อาชญากรรม

หมอทหารคลั่งรัวปืนในหมู่บ้าน ตร.กล่อมนานกว่า 5 ชม. ถึงมอบตัว พบป่วยทางจิตแล้วขาดยา

โดย nattachat_c

12 ธ.ค. 2566

317 views

หมอทหารคลั่งก่อเหตุยิงในหมู่บ้านย่านศรีนครินทร์ - หนีหลบในบ้าน จนท.ปิดล้อมนานกว่า 5 ชม. เจ้าตัวตะโกนด่าลั่นเป็นระยะ สุดท้าย หมอรักษาอาการทางจิตเจรจา ก่อนยอมมอบตัว พร้อมบอก “ไม่มีปืน ไม่เคยทำร้ายใคร” เพื่อนบ้านเผยชอบตะโกนโวยวาย ด่าทอลูกบ้านคนอื่น เตรียมประสานครอบครัวนำตัวไปรักษา หากไม่มีใบแพทย์ยืนยันคงยังไม่ให้กลับเข้าหมู่บ้าน


วานนี้ (11 ธ.ค. 66) เวลา 16.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ  ได้รับแจ้งเหตุ ชายใช้อาวุธปืนยิงใส่คนงานก่อสร้าง ที่กำลังสร้างสระว่ายน้ำ กลางหมู่บ้านดัง ย่านศรีนครินทร์  ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้ง ตำรวจ สภ.บางแก้ว จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการสืบสวนสอบสวนภูธร จังหวัดสมุทรปราการ


โดยที่เกิดเหตุ อยู่ภายในหมู่บ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบชาย อายุ 55 ปี ถือปืนยืนโวยวายอยู่หน้าบ้านของตัวเอง ก่อนตรวจสอบทราบในภายหลังว่า ผู้ก่อเหตุเป็นหมอทหารอยู่ รพ.แห่งหนึ่ง ใน กทม. และเคยไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้ก่อเหตุเคยเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 26


เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ได้ทำการปิดล้อมที่เกิดเหตุ พร้อมเข้าเจรจา แต่ทางผู้เกิดเหตุยังไม่มีท่าทีที่สงบ ก่อนที่จะเข้าไปหลบภายในบ้านพักของตัวเอง  


ขณะที่ภรรยา และลูกสาว เบื้องต้นได้พยามเกลี้ยกล่อมเช่นกัน แต่ยังไม่เป็นผล  ด้านตำรวจจึงต้องตรึงกำลังต่อเนื่อง รวมกว่า 50 นาย


ระหว่างนี้ หัวหน้าคนงานก่อสร้างในที่เกิดเหตุ เดินทางเข้ามาที่เกิดเหตุให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ระบุว่า ช่วงเกิดเหตุ ทางผู้ก่อเหตุได้เดินเข้ามาโวยวายเสียงดังที่สระน้ำ ก่อนรัวยิงที่กองทรายประมาณ 3 นัด ในขณะที่ตนกำลังตัดไม้อยู่  


ยืนยันว่า ไม่เคยทะเลาะหรือมีปากเสียงกัน แต่ยอมรับว่า เสียงก่อสร้างต้องดังอยู่แล้ว จึงคิดว่าเขาคงอารมณ์ไม่ดี จึงก่อเหตุขึ้น แต่เจ้าตัวไม่ได้พูดว่ารำคาญแต่อย่างใด

--------------

เวลา 19.30 น.

พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งการให้ตำรวจใช้ความระมัดวัง และใช้มาตรการเกลี้ยกล่อม เจรจาอย่างละมุมละม่อม ไม่ใช้วิธีที่รุนแรง เพราะผู้ก่อเหตุเป็นผู้ป่วย และยังไม่ได้ทำร้ายใคร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางผู้ก่อเหตุพบเห็นตัวเองอยู่ในไลฟ์สดของสื่อ และได้ตะโกนโวยวายออกมาจากบ้านพัก ทำนองว่า ขอร้องให้สื่อหยุดไลฟ์สด


ก่อนที่เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบมือ จะเข้าตรึงกำลังบริเวณปากซอยบ้าน ซึ่งห่างจากรัศมีบ้านที่ผู้ก่อเหตุประมาณ 50 เมตร แต่เจ้าตัวยังคงตะโกนโวยวายต่อเนื่อง หากเปิดออกมาเห็นเจ้าหน้าที่ โดยช่วงนี้ตะโกนสลับหยุด


เวลา 21.10 น.

ผู้ก่อเหตุโวยวายเสียงดังในบ้านอีกครั้ง แต่ไม่สามารถจับใจความได้ว่าโวยวายอะไร ได้ยินสั้น ๆ เพียงว่า “อย่ามายุ่งกับกู ออกไป กูไม่ออกไปหรอก” จากนั้น โวยวายต่อ โดยช่วงนี้ใช้เวลาตะโกนโวยวายประมาณ 8 นาที


เวลา 21.23 น.

แพทย์จาก รพ.พระมงกุฎเกล้าที่ทำการรักษา และผู้บังคับบัญชาเดินทางมาเกลี้ยกล่อม


เวลา 21.33 น.

เจ้าตัวเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ สวมใส่เสื้อลายดอกสีชมพู กางเกงขาสั้น แต่ไม่มีอาวุธปืน เดินออกมาหาตำรวจ พร้อมบอกว่า “ผมไม่มีปืน ผมไม่เคยทำร้ายใคร ผมเป็นทหาร รักชาติ ไม่กลัวตำรวจ ทุกอย่างเป็นเรื่องใส่ร้ายใส่ความ ผมไม่เคยยิงใคร ไม่เคยทำร้ายใคร ผมเตรียมทหารรุ่น 26 ครับ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ฝากถึงทุกคนด้วยนะครับ คนไทยต้องรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ กตัญญู  อย่ากลัว อย่าออกสื่อ ประจานตำรวจ ไอ้ตำรวจชั่วกินส่วย สถานีตำรวจบางนา 


ก่อนจะย้ำว่า ผมไม่มีปืน อย่ามาหาเรื่องผม ขอร้องล่ะ จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปเพื่อไปพูดคุย

-------------

ทีมข่าวได้คุยกับคุณ เอ (นามสมมุติ) คณะกรรมการหมู่บ้าน

โดยได้ยืนยันว่า สาเหตุไม่ได้มาจากการไม่พอใจการก่อสร้างสระว่ายน้ำส่วนกลางหมู่บ้าน แต่ลูกบ้าน หรือชายคลั่งรายนี้ มีอาการทางจิตอยู่แล้ว ซึ่งทางครอบครัวได้ให้ข้อมูลว่า ลูกบ้านไม่ได้กินยารักษาเกี่ยวกับอาการทางระบบประสาทมาสักพักใหญ่


คุณเอ เล่าย้อนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกบ้านเดินออกมายิงใส่ช่างประมาณ 3-5 นัด เป็นการยิงใส่พื้น ซึ่งขณะนั้น ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ยิงเสร็จ เจ้าตัวก็ตะโกนโวยวาย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน


จากนั้น ทางนิติหมู่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน ได้รับการร้องเรียน จึงได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับลูกบ้าน ซึ่งได้รับการตอบกลับว่า อย่ามายุ่ง ด้วยเสียงเข้ม ๆ และนิ่ง พร้อมบอกว่า หากมายุ่งจะฟ้องหมิ่นประมาท


ก่อนหน้านี้ มีการโวยวายต่อว่าลูกบ้านคนอื่น ซึ่งแค่เดินผ่านหน้าบ้านเฉย ๆ ก็ตะโกนด่า ซึ่งไม่เกี่ยวกับการก่อสร้างของหมู่บ้านแต่อย่างใด แต่เป็นพฤติกรรมที่ลูกบ้านท่านนี้มีมาโดยตลอดคือ การโวยวาย ด่าทอโดยไม่มีสาเหตุ แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการทำร้ายร่างกาย หรือยิงปืน ซึ่งการยิงปืนครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุรุนแรงที่สุด


ข้อมูลที่ตนมีทราบมาว่าลูกบ้านท่านนี้ ในวันเกิดเหตุ มีการทำร้ายลูกสาวอีกด้วย ซึ่งในบ้านหลังนี้อยู่กัน 2 คน คือ ตัวผู้ก่อเหตุที่เป็นพ่อ และลูกสาว


นอกจากนี้ ชาวบ้านยังได้ยินเสียงทั้งสองทะเลาะกันด้วย แต่หลังเกิดเหตุขึ้น  ลูกสาวน่าจะย่องหนีออกมา และให้คนในครอบครัวคนอื่นมารับพาตัวออกไปแล้ว


ทั้งนี้ มีลูกบ้านบางส่วนที่ทราบว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิต และให้ข้อมูลหลังบ้านมาว่าได้รับผลกระทบ (ไม่เปิดเผยรายละเอียด) ซึ่งส่วนใหญ่ที่บอก และเรียกร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้ครอบครัวมานำตัวไปรักษา เพราะรอบนี้เป็นเหตุใหญ่สุดที่ผู้ก่อเหตุทำมา ซึ่งส่วนนี้ ทางนิติหมู่บ้านก็จะประสานไปยังครอบครัว และหากมีการรักษาแล้ว ก็จะขอใบรับรองแพทย์มายืนยันว่า สามารถมาใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนได้ แต่หากยังไม่มี อาจต้องสงวน ยังไม่ให้กลับเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน

-------------
เวลา 22.40 น. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงข่าว ภายหลังตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์แพทย์ทหารคลั่ง โดยใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมงได้แล้ว ว่า 


ปฏิบัติการครั้งนี้ ทางตำรวจได้ประสานไปยังแพทย์ที่ทำการรักษาอาการป่วยผู้ก่อเหตุ และผู้บังคับบัญชาให้ช่วยเข้ามาเจรจา ซึ่งได้รับการตอบรับ เดินทางเข้ามายังพื้นที่ทันที หลังพบประวัติการรักษาของผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยทางจิต


สำหรับปฎิบัติการครั้งนี้ ทางตำรวจมีความจำเป็นที่ต้องควบคุมพื้นที่ไว้ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัย แต่เนื่องจากเหตุการณ์นี้ ไม่มีผู้เสียชีวิตและไม่มีทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ทางตำรวจเน้นเจรจาเป็นหลัก จนสามารถควบคุมเหตุไว้ได้ ไม่ให้ลุกลามบานปลาย ประกอบกับการประสานไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ก่อเหตุได้ผล  ทำให้ผู้ก่อเหตุคลายอารมณ์ความเครียดลง พูดคุยได้ จนสุดท้าย ยอมมอบตัว


โดยภายหลังจากผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวแล้ว ทางตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อความมั่นใจของพี่น้องประชาชน ซึ่งผู้ก่อเหตุได้พาเข้าไปตรวจค้น และดูอาวุธปืนภายในบ้าน ก่อนพบอาวุธปืนสีบรอนซ์ที่ใช้ยิงเป็น 'ปืนแก๊ป' หรือสิ่งเทียมอาวุธปืน 1 กระบอก และกระสุนปลอมสีแดงหลายนัด รวมถึงปืนอัดลมอีก 2 กระบอกด้วย จึงไม่มีความผิดในข้อหาครอบครองอาวุธปืน เนื่องจากเป็นปืนปลอม


แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ก่อเหตุเข้าข่ายความผิดในข้อหา "ทําให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ" // และผิดตาม พรบ.สุขภาพจิต ตามมาตรา 22 เป็นผู้ป่วยทางจิต อาจทำให้เกิดความเสี่ยงอันตรายต่อผู้อื่น

---------------

พล.ต.ท.จิรสันต์ ยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิต หลังจากนี้ ทางผู้บังคับบัญชาได้ส่งตัวผู้ก่อเหตุไปรักษาตัวที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ผู้ก่อเหตุรักษาตัวอยู่


เบื้องต้นพบว่า รักษามานานกว่า 10 ปีแล้ว ส่วนอาการป่วยที่ผ่านมา มาจากความเครียดเรื่องงานเป็นหลัก หลังเจ้าตัวเป็นหมอผ่าตัดศัลยกรรมระบบประสาท ซึ่งเจ้าตัวต้องใช้ความคิดในการทำงานหนัก โดยภายหลังได้มาทำหน้าที่รับผิดชอบพวกเอกสาร ระบบไอที และเกี่ยวกับสัมมนาแทน


ส่วนสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเกิดผลกระทบทางด้านอารมณ์ บวกกับความเครียดส่วนตัว อีกทั้งส่วนกลางมีการก่อสร้างสระว่ายน้ำ ถัดออกมาไม่กี่หลัง จึงอาจส่งผลกระทบแล้วทำให้เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่สาเหตุวานนี้ มาจากความเครียดเรื่องงานเป็นหลัก


ส่วนประเด็นที่ผู้ก่อเหตุ พูดว่า “เคยถูกตำรวจเอาปืนชี้หน้า” พลตำรวจโทจิรสันต์ ระบุว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยว เพราะเป็นเรื่องที่เขาเคยถูกตำรวจตั้งด่าน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ก่อนจะเรียกเพื่อกวดขันตามปกติ ไม่มีการใช้ปืนขู่แต่อย่างใด


ขณะที่ ลูกสาวของผู้ก่อเหตุ ทางภรรยาได้มารับตัวแล้วตั้งแต่หลังเกิดเหตุ ซึ่งหลังจากนี้ ทางผู้บังคับบัญชาจะเข้ามาดูแลผู้ก่อเหตุเป็นหลัก และร่วมมือนำผู้ก่อเหตุเข้ารักษาต่อเนื่อง จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจ และมั่นใจว่า เขาสามารถอยู่ในสังคมได้ หากรักษาจริงจัง


เมื่อถามว่า หากปืนที่พบเป็นปืนแก๊ป ดังนั้น เป็นความเข้าใจผิดของคนงานก่อสร้างหรือไม่

ผบช.ภ.1 ระบุว่า ในส่วนของประชาชนทั่วไป อาจไม่มีความรู้ในเรื่องของอาวุธปืน หากถามว่าเป็นความเข้าใจผิดหรือไม่ คงตอบไม่ได้ เพียงแต่หากเห็นว่าเป็นลักษณะคล้ายอาวุธปืน คงคิดว่าเป็นอาวุธปืน

-------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lB-Jt8-rHis


คุณอาจสนใจ

Related News