อาชญากรรม

นอนคุก! ศาลไม่ให้ประกัน ตร.ป่าติ้ว ขืนใจ นร.ม.5 หลังไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ พร้อมให้ออกราชการไว้ก่อน

โดย petchpawee_k

31 ม.ค. 2567

971 views

ยโสธร สุดฉาว! ร.ต.อ.ข่มขืนนร.ม.5 ข้างโรงพักหลังไม่มีเงินจ่ายค่าปรับใบขับขี่ วงจรปิดจับภาพนาที ตร. เดินนำ นร.หญิงไปจุดเกิดเหตุ

กรณีเพจ Facebook สายไหมต้องรอด แชร์เรื่องราวสุดช็อควงการตำรวจอีกแล้ว โดยมีข้อความระบุว่า “ห๊ะ! นร.หญิง ม.5 ขับ จยย.ไปเรียนกับน้อง ถูกตำรวจเรียกตรวจ พบไม่มีใบขับขี่ ตร.เรียก 2,000 บาท น้องไม่มีจ่าย จึงถูกพาไปย่ำยีข้างโรงพัก!”


ต่อมา ในโพสต์เดียวกันแอดมินเพจได้มาตอบคอมเม้นเพิ่มเติม ระบุว่า “พี่เอก ประสานท่าน บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว!”


ทั้งนี้ แม่ของนักเรียนหญิง ม.5 ผู้เสียหาย ถ่ายคลิปขอความช่วยเหลือไปที่เพจสายไหมต้องรอด มีใจความว่า "ช่วยหนูด้วยค่ะ ลูกสาวหนูไปโรงเรียน เมื่อเช้าของวันนี้ แล้วทีนี้น้องไม่มีใบขับขี่กับหมวกกันน็อก มันระยะไปโรงเรียน 6 กิโล แล้วทีนี้ตำรวจเขาจะเอา 2,000 น้องไม่มีตังจ่าย ตำรวจก็เลยบอกว่า ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ตำรวจเอาเด็กไปขืนใจค่ะ ช่วยหนูด้วย"


เบื้องต้นแม่ของน้องผู้เสียหาย เล่าว่า ลูกสาวเรียนอยู่ชั้น ม.5 ที่จังหวัดยโสธร ตอนเช้าของวันที่ 29 มกราคม ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียนกับน้องสาว แล้วเจอด่านตำรวจ แต่ไม่ได้ตั้งด่านเป็นกลุ่ม แยกกันอยู่คนละจุด มีตำรวจนายหนึ่ง โบกให้น้องจอดรถ แล้วก็ดึงกุญแจรถออก โดยบอกว่า น้องไม่มีใบขับขี่ และไม่สวมหมวกกันน็อก ก่อนถามว่า มีเงิน 2,000 ไหม จะต้องจ่ายค่าปรับ แต่ลูกสาวบอกว่า ไม่มี แล้วโทรหาแม่ ซึ่งแม่ก็ไม่ได้รับโทรศัพท์


ตำรวจจึงบอกให้ลูกสาวตามตำรวจไป โดยพาไปที่ห้องแห่งหนึ่ง อยู่ติดกับอำเภอและโรงพัก จากนั้นก็พยายามบอกน้องว่า ต้องเอาเงิน 2,000 มาจ่ายค่าปรับวันนี้ ซึ่งน้องบอกว่า ไม่มี เขาก็ขู่ว่าถ้าไม่มีเงิน ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน สุดท้ายเขาก็ขืนใจลูกสาว หลังเกิดเรื่อง ลูกสาวก็นำเรื่องไปบอกยาย ยายจึงพาไปแจ้งความ แต่แม่กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีเป็นตำรวจ สภ.ป่าติ้ว ด้วย จึงมาร้องเพจสายไหมต้องรอด พร้อมยืนยัน จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

และยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดหน้า กศน.ป่าติ้ว จากภาพ ระบุวันที่ 29 มกราคม เวลา 10.25 น. ปรากฏภาพชายในชุดข้าราชการตำรวจ เดินนำหน้าเยาวชนหญิงใส่เสื้อคลุมสีเเดง กระโปรงนักเรียน ซึ่งจะเห็นพฤติการณ์ได้ชัดเจนว่า ตำรวจเป็นคนเดินนำ ผ่านอาคารมุ่งไปตรงจุดเกิดเหตุ

ข้อสังเกตคือ จุดนี้ถ้าเป็นคนนอกหรือคนที่ไม่เคยเข้ามา ก็จะไม่รู้ว่ามีห้องเเบบนี้อยู่ ซึ่งมีข้อมูลจากทางคุณครู ว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีการติดต่อ ให้ตำรวจจราจรมาร่วมเป็นวิทยากรบรรยาย จึงอาจเป็นไปได้ว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเคยเข้ามาเเละรู้ว่ามีห้องว่างที่ไม่ได้ใช้งานอยู่ด้านหลัง อีกทั้งรอบๆ เป็นที่ตั้งของส่วนราชการ เเละใกล้โรงเรียน เเละจุดนี้ตามข้อมูลบอกว่า รองสารวัตรจราจร เเละตำรวจมักจะมายืนตั้งจุดตรวจ เเละปรับผู้ที่ทำผิดกฏจราจรด้วย

ด้าน พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว พบว่า เป็นความจริง เบื้องต้นมีผู้ก่อเหตุ 1 คน เป็นตำรวจยศ ร้อยตำรวจเอก ตำแหน่งรองสารวัตร ของ สภ.ป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ตอนนี้ได้สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และกำชับให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร ให้ลงไปติดตามเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้หลังเสร็จภารกิจ ตนเองจะรีบลงพื้นที่ไปติดตามคดีนี้ทันที เนื่องจากตนเองกำกับดูแลเกี่ยวกับสิทธิเด็กและสตรี รวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กด้วย และครั้งนี่ผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจ ทำให้รับไม่ได้

ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับทราบเรื่องแล้ว ได้สั่งการด่วนให้ พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบมีมูลเป็นความจริง ให้ดำเนินคดีอาญาเด็ดขาด ตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมขยายผลดำเนินการผู้เกี่ยวข้องทุกราย และหากตรวจสอบว่าผู้บังคับบัญชาเกี่ยวข้องให้ดำเนินการเอาผิดตามมาตรการ 1212/2537 ด้วย  


ทั้งนี้ ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตรงไปตรงมาทุกมิติ ไม่มีการช่วยเหลืออย่างแน่นอน พร้อมให้ความคุ้มครองดูแลผู้เสียหาย พยานในคดีทุกมิติ ให้ความเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ขณะที่เมื่อช่วงบ่าย พันตำรวจเอก สานิตย์ ไชยสถิตย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร ในฐานะโฆษกของตำรวจภูธรจังหวัด ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เผยว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ คือ เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ตำรวจคนที่ก่อเหตุ เป็นตำรวจจราจรยศรองสารวัตร ได้ขี่รถออกตรวจบริการจราจร แล้วไปเจอน้องขี่รถมา ก็ได้ขี่แซงแล้วเรียกให้น้องจอดรถ ก่อนพูดคุยดูข้อหา พบว่า ไม่สวมหมวกกันน็อก และไม่มีใบขับขี่ จากการสอบถามเบื้องต้น รองสารวัตรจราจร ยอมรับว่า พาน้องไปจริง

ซึ่งน้องผู้เสียหาย ได้มาแจ้งความเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้รับร้องทุกข์ไว้แล้ว พร้อมส่งน้องไปตรวจร่ายกาย วันนี้แม่ของน้องเดินทางมาจากกรุงเทพฯ อยู่ระหว่างให้ปากคำกับตำรวจ สภ.ป่าติ้ว ส่วนน้องผู้เสียหาย จะถูกส่งไปสอบปากคำกับสหวิชาชีพ ที่ตัวเมืองยโสธร


สำหรับตำรวจที่ก่อเหตุ เบื้องต้น ถูกแจ้งข้อหา พรากผู้เยาว์ อายุเกินกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร / ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยใช้กำลังขู่เข็ญ โดยใช้กำลังประทุษร้าย จากนั้นจะส่งไปฝากขัง ที่ศาลจังหวัดยโสธรทันที / พร้อมให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะผิดอาญา และตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ทั้งนี้ขอแสดงความเสียใจกับน้อง และครอบครัวด้วย รับปากว่า จะดำเนินการกับตำรวจที่กระผิดขั้นเด็ดขาด

โดยขณะที่เจ้าหน้าที่นำตัว ร.ต.อ. คนดังกล่าวไปฝากขังนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ามีอะไรอยากจะชี้แจงกับเหตุการณืที่เกิดขึ้นหรือไม่ ทาง ร.ต.อ. ได้ฝากขอโทษผู้เสียหายและครอบครัว เมื่อถามว่าลงมือก่อเหตุจริงหรือไม่ เจ้าตัวตอบว่า ขอให้การในชั้นศาล ก่อนตำรวจจะควบคุมตัวขึ้นรถทันที

หลังจากนั้นตำรวจ สภ.ป่าติ้ว ได้พาสื่อมวลชนไปดูห้องที่เกิดเหตุ พบว่า อยู่ในพื้นที่ของห้องสมุดประชาชน


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าดูจากเเผนผังกูเกิลเเมพ จะเห็นว่า จุดที่น้องถูกกระทำ ห่างจาก สภ.ป่าติ้ว ประมาณ 200 เมตรเท่านั้นเอง รอบๆ บริเวณเป็นที่ตั้งของส่วนราชการ ด้านหลังติดกับกองร้อย อส. ด้านขวาติดที่ว่าการอำเภอ ตรงข้ามเป็นโรงพยาบาล ทางซ้ายติดเทศบาล เเละถัดมานิดเดียวก็คือโรงพัก สภ.ป่าติ้ว

ประเด็นที่สังคมตั้งคำถามคือ ทำไมตำรวจรายนี้ ถึงได้กล้าทำ ทั้งที่อยู่ในชุดปฏิบัติงาน อยู่ในเวลาราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จุดเกิดเหตุเป็นสถานที่ราชการ


ทีมข่าวได้พบกับครูเเละรักษาการ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ หรือสกร.อ.ป่าติ้ว ทราบว่า เหตุเกิดในช่วงประมาณ 10 โมงเช้า วันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุเป็นห้องว่างเปล่าหลังสุด ที่อยู่ระหว่างให้ช่างเข้ามาปรับปรุงรีโนเวท ทำเป็นห้องเรียน ไม่มีสิ่งของใดนอกจากบันได กับเก้าอี้ 2 ตัว ปกติจะล็อคเเละใส่เเม่กุญเเจไว้ ประกอบกับช่วงเวลานั้น บุคลากรเกือบทั้งหมดออกไปเเข่งกีฬา ที่นี่จึงเหลือเพียงนักการภารโรง 1 คนที่คอยเฝ้า ซึ่งส่วนใหญ่จะคอยดูเเลอยู่ด้านหน้า


ต่อมา เวลา 16.00 น. วานนี้  พนักงานสอบสวน สภ.ป่าติ้ว ได้นำตัว ร.ต.อ. ผู้ต้องหาในคดี "พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร และข่มขื่นกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังขู่เข็ญโดยใช้กำลังประทุษร้าย" มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันที่ศาลจังหวัดยโสธร  เนื่องจากต้องสอบสวนพยานบุคคลอีก 10 ปาก รอผลผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือ และรอผลการตรวจจากแพทย์ เบื้องต้นในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ


โดยท้ายคำร้อง หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหาเป็นคดีอุกฉกรรจ์ คดีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน โดยทางผู้เสียหายก็ยื่นคัดค้านการประกันด้วย


ดังนั้นศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ภายหลังผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไปยังเรือนจำจังหวัดยโสธรต่อไป.



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/T3NLZXq4OO8

คุณอาจสนใจ

Related News