อาชญากรรม

'อนุทิน' เผย 'ชาดา' ไม่ก้าวก่าย ปมลูกเขยรับสินบน – ผู้การ ปปป.ยันหลักฐานมัดแน่น ไม่มีมวยล้มต้มคนดู

โดย petchpawee_k

25 ต.ค. 2566

522 views

บุกจับ 'ลูกเขยชาดา' เรียกรับสินบนสร้างประปาหมู่บ้าน 6 แสนบาท ตามล็อกถึงบ้านพัก ปลัดเทศบาลก็ถูกรวบ พร้อมเปิดวงจรปิดขณะผู้ต้องหาถูกรวบ ล่าสุดรอดนอนคุกยกแก๊ง ใช้ตำแหน่ง-หลักทรัพย์ 4 แสนประกันตัว ด้านผู้การ ปปป. ยืนยันไม่มีมวยล้มต้มคนดู จับลูกเขยชาดา มีหลักฐานชัดเจนยันไม่กังวลเรื่องผลกระทบเพราะเคยจับกุมนายชาดามาแล้วนักเลงคุยกันรู้เรื่อง


เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (24 ต.ค.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. พร้อมด้วย กำลังเจ้าหน้าที่และชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน กองปราบ” บุกตรวจค้น 8 จุดใน จ.อุทัยธานี เพื่อจับกุมขบวนเจ้าหน้าที่รัฐที่เรียกรับเงินสิบบนจากผู้ประกอบการทำโครงการก่อสร้างระบบประปา ในพื้นที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน และ ต.หาดทนง อ.เมือง จ.อุทัยธานี


เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน 5 ราย โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 3 รายประกอบด้วย

1.นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศบาลตลุกดู่ อุทัยธานี ลูกเขยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 


2.นายธนภัสสร์ ดุลยาธิการ ปลัดเทศบาลตลุกดู่ 


3.นายกุลธัช สามัคคี ผู้ช่วยนายช่างโยธาเทศบาลตลุกดู่ 


ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ.167-169 /2566 ตามลำดับ ลงวันที่ 22 ต.ค. 2566 ข้อหา ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต


ส่วนผู้กระทำผิดที่ถูกจับอีก 2 ราย เป็นประชาชนทั่วไป คือ นายมานพ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ จ170 /2566 ลงวันที่ 22 ต.ค. 2566 ข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยมิชอบ และสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  และนายยิ่งยง ตามความผิดซึ่งหน้า ในความผิดฐาน สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยมิชอบ และ สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ


โดยจับกุม นายวีระชาติ ได้ที่บ้านพักไม่มีเลขที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ส่วน ายธนภัสสร์ กับ นายกุลธัช จับได้ที่ห้องทำงานในเทศบาลตลุกดู่ ขณะที่นายมานพ และนายยิ่งยง ถูกจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าธนาคารธกส. สาขาเมืองอุทัยธานี พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 6 แสนบาท โดยทั้ง 5 คนให้การปฏิเสธ


โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าธนาคาร ธกส. ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่วางแผนล่อซื้อ โดยมีการนัดทำการรับเงิน โดยในภาพจะเห็นขณะที่นายยิ่งยง ซึ่งสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำตาล สวมหมวกกันน็อค กำลังจะขึ้นคล่อมรถจักรยานยนต์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขับรถเข้ามาบริเวณด้านในของธนาคารก่อนบุกเข้าจู่โจมทันทีจับกุมชายคนดังกล่าวทันที  ส่วนอีกรายคือนายมานพ ซึ่งเป็นชายสวมเสื้อลายทาง เทา-ขาว พยายามวิ่งหนีการจับกุม แต่เจ้าหน้าที่สามารถตะครุบตัวไว้ได้ ก่อนจะมีการขยายผลจับกุมนายวีระชาติ และควบคุมตัวมาสอบสวน ที่กองบังคับการ ปปป.


ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายวีระชาติ ลูกเขยนายชาดา เป็นคนสั่งการให้ลูกน้องซึ่งเป็นพลเรือนขับรถเก๋ง สีบอร์นด์เงิน มารับเงินสดจำนวน 6 แสนบาท และในรถยังมีเช็คเงินสดอีกกว่า 2 แสนบาท


ส่วนที่เทศบาล ขณะที่ปลัดเทศบาล หนึ่งในขบวนการผู้ร่วมก่อเหตุ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายยิ่งยงและนายมานพก็ถึงกับหน้าถอดสี เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวสอบปากคำสอบถามข้อมูลเบื้องต้นก่อนจะควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวนที่กองบังคับการ ปปป. 


สืบเนื่องจากก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งประกอบกิจการรับเหมาทำบ่อน้ำประปารายหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดอุทัยธานีได้จัดทำโครงการก่อสร้างระบบท่อน้ำประปาในพื้นที่ ต.ตะลุกดู่ และต.หาดทะนง โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการต่างๆ ได้ยื่นสิทธิ์ในการประมูลผ่านรูปแบบของ e–bidding หรือวิธีประกวดราคาผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เสียหายจึงสนใจยื่นสิทธิ์เข้าร่วมการประมูลทั้ง 2 แห่ง


ภายหลังจากยื่นสิทธิ์เข้าร่วมประมูลได้ไม่นาน ได้มีบุคคลปริศนาโทรศัพท์มาข่มขู่ให้ถอนตัว อ้างว่ามีผู้ใหญ่อยากได้โครงการนี้ไปทำ พร้อมเสนอเงินหลายหมื่นบาท เป็นค่าชดเชยหรือค่าเสียเวลาให้ แต่ทางผู้เสียหายไม่สนใจ จึงตอบปฏิเสธกลับไป พร้อมกับยื่นประมูลตามเดิมจนชนะการประมูลได้รับงานทั้ง 2 โครงการถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายได้ในที่สุด


ปรากฏว่าหลังจากชนะการประมูลได้รับงานก่อสร้างทั้ง 2 โครงการแล้วนั้น ผู้เสียหายกลับไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ เนื่องจากมีกลุ่มคนทำการล็อบบี้สั่งห้ามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง แคมป์ปูนซีเมนต์ทุกแห่งในพื้นที่ จ.อุทัยธานี ขายปูนหรืออุปกรณ์ที่ให้กับผู้เสียหาย จนเกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในการก่อสร้าง ไม่สามารถดำเนินงานจัดสร้างได้ตามแผนที่วางไว้


กระทั่งประมาณเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา นายวีระชาติ เรียกผู้เสียหายมาเข้าพบ 3 ครั้ง ก่อนยื่นข้อเสนอให้ผู้เสียหาย ยอมจ่ายเงิน 1 ล้านบาท เพื่อที่จะสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการทั้ง 2 แห่งได้อย่างปกติ ก่อนจะมีการเจรจาต่อรองเหลือ 6 แสนบาท โดยนัดหมายส่งมอบเงินกันเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) บริเวณด้านหน้าธนาคารธกส. สาขาอ.เมือง จ.อุทัย จึงวางแผนกระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์


กระทั่งเมื่อถึงเวลานัดหมาย มีนายมานพ และนายยิ่งยง เป็นผู้เดินทางมารับเงิน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนนำกำลังขยายผลตามจับกุมตัวนายวีระชาติ และพวกอีก 2 ราย พร้อมเข้าตรวจค้นบ้านพักของกลุ่มผู้ต้องหาได้ดังกล่าว  


สำหรับนายวีระชาติ นั้น เป็นลูกเขยของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย โดยเป็นสามี ของน.ส.อัลฑริกา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาวคนที่ 4 ของ นายชาดา


จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และได้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในช่วงค่ำ


โดย พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รอง ผบก.ป.ป.ป. กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง 2 ราย เข้าประมูลทำโครงการก่อสร้างระบบประปา ในพื้นที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน และ ต.หาดทนง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ระยะเวลาสัญญา 7 เดือน ถูกบุคคลลึกลับโทรมาข่มขู่ ให้ถอยหรือยกเลิกออกจากการประมูลโครงการก่อสร้างระบบประปา อ้างว่าจะมีบุคคลในบ้านใหญ่สนใจที่จะทำเอง พร้อมทั้งเสนอเงินชดเชยเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท โดยที่ไม่ต้องซื้อซองประมูล ส่วนผู้ประกอบการที่ประมูลโครงการฯได้ไปแล้วนั้น ขอให้ยุติดำเนินการทันที โดยจะมีเงินชดเชยให้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากความคืบหน้าของโครงการฯ


หากไม่ยอมรับข้อเสนอจะถูกกีดกันเรื่องการซื้อขายวัสดุในการก่อสร้าง เช่น ไม้ ปูน อิฐ ทำให้ไม่สามารถหาซื้อวัสดุได้ โครงการฯไม่สามารถดำเนินการต่อได้ จนทำให้ผู้ประกอบการตัเสินใจเข้าร้องทุกข์กับทางป.ป.ป. เจ้าหน้าที่จึงได้นำพยานทั้ง 2 คน เข้ารับการคุ้มครองพยานโดยทันที และทำการสืบสวนสอบสวนจนสามารถทำการขอหมายค้นและหมาย ติดตามจับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ 5 ราย คือ 1.นายวีระชาติ นายกเทศบาลตลุกดู่  2.นายธนภัสสร์ ตำแหน่งปลัดเทศบาลตลุกดู่  3.นายกุลธัช ผู้ช่วยนายช่างโยธาเทศบาลตลุกดู่ ถูกแจ้งข้อหา ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ ม.149 ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน


4. นายมานพ และ นายยิ่งยง ถูกแจ้งข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน และ สนับสนุนเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ


พ.ต.อ.ประสงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนประทุษกรรมนั้น จากแนวทางสืบสวนทราบว่า ตัวนายวีระชาติจะทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ แล้วให้ลูกน้องแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีนายธนภัสสร์ กับ นายกุลธัช ทำหน้าที่คอยเกลี้ยกล่อมผู้เสียหาย นายมานพจะทำหน้าที่เจรจาเรื่องเงิน ส่วนนายยิ่งยงเป็นการจับกุมความผิดซึ่งหน้า หลังพบว่าเดินทางมาพร้อมกับนายมานพ เพื่อมารับเงินจากผู้เสียหาย


ด้าน นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เผยว่า คดีดังกล่าว ในส่วนของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้กำหนดให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเป็นเวลา 30 วัน ก่อนจะส่งสำนวนให้คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาในการว่าเห็นชอบว่า จะเป็นคนดำเนินการเอง หรือ จะส่งสำนวนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคนดำเนินการ ซึ่งขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการเป็นผู้พิจารณาทั้งสิ้น


ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแด้ว ผบก.ปปป. กล่าวว่า ในหลายๆ พื้นที่ยังมีพฤติการณ์แบบคดีดังกล่าว ใช้อำนาจข่มขู่ผู้ประกอบธุรกิจในโครงการอื่นๆ อีกมาก ซึ่งตรงนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลในประเทศไทย  


ซึ่งภายหลังจากทำการจับกุม นายวีระชาติ ลูกเขยของ ตนได้มีการพูดคุยกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงกรณีดังกล่าวแล้ว โดยนายชาดา เองก็ไม่ได้ขอให้ช่วยหรือใช้เส้นสายอะไร แต่ขอให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนกฎหมาย เพราะนายชาดาได้พูดเตือนกับนายวีระชาติแล้ว ว่าให้เลิกกระทำอันที่ไม่ดี หากยังมีพฤติกรรมใช้อำนาจขมขู่ไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ก็ขอให้ดำเนินไปตามขั้นตอนกฎหมาย


ส่วน นายวีระชาติจะเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่นั้น ยังต้องให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจพยานหลักฐานทั้งหมด ก่อนจะระบุว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอุทัยธานี


ส่วนการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดยังยืนกรานปฏิเสธ ขณะที่ในส่วนผู้เสียหาย ตอนนี้พบข้อมูลเพียงรายเดียว แต่หลังจากนี้ต้องขยายผลต่อเนื่องว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกกระทำในลักษณะเดียวกันนี้เพิ่มเติมหรือไม่


ล่าสุดเวลา 22.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำ ทางกลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 4 แสนบาท ยื่นประกันตัวในขั้นสอบสวน


ก่อนพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะมีความเห็นอนุญาตให้กลุ่มผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะเห็นว่ามีหน้าที่การงาน ที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง และ ไม่มีพฤติกรรมในการหลบหนี โดยจะนัดหมายให้มาเข้าพบอีกครั้งเมื่อสำนวนคดีเสร็จสิ้น เพื่อส่งตัวไปยัง ป.ป.ช. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

------------------------------------------------------------

ต่อมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแด้ว ผบก.ปปป. เปิดเผยภายกับผู้สื่อข่าว หลังการแถลงข่าว ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเกี่ยวกับเรื่องผู้มีอิทธิพลกรณีของลูกเขยของนายชาดาเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่ และมีการใช้เส้นสายในการช่วยเหลือคดีหรือไม่


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนที่จับลูกเขยของนายชาดา ไม่ได้มีการโทรแจ้งหรือบอกกล่าวให้นายชาดารับทราบก่อน แต่ช่วงสาย นายชาดาโทรมาหาสอบถามว่าลูกเขยถูกจับเรื่องอะไร ตนเองไม่รู้เรื่อง แล้วนายชาดา ก็บอกว่า “ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรหากมีหลักฐานก็ดำเนินการได้เลย”


พล.ต.ต. จรูญเกียรติ บอกว่า ก็น่าจะเป็นเรื่องของประมูลงาน  “ถ้ามีหลักฐานก็ดำเนินการเลยผมเตือนไปแล้ว”


ซึ่งต้องยอมรับว่าพื้นที่อุทัย และพื้นที่จังหวัด ใกล้เคียง เวลามีการประมูลงาน ก็มักจะเป็นเจ้าเดิมหรือเจ้าถิ่นที่ชนะ ซึ่งกรณีนี้ ผู้ชนะการประมูล เป็นหน้าใหม่ไม่ใช่กลุ่มเดิมๆ ที่เคยได้งานไป ทำให้เจอผลกระทบตั้งแต่การก่อสร้าง ก็มีโทรศัพท์เบอร์แปลกโทรเข้ามา ข่มขู่ ลูกน้องก็ถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ขนาดจะไปซื้อวัสดุอุปกรณ์มาก่อสร้างร้านวัสดุ ก็ไม่ขายให้


พฤติกรรมของลูกเขยนายชาดา แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือเองแต่เป็นผู้ดูแลโครงการทั้งหมดและเป็นผู้อนุมัติโครงการ ซึ่งในพื้นที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่าการประมูลแต่ละโครงการนั้นจะมีคนในชนะการ ประมูลเสมอจะไม่มีคนนอกแต่โครงการนี้กลับกลายเป็นคนนอกชนะ


เมื่อไม่ชนะก็มีอุปสรรคตั้งแต่การขอซื้อซองประมูลโดยจะให้ราคา 10,000 บาทไม่ต้องซื้อซอง


ในระหว่างการก่อสร้างก็สั่งให้ยุติการก่อสร้างโดยจะแบ่งเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ให้ และ เมื่อเสร็จสิ้นโครงการก็เรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์จนกระทั่งมาถูกจับกุม


กรณีลูกเขยนายชาดา มีลักษณะ หมิ่นเหม่ เป็นผู้มีอิทธิพลขอสอบสวนรวบรวมพยานการหลักฐานถ้าเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลก็จะมีการตรวจสอบเรื่องการเงินและสรรพากร


สำหรับเส้นทางนักเลงนั้นต้องบอกว่าตั้งแต่รับเรื่องร้องเรียนมา ก็ไม่รู้ว่าเป็นลูกเขยของนายชาดา ซึ่งนายชาดาก็เคยเป็นนักเลง คุยกันรู้เรื่อง ทางใครทางมัน ใครทำผิดก็โดนดำเนินคดีไปแยกเป็นคนไม่เหมารวม

“นายชาดาก็เข้าใจเพราะเคยเป็นนักเลงมาขวางเราไม่ได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ และไม่เคยมาขออะไรถึงมาขอก็ไม่ให้อยู่แล้ว”


ผู้สื่อข่าวสอบถามว่ากังวลหรือไม่กับการจับกุมลูกเขยของนายชาดา จะส่งผลกระทบกับตำแหน่งหน้าที่การงานหรือชุดจับกุมหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่าในอดีตเคยจับกุมนายชาดามาแล้ว ซึ่งรู้ดีว่าเป็นอย่างไร นักเลงไม่ต้องคุยกันเยอะ


“คดีนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอนเราทำงานถึง3หน่วยงาน ปปป./ ปปท./ปปช./ ร่วมกันและมีหลักฐานสำคัญใครจะเข้ามายุ่งไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าผิดไปก็ผิดกันทั้งสามหน่วยงาน”


สังคมมองว่าเป็นการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ครั้งนี้เป็นการปัดกวาดตั้งแต่ในบ้าน ตั้งแต่ในบ้านของนายชาดาหรือไม่ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ระบุว่าขอให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ไว้วางใจเจ้าหน้าที่ หากใครถูกรังแกหรือเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐให้แจ้งมาได้เลยปัจจุบันนี้หมดเวลาของกลุ่มทำมาหากินแบบนี้แล้วอย่างกรณีเคสนี้นี้แม้กระทั่งเป็นลูกเขยของนายชาดาเราก็จับเพราะมีคนได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเค้าเชื่อว่าสายนักเลงเข้าใจ

----------------------------------------------------

'อนุทิน' เผย 'ชาดา' ไม่ก้าวก่ายปม ลูกเขยรับสินบน ที่อุทัยฯ ชี้เป็นตัวอย่างไม่มีใครใหญ่เกินกฎหมาย ทำผิดต้องได้รับผลกรรม

เมื่อเวลา 18.00 น. วานนี้ (24 ต.ค.) ที่ห้างเมเจอร์ รัชโยธิน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท) ให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบตรวจค้น 8 จุด ในพื้นที่ จ.อุทัยธานี เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงินสินบนจากผู้ประกอบการโครงการก่อสร้างระบบประปาในพื้นที่ โดยหนึ่งในผู้ถูกจับกุม คือ นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศบาล ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ลูกเขยของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทยและรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่า นายชาดา และน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ โทรศัพท์มาแจ้งตนแล้ว


โดยนายชาดา บอกว่าให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมด เป็นการพิสูจน์ว่าไม่มีใครมีเส้นและใหญ่เกินกว่ากฎหมาย ไม่ว่าเป็นญาติ เป็นลูก หรือบุคคลใกล้ชิด ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย


นอกจากนี้ นายชาดา ยังบอกด้วยว่าได้แจ้งไปที่ผู้ว่าฯ อุทัยธานี หากมีหลักฐานครบเมื่อไหร่ ก็สั่งให้นายวีระชาติ หยุดปฏิบัติหน้าที่ หากใครทำผิดกฎหมายอะไรก็ต้องรับผลกรรมตามความผิดที่ก่อ และขอยืนยันว่านายชาดา จะไม่เข้าไปก้าวก่าย เรื่องนี้จะมีความชัดเจน ขอให้ประชาชนไว้ใจได้


นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "ไม่รู้ว่า ท่านชาดาสั่งจับเองหรือเปล่า"



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Olmvuc5xaEw

คุณอาจสนใจ

Related News