คดีพลิก! เด็กหญิง 13 สารภาพแล้ว ไม่ได้ถูกโชเฟอร์รถตู้ขืนใจ แต่พบร่องรอยล่วงละเมิด คาดฝีมือคนใกล้ชิด

ด.ญ.วัย 13 รับแล้ว กุเรื่องถูกโชเฟอร์รถตู้มอมยา-ขืนใจ เผยมีร่องรอยล่วงละเมิด คาดฝีมือคนใกล้ชิด ผู้การฯ ขอนแก่นเตรียมแถลงวันนี้  

ความคืบหน้าคดีเด็กหญิงวัย 13 ปีที่จังหวัดขอนแก่น บอกกับย่าว่า ถูกคนขับรถตู้โดยสาร ข่มขืนขณะนั่งรถไปหาพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ โดยบอกว่าถูกคนขับรถตู้วางยา จนมึนงงหมดสติ ถูกพาขับรถตระเวนไปทั่ว และถูกล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อกลับมาถึงบ้านที่ขอนแก่น เด็กหญิงกับพี่ชายก็มีอาการเสียสติ ต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งครอบครัวเด็กเชื่อว่า สาเหตุเกิดจากความกระทบกระเทือนจิตใจที่ถูกกระทำ ขณะที่การตรวจร่างกายเด็กหญิง ก็พบว่า มีร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศ และเยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาด แต่เป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นนานแล้ว ส่วนอาการเสียสติ ยังต้องรอผลตรวจสอบ ซึ่งโรงพยาบาลขอนแก่น ที่ดูแลเด็กหญิงอยู่ในขณะนี้ จะส่งตัวไปรักษากับแพทย์เฉพาะทางที่ รพ.ศรีนครินทร์ ในวันนี้ (10 พ.ย.66)

เมื่อวานนี้ (9 พ.ย.66) มีความคืบหน้าจากทางพ่อของเด็กหญิง ที่ระบุว่า ทราบเรื่องที่จะมีการส่งตัวลูกสาวไปรักษากับแพทย์เฉพาะทางแล้ว โดยขณะนี้อาการลูกดีขึ้นมาก เพราะพูดคุยกับพ่อแม่ได้ ตามปกติ แต่ยังไม่กล้าถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ในส่วนของลูกชายก็อาการดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งจากการสอบถามย่า ทราบว่า ลูกชายเปิดเทอมก็ไปเรียนหนังสือตามปกติ พอกลับมาบ้าน จึงเกิดอาการเสียสติ  จึงส่งลูกชายไปยัง รพ.แวงน้อย แพทย์ตรวจในเบื้องต้นพบสารแอมเฟตามีน และลูกชายอาการไม่ดีขึ้น จึงส่งตัวมารักษาที่รพ.ขอนแก่น ขณะนี้ อาการลูกชายดีขึ้นมากแล้ว แต่กรณีของลูกชายไม่ได้มีการแจ้งความที่ สภ.แวงน้อย

“การที่แพทย์พบสารแอมเฟตามีน ทำไมตำรวจจะไม่รู้ และตำรวจจะไม่สืบสวนหรืออย่างไร ว่าสารดังกล่าวนั้นลูกชายรับสารมาจากไหน ทำไมปล่อยผ่าน เพราะในทางกฎหมายตำรวจต้องสืบสวนหาที่มา  เพราะสารตัวนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กมาก จึงอยากให้ตำรวจสืบสวนหาที่มาของสารดังกล่าวด้วย เพราะลูกชายไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงอยากรู้ว่า ลูกชายรับสารแอมเฟตามีนได้อย่างไร”

ในขณะที่การสืบสวนสอบสวนของตำรวจนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบหาพยานหลักฐานในรถตู้ ซึ่งพบสารเหลวสีแดงที่เบาะรถ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็สอบปากคำผู้โดยสาร 12 คน ที่นั่งรถตู้คันดังกล่าวไปพร้อมกับเด็กหญิง

โดย พล.ต.ต. อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ระบุว่า ขณะนี้สอบปากคำผู้โดยสารครบทุกปากแล้ว ทุกคนยืนยันว่า ขณะนั่งรถไปนั้น ไม่พบความผิดปกติใดๆ ส่วนอาการของเด็กหญิงวัย 13 ปี ทราบว่าอาการดีขั้น ตำรวจจะเข้าไปพบและพูดคุย หากสอบสวนได้ก็จะสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับนางจันทร์ อายุ 50 ปี ผู้โดยสารหญิงที่นั่งไปในรถตู้คันเดียวกับเด็กหญิงวัย 13 ปี  เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ 1 ต.ค.66 มีผู้โดยสารนั่งเต็มทุกที่นั่ง ตนเองนั่งหลับไปตลอดทาง จนถึงที่หมายถึงรู้สึกตัว และขณะที่นั่งในรถ เห็นเด็กหญิงเล่นโทรศัพท์ตามปกติ หลังจากตนเองลงที่ซอยสามเสน 6 แล้ว รถตู้ก็ไปส่งเด็กหญิงต่อ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ตนเองลงรถ ประมาณ  7.1 กิโล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 ปีนาที  ซึ่งหลังจากลงรถแล้ว ตนเองก็ไม่รู้อะไรหลังจากนั้น

ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามผู้โดยสารอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ลงรถเป็นคนสุดท้าย  ลงที่บริเวณพุทธมณฑลสาย 2   บอกว่า หลังจากรถตู้ขับไปส่งผู้โดยสารคนแรกแล้ว ก็ขับไปส่งเด็กหญิงวัย 13 ปี ถึงหน้าบ้านประมาณ 9.30 น. ซึ่งที่หน้าบ้าน มีพ่อเด็กออกมารอรับถึงหน้าบ้าน หลังจากลงรถ เด็กหญิงกับพ่อก็ทักทายกันตามประสาพ่อลูก  โดยได้ยินคนพ่อถามลูกว่า “บนรถมีกระเป๋าอะไรอีกมั้ย” จากนั้นก็ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันอีก   ผู้โดยสารคนนี้ยืนยันว่า รถตู้ไม่ได้ส่งเด็กล่าช้า และระหว่างเส้นทางมีการซ่อมถนนจริง โดยเส้นทางที่คนขับใช้ ก็เป็นเส้นทางปกติ และที่สำคัญคือ เด็กไม่ได้ลงรถเป็นคนสุดท้าย   ซึ่งไม่ตรงกับการให้สัมภาษณ์ของย่าเด็กหญิงที่บอกว่ามาถึงบ้านช่วงก่อนเที่ยงของวันที่ 2 ตุลาคม 2566

ล่าสุด เวลาประมาณ 19.00 น.วานนี้ (9 พ.ย.66)  พ.ต.อ.คะเชนทร์ ยืนยง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ไปสอบปากคำเด็กหญิงวัย 13 ปี ที่โรงพยาบาลขอนแก่น

โดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยรายละเอียดการสอบปากคำว่า เด็กหญิงรับสารภาพว่า กุเรื่องขึ้นมา และเรื่องราวทั้งหมดไม่เป็นความจริง  โดยในวันนี้ เวลา 13.00 น. พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น จะแถลงข่าวรายละเอียดของคดีทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เด็กหญิงวัย 13 ไม่เคยพูดว่าคนขับรถตู้เป็นผู้ล่วงละเมิด แต่เป็นการให้ข้อมูลโดยครอบครัวเด็กหญิง  แต่จากการตรวจร่างกาย พบว่า เด็กหญิงถูกล่วงละเมิดจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวน  เบื้องต้น คนขับรถตู้และคนบนรถตู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คาดว่า ผู้กระทำน่าจะเป็นคนใกล้ชิด

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/H6mM7mdqAic