อาชญากรรม

เปิดสาเหตุ โรงงานพลุสุพรรณฯ ระเบิด ญาติร่ำไห้เสียเสาหลัก-ลูกสูญเสียทั้งพ่อและแม่ รัฐบาลเยียวยารายละ 3 แสน

โดย petchpawee_k

19 ม.ค. 2567

85 views

เจ้าหน้าที่เข้าเก็บร่างผู้เสียชีวิต โดยขณะลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตขึ้นรถไปชันสูตรพบอีกหนึ่งร่างตกคูน้ำ เสียชีวิตรวม 23 ราย ขณะที่ญาติร่ำไห้ ทำใจไม่ได้สูญเสียเสาหลักของครอบครัว ตั้งศพเรียงแน่นวัด บางครอบครัว ลูกสูญเสียทั้งพ่อและแม่

ความคืบหน้าเหตุการณ์สถานประกอบการพลุระเบิดในพื้นที่ตำบลศาลาขาว อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี

วานนี้ (18 ม.ค.) ตั้งแต่ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยจากมูลนิธิต่างๆ ได้เข้าไปตรวจสอบชิ้นส่วนและและร่างของผู้เสียชีวิตอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะนำไปตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ส่วนบุคคล ส่วนร่างของผู้ที่เสียชีวิตนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการแพ็คไว้ตั้งแต่ช่วงกลางคืน


โดยช่วงเช้าขณะที่กำลังลำเลียงศพอยู่นั้นก็มีชาวบ้านเข้ามาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าพบร่างผู้เสียชีวิตอีกหนึ่งรายนอนจมอยู่ในคูน้ำ ใกล้กับด้านข้างของโรงงาน ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพร้อมอาสากู้ภัยจึงไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นร่างผู้เสียชีวิตจริงและเป็นหนึ่งในรายชื่อของพนักงานที่เข้าทำงานในวันเกิดเหตุ จึงทำให้มียอดผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 23 รายและไม่พบผู้สูญหาย  


โดยเจ้าหน้าที่นำแต่ละร่างพิสูจน์อัตลักษณ์ส่วนบุคคล ส่วนชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ที่มีการกระจัดกระจายออกจากร่าง ก็จะมีการตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบว่าเป็นของบุคคลใดเจ้าหน้าที่จะนำกลับไปเย็บตกแต่งศพเพื่อให้สมบูรณ์ที่สุดก่อนจะนำส่งญาติในวันนี้ (19 ม.ค.)


ในส่วนของการดูแลครอบครัวผู้สูญเสียนั้น เมื่อวานนี้ต้องบอกว่าสภาพบรรยากาศภายในวัดโรงช้างซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุสถานประกอบการพลุระเบิดเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดพื้นที่ให้ญาติผู้สูญเสียและครอบครัวอยู่บริเวณหนึ่งและมีทีมจิตแพทย์ และนักจิตบำบัดคอยดูแลอาการของผู้สูญเสียแต่ละคนที่ยังทำใจไม่ได้ และเศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบางรายถึงขั้นไม่ยอมรับประทานอาหาร และรอคอยการชันสูตรเพื่อที่จะรับศพคนในครอบครัวกลับไปบำเพ็ญกุศล


ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลกับคุณส้ม  เล่าว่า ตอนนี้เสียเสาหลักของที่บ้านไปแล้วเพราะสามีได้เสียชีวิตจากการเข้าไปทำงานที่โรงงานดังกล่าว และตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าพบร่างแล้วหรือยัง เพราะยังไม่มีรายชื่อจึงทำให้เกิดความเครียดและไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ในใจภาวนาขอให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็พร้อมที่จะรับได้


คุณส้ม เล่าว่า สามีของเธอเป็นเสาหลักของบ้านเลี้ยงดูครอบครัวทั้งหมด 4 คน ลูกกำลังเรียนอีก 2 คนจากนี้ไปก็ต้องเป็นตนเองที่จะเป็นเสาหลักของบ้าน ยังไม่รู้ว่าจะไปหาเงินหรือทำงานที่ไหนที่จะเพียงพอในการเลี้ยงดูครอบครัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำลายครอบครัวของตนเองทั้งหมด ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้และไม่อยากกินอะไร อยากรู้แค่ว่าร่างที่เจ้าหน้าที่เก็บมานั้นมีร่างของสามีอยู่ด้วยหรือไม่


ต่อมาทีมข่าวได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจอัตลักษณ์ส่วนบุคคล โดยพบว่าเจ้าหน้าที่พบร่างของนายสมควร สามีของคุณส้มแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อทราบข่าวคุณส้มก็ร้องไห้ แต่ก็ดีใจที่ยังได้เจอร่างของสามี แม้จะเป็นความดีใจที่เกิดจากความเศร้าโศกเสียใจ

--------------------------------------------------

'สมศักดิ์' ลงพื้นที่ 'โรงงานพลุระเบิด' สุพรรณบุรี เผย 'นายกฯ' ห่วงใย สั่งเยียวยาด่วน ช่วยครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 3 แสน เรียกประชุมล้อมคอกวันนี้ (19 ม.ค.) ป้องกันเหตุซ้ำ ชี้ กฎหมาย-ระเบียบ ที่มีอยู่ไม่สามารถควบคุมให้ปลอดภัยได้ จ่อ หารือแก้ไข ก่อนนำข้อสรุปชง ครม. สัปดาห์หน้า


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 


นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า นายเศรษฐา ได้มอบหมายให้ตนที่ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีอยู่ ลงพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในทุกด้าน พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ซึ่งขณะนี้ ได้รับรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 23 ราย นายกรัฐมนตรี จึงได้กำชับเรื่องการเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต


โดยขณะนี้ มีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จะช่วยเยียวยาการเสียชีวิต 50,000 บาท, การทำศพ 30,000 บาท, ค่าดูแลบุตรที่กำลังศึกษาอายุไม่เกิน 25 ปี อีก 50,000 บาท รวมเป็นรายละ 130,000 บาท รวมถึงยังมีเงินเยียวยา ของกระทรวงยุติธรรม ให้ผู้เสียชีวิตอีกประมาณ 200,000 บาท และยังมีเงินเยียวยาจากกระทรวงพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงมหาดไทย อีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้น รวมแล้วครอบครัวผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยาประมาณรายละ 300,000 บาท


 ส่วนสาเหตุที่เกิดครั้งนี้ ตนได้รับรายงานว่า โรงงานพลุมีวัตถุระเบิด คือดินปืน ที่เป็นตัวจุดระเบิด แต่สิ่งที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บ เสียชีวิต เป็นเพราะตัวเร่ง คือ โพรเทสเซียมคลอเลต (KClo3) ที่เป็นสารแคตตาไลท์ ซึ่งเมื่อมีดินปืนระเบิด ทำให้เกิดการสันดาป จึงเกิดแรงระเบิด และแรงอัด ที่ทำให้ผู้อยู่ในบริเวณเสียชีวิตอย่างกระทันหัน โดยเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นทุกปี ดังนั้น จากนี้ ต้องมีการแก้ปัญหา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า โรงงานมีการขอใบอนุญาตการให้ทำและค้าดอกไม้เพลิงถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงกระทรวงกลาโหม ได้ตรวจสอบการสั่งซื้อสารเคมีประกอบวัตถุระเบิด พบว่า ปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้อง ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบพบว่า สถานที่เก็บพลุแห่งนี้ ไม่ได้ขออนุญาตเป็นโรงงาน จึงทำให้ไม่มีการตรวจสอบวัตถุอันตราย ตนจึงมองว่า ตรงนี้เป็นจุดอ่อน เพราะทำให้ไม่มีการตรวจสอบ ส่วนผลกระทบจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่อาจเกิดสารเคมีแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้


ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่เกิดระเบิดเพราะมีสารดินปืน และโพรแทสเซียมคลอเลต จำนวนมากเกินไปใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สารโพรแทสเซียมคลอเลต เป็นสารไม่สันดาบเอง แต่เป็นตัวเร่งหรือสารแคทตาไลท์ ทำให้เกิดแรงอัดสูง เป็นสารที่ต้องควบคุมปริมาณ ซึ่งไม่ได้ยืนยันสาเหตุแน่ชัด เพราะอยู่ในการพิสูจน์ของตำรวจ แต่ตนมองว่า กฎหมายและระเบียบทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ ไม่สามารถควบคุมให้เกิดความปลอดภัยต่อโรงงานลักษณะนี้ในทุกประเด็น โดยจะเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการศึกษาว่า จะต้องปรับกฎเกณฑ์อะไรบ้าง

---------------------------------------------------

รองผู้ว่าฯ สุพรรณ ระบุ สถานประกอบการพลุระระเบิดไม่ใช่โรงงาน ขอใบอนุญาตถูกต้อง  เหตุที่เกิดขึ้นมีปัจจัยหลายส่วนและเกิดความบกพร่องทางกฎหมายด้วย


นายดรณ์ สมิตะเกษตริน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยกรณีการออกใบอนุญาตสถานประกอบการพลุของโรงงานที่เกิด เหตุระเบิดจนมีผู้เสียชีวิต 23 รายว่า จุดเกิดเหตุนั้นไม่ใช่โรงงานพลุ แต่จดทะเบียน เป็นสถานประกอบการ ถ้าเป็นโรงงานจะต้องมีระเบียบโรงงาน สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตามรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่ที่นี่เป็นสถานประกอบการที่มีชาวบ้านมาทำงานเป็นจ๊อบๆ ส่วนใบได้รับอนุญาตนั้นก็มีอย่างถูกต้องตามกฏหมาย


กรณีที่สังคมสงสัยว่าเหตุใด สถานประกอบการแห่งนี้ เคยเกิดเหตุระเบิดแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 แต่กลับได้รับใบอนุญาตเปิดอีก รองผู้ว่าฯ ระบุว่า ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยใบอนุญาตให้ค้าซึ่งสิ่งเทียมอาวุธปืน (แบบป.5) อนุญาตให้ออกใบอนุญาตปีต่อปี โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบปัจจัย เช่น


1.อาคารมีความมั่นคงแข็งแรงหรือไม่

2.มีเครื่องดับเพลิงหรือไม่มีกำแพงดิน มีรั้วรอบขอบชิดหรือไม่ มีการระบายอากาศอย่างไร 

3. อยู่ห่างจากพื้นที่ชุมชนพอสมควรหรือไม่ถ้าเป็นไปตามกฎระเบียบทุกอย่าง เจ้าหน้าที่ ก็ต้องออกใบอนุญาตให้ ซึ่งกรณี สถานประกอบการนี้เข้าเกณฑ์ทั้งหมด

และการเข้าไปตรวจสถานประกอบการนั้นก็เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปตรวจดูได้เพราะเป็นกฎหมายของสถานประกอบการ ไม่ใช่โรงงานที่จะเข้าไปดูตรวจสอบเป็นระยะตามที่กฎหมายกำหนด


ซึ่งเมื่อเป็นสถานประกอบการกฎหมายไม่ได้เอื้อให้เข้าไปตรวจสอบ อีกทั้งสถานประกอบการนี้ เราไม่รู้ ว่ามีการเก็บสารที่ทำพลุไว้จำนวนเท่าไหร่ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยทำให้เกิดเหตุระเบิดได้


ตามหลักการนั้น พื้นที่การผลิตกับพื้นที่จัดเก็บ ควรจะแยกออกจากกัน แต่กฎหมายไม่ได้ระบุไว้ และไม่ได้มีหน่วยงานไหนที่จะไปตรวจสอบได้



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/N8UYi1TZ0ZI

คุณอาจสนใจ