อาชญากรรม

เจ้าอาวาสวัดสุพรรณฯ หายตัวพร้อมเงินกฐิน 7 แสน ถูกแฉชอบยืมเงินชาวบ้าน เจ้าตัวเตรียมชี้แจง 25 พ.ย.นี้

โดย nattachat_c

22 พ.ย. 2566

469 views

เร่งตามเจ้าอาวาสวัดดังหายตัวไปพร้อมเงินกฐินกว่า 7 แสน หลังคณะกรรมการวัด หอบสมุดบัญชีเข้าแจ้งความ ช็อกไม่พบข้อมูลฝากเงิน ก่อนแฉซ้ำพบ ยืมเงินชาวบ้าน 30 กว่าราย มียอดเงินกว่า 4 ล้าน อ้างนำมาทำนุบำรุงวัด ขณะที่ชาวบ้าน รับไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะเป็นพระที่ทำเพื่อวัดมาโดยตลอด ล่าสุดพบตัวเจ้าอาวาสแล้วที่ บขส. ด้านเจ้าตัว ขอเวลาเตรียมเอกสาร พร้อมชี้แจง 25 พ.ย.นี้


จากกรณี เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 66 นายฉลอง วงษ์จันทร์ อายุ 70 ปี เจ้าหน้าที่การเงิน วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ดอนกำยาน อ.เมืองสุพรรณบุรี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี ว่า


เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา มีเจ้าคณะตำบล และเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ได้มีการทอดกฐินสามัคคี ได้ยอดเงินจำนวนกว่า 7 แสนบาท


ต่อมา เจ้าอาวาส ได้นำเงินไปฝากธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาสุพรรณบุรี แต่ไม่นำฝากเข้าบัญชีของวัด และไม่สามารถติดต่อเจ้าอาวาสดังกล่าวได้ จึงเชื่อว่า เงินกฐินของวัดอยู่ที่เจ้าอาวาส จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย


และยังพบว่า เจ้าอาวาสได้ไปขอยืมเงินชาวบ้าน อ้างว่า จะนำมาทำนุบำรุงวัด โดยยืมเงินประมาณ 4 ล้านบาท ซึ่งทั้งฝ่ายสงฆ์ และชาวบ้าน ต่างพยายามหาช่องทางติดต่อเจ้าอาวาสรายนี้

-------------

นายฉลอง วงษ์จันทร์ อายุ 70 ปี เจ้าหน้าที่การเงินวัด เล่าว่า


สมุดบัญชีวัดมี 2 เล่ม บัญชีเล่มที่หนึ่ง มีชื่อคนที่รับผิดชอบ 3 คน เวลาจะเบิก ต้องใช้ 2 ใน 3 ซึ่งมี นายฉลอง วงษ์จันทร์ เป็น 1 ในผู้รับผิดชอบ และ เจ้าอาวาสวัด พร้อมกับมีอีก 1 คน ซึ่ง ตอนนี้ ในบัญชีเหลือเงินเพียง 849.15 บาท


แต่บัญชีเล่มที่สอง เป็นชื่อวัดบางปลาหมอ โดยบัญชีนี้ ทางเจ้าอาวาสเบิกคนเดียวได้ ซึ่งบัญชีเล่มที่สองนี้ เมื่อวันที่ 13 พ.ย. หลังวันทอดกฐิน มีการเบิกเงินไป 290,000 บาท และวันที่ 14 พ.ย. มีการเบิกออกไปอีก 5,000 บาท จนเหลือเงินในบัญชี 262.65 บาท


นายฉลอง บอกอีกว่า ที่มาแจ้งความ เพราะยังไม่สามารถติดต่อเจ้าอาวาสได้ หลังจากนับเงินกฐินเสร็จ ทางเจ้าอาวาสได้นำเงินไปเข้าบัญชี แต่พอตรวจแล้ว ไม่มีเงินเข้าบัญชีของวัด


โดยส่วนตัวคิดว่า ทางเจ้าอาวาสน่าจะเอาเงินไป เพราะติดต่อไม่ได้เลย นอกจากเงินวัดแล้ว ก็ยังมีการยืมเงินส่วนตัวของชาวบ้านด้วย โดยตนถูกยืมไป 60,000 บาท โดยบอกว่ายืมไปช่วยญาติที่เดือดร้อน และมีชาวบ้านในละแวกที่ถูกยืมเงินไปอีก 38 ราย ยอดรวมกันประมาณ 4 ล้านบาท


ซึ่งอุปนิสัยของเจ้าอาวาส ปกติเป็นคนนิสัยดี พูดจาหยอกล้อหัวเราะร่าเริง ไม่คิดเลยว่า จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ที่ผ่านมา พัฒนาวัดได้ดี ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ที่รู้เรื่อง จะบอกว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้

-------------

ด้าน พ.ต.อ.ธัชชัย ทิพเนตร ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า หลังรับแจ้ง ได้สั่งการให้ทางพนักงานสอบสวน เร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมถึงพฤติกรรมทั้งหมด ลงไปในรายละเอียด


ในเรื่องเงิน เส้นทางการเงินที่จะต้องเข้าในบัญชีของวัดอย่างไร ซึ่งตอนนี้ อยู่ในขั้นตอนระหว่างสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง รวบรวมพยานหลักฐาน และติดตามเจ้าอาวาส เพื่อมาสอบปากคำกรณีที่เกิดขึ้น


ความคืบหน้าวานนี้ (21 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบว่า กล้องวงจรปิดที่สถานีขนส่งจังหวัดสุพรรณบุรี (บขส.) บันทึกภาพเจ้าอาวาสไว้ได้ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 เวลา 13.31 น. ที่หน้า บขส.สุพรรณบุรี ขณะเดินเข้ามาในบริเวณ บขส. คาดว่า เจ้าอาวาสน่าจะมาขึ้นรถโดยสารประจำทาง เดินทางออกพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ไปที่ไหนสักแห่งหนึ่ง

-------------

ล่าสุด วานนี้ (21 พ.ย. 66) เวลา 16.30 น. ตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี // นายจิตรติ รามเนตร ปลัดอาวุโส อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ได้รับการติดต่อจากเจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ


โดยเจ้าอาสวาสที่หายไปกับเงินกฐิน 7 แสนบาท ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี


เบื้องต้น ทางท่านเจ้าอาวาสขอเวลา 2-3 วัน เพื่อขอเวลาให้ได้เตรียมเอกสาร และจะออกมาชี้แจงกับชาวบ้าน และคณะกรรมการวัด ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในวันเสาร์ที่ 25 พ.ย. เวลา 09.00 น. ที่วัดบางปลาหมอ อ.เมืองสุพรณบุรี ด้วยตนเอง

-------------

ทางด้าน นายจิตรติ รามเนตร ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าอาวาส ได้เข้ามาพบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และได้ขอเวลาอีก 2-3 วัน จะออกมาชี้แจงให้ทุกฝ่ายทราบรายละเอียด


โดยทางเจ้าอาวาส กล่าวสั้นๆ ว่า ได้นำเงินกฐินไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งเตรียมชี้แจงกับชาวบ้าน ในวันที่ 25 พ.ย. นี้ แต่ยอมรับเรื่องเงินที่เป็นหนี้ชาวบ้าน ตนเองยืมมาใช้จริง พร้อมเจรจากับชาวบ้าน ซึ่งช่วงนี้ ขอเวลาเป็นส่วนตัว เพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องเอกสาร ที่จะนำมาชี้แจง และทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการวัด ชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

-------------

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งคณะกรรมการวัด และชาวบ้าน ต่างตกใจ ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี่เกิดขึ้น


เนื่องจากท่านเจ้าอาวาสเป็นพระนักพัฒนา เป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส่ อารมย์ดี อัธยาศัยดี ที่ผ่านมา ได้พัฒนาวัดให้เจริญขึ้น ทั้งสร้างศาลาการเปรียญ สร้างหอสมุด เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน ไม่มีพฤติกรรมในทางที่เสื่อมเสีย เมื่อเอ่ยปากขอยืมเงินชาวบ้านมาพัฒนาวัด ขอยืมด้วยปากเปล่า ไม่เคยทำสัญญา ชาวบ้านก็ให้ยืมเพราะว่าเชื่อใจ


ที่ผ่านมา ช่วงโควิดแพร่ระบาด ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ท่านเจ้าอาวาสก็จะหาเงินมาจัดซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ถุงยังชีพ นั่งซาเล้งนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้ชาวบ้าน


และท่านเจ้าอาวาสยังรับเผาศพที่เสียชีวิตจากโควิดให้ชาวบ้านฟรีอีกด้วย ขณะที่บางวัดปฏิเสธ งดเผาศพผู้ป่วยโควิด


นอกจากนี้ ท่านเจ้าอาวาสยังจัดโครงการมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนดี แต่ฐานะยากจน เนื่องจากทางเจ้าอาวาสได้ให้ความสำคัญเรื่องการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนให้นักเรียนที่ด้อยโอกาสได้มีทุนในการเล่าเรียน


กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ที่ท่านเจ้าอาวาสหายไปพร้อมเงินกฐินกว่า 7 แสนบาท ทุกคนที่ทราบข่าวต่างช็อกไม่เชื่อว่าท่านเจ้าอาวาสจะหนีไปกับเงินกฐิน 7 แสนบาท เชื่อว่าท่านเจ้าอาวาส คงจะเครียดเรื่องหนี้สินที่ขอยืมชาวบ้านมาพัฒนาวัด หรือมีเหตุผลอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม ทุกคนอยากให้ท่านเจ้าอาวาสกลับมาวัด  และช่วยกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

-------------

ขณะที่ลูกศิษย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ทางท่านเจ้าอาวาส บ่นว่าเครียด แต่ไม่ยอมบอกว่าเครียดเรื่องอะไร


ท่านเจ้าอาวาสยังบอกว่า อยากไปหาสถานที่สงบ ๆ เงียบ ๆ นั่งวิปัสสนากรรมฐานสัก 4-5 วัน กระทั่งต่อมา ท่านเจ้าอาวาสได้หายตัวไปพร้อมเงินกฐิน  

-------------

ด้าน นายลภัสวัฒน์ อภิศภัทรวสุ อายุ 58 ปี ชาวบ้าน กล่าวว่า พอรู้เรื่องก็รู้สึกช็อก ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะตั้งแต่ที่รู้จักท่านมา ท่านก็เป็นคนดี ท่านพัฒนาวัดให้เจริญขึ้นมาเยอะ


แต่พอมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ก็เสียความรู้สึกอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ก็ยังเชื่ออยู่ว่า อีกไม่กี่วันท่านก็คงจะกลับ


ที่ผ่านมา ท่านมีปัญหาอะไร ท่านก็ไม่เคยเล่า ไม่เคยพูดให้ชาวบ้านได้รู้เลยว่า มีเรื่องหนักใจ ลำบากใจอะไร ท่านก็ไม่เคยพูดให้ฟัง ซึ่งที่ผ่านมา ท่านก็อยู่แต่วัดตลอด ไม่เคยไปไหน จะออกไปข้างนอกบ้าง ก็จะเป็นงานกิจนิมนต์ตามบ้าน และวัดใกล้เคียง

-------------





คุณอาจสนใจ

Related News