื่น ในการเอาผิดและดำเนินคดีตามกฎหมายได้ การทำแผนหรือไม่ทำแผนจึงไม่มีผลต่อรูปคดี