อาชญากรรม
ตำรวจกวาดล้างแหล่งจำหน่ายน้ำหวานสุดฮิต ผสมโคเดอีน มอมเมาเยาวชน
17 ต.ค. 2566
928 views
ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ร่วม อย. ตัดตอนสายเคลิ้มกวาดล้างแหล่งจำหน่ายน้ำหวานสุดฮิต ผสมโคเดอีน มอมเมาเยาวชน
วันที่ 17 ตุลาคม 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผอ.ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ร่วมกันปฏิบัติการ กรณีกวาดล้างผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำหวานต้องสงสัยว่าผสมโคเดอีน (ยาเสพติดให้โทษประเภท 2) และยาไม่มีทะเบียนอื่นๆ ตรวจค้น 6 จุด ตรวจยึดของกลาง 32 รายการ เป็นผลิตภัณฑ์น้ำหวานผิดกฎหมายต้องสงสัยว่าผสมสารต้องห้าม จำนวน 865 ขวด มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับการร้องเรียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และได้รับการร้องเรียนจากประชาชนให้ตรวจสอบการขายยาผลิตภัณฑ์น้ำหวานยี่ห้อหนึ่ง และเว็บไซต์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวกำลังระบาด และเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น โดยการนำไปผสมน้ำอัดลม, ยาบางชนิด หรือดื่มโดยไม่ผสมอะไรเลย เพื่อสร้างความมึนเมา
จึงทำการตรวจสอบเว็ปไซต์ดังกล่าว พบว่ามีการลงโฆษณาขายยาแผนปัจจุบัน และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่รับประทานแล้วเกิดอาการมึนเมา อีกทั้งมีการโฆษณาสรรพคุณของผลิตภัณฑ์น้ำหวานดังกล่าวว่ารับประทานแล้ว ทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะใหม่, ผ่อนคลาย, เพลิดเพลิน, ล่องลอย รวมถึงมีการเขียนรีวิวในเพจเฟซบุ๊คว่ารับประทานแล้ว เมา หลับง่าย เป็นต้น ผลของการใช้ยาแก้ไอ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีโคเดอีนเป็นส่วนผสม ในกรณีที่นำไปใช้ในทางที่ผิด จะเกิดอันตรายต่อสุขภาพ อาทิเช่น คลื่นไส้ อาเจียน ง่วงซึม หากใช้ประมาณมาก อาจทำให้หยุดหายใจ ช็อก และหัวใจหยุดเต้นและที่สำคัญ การใช้ยาติดต่อเป็นเวลานานทำให้เกิดการติดยาทั้งทางกายและจิตใจ และมีอาการถอนยาเมื่อขาดยา เช่นเดียวกับการติดมอร์ฟีนหรือเฮโรอีน ซึ่งจะต้องเข้ารับการบำบัดรักษาจึงจะหายจากการติดยาได้
เมื่อทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ขายบนเว็บไซต์ดังกล่าว และส่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบเมลาโทนินซึ่งเป็นยาแผนปัจจุบันผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ จึงได้สืบสวนจนทราบแหล่งผลิต แหล่งจัดจำหน่าย จึงเป็นที่มาของการระดมกวาดล้างผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในครั้งนี้
ต่อมาในห้วงวันที่ 30 มิถุนายน – 11 ตุลาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) จึงได้ร่วมกันเข้าทำการตรวจค้น สถานที่จัดเก็บ และผู้จำหน่ายในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี และอ่างทอง จำนวน 6 จุด มีรายละเอียดดังนี้
1. บ้านพักย่านอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดผลิตภัณฑ์น้ำหวาน จำนวน 162 ขวด
2. บ้านพักย่านกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดผลิตภัณฑ์น้ำหวาน จำนวน 6,600 ขวด และผลิตภัณฑ์อื่นที่เป็นความผิด จำนวน 4 รายการ
3. บ้านพักย่านซอยพระนคเรศ แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ตรวจยึด ผลิตภัณฑ์น้ำหวาน จำนวน 96 ขวด, และผลิตภัณฑ์ยาน้ำเชื่อมแก้ไอ(ต้องสงสัยว่ามีส่วนผสมของโคเดอีน) จำนวน 40 ขวด, ผลิตภัณฑ์ยาต้องสงสัยว่าเป็นยาไม่มีทะเบียน และผลิตภัณฑ์อื่นที่เป็นความผิด จำนวน 4 รายการ
4. บ้านพักย่านพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดผลิตภัณฑ์น้ำหวาน จำนวน 402 ขวด และผลิตภัณฑ์อื่นที่เป็นความผิด จำนวน 10 รายการ
5. บ้านพักแห่งหนึ่ง ต.บ้านกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ตรวจยึด ตรวจยึดผลิตภัณฑ์น้ำหวาน จำนวน 15 ขวด
6. บ้านพักแห่งหนึ่ง ต.เทวราช อ.ไชโย จ.อ่างทอง ตรวจยึดผลิตภัณฑ์น้ำหวาน จำนวน 205 ขวด และผลิตภัณฑ์อื่นที่เป็นความผิด จำนวน 11 รายการ
รวมตรวจยึดของกลางทั้งหมด 32 รายการ เป็น 1. ยาน้ำเชื่อมแก้ไอ (ต้องสงสัยว่ามีส่วนผสมของโคเดอีน) จำนวน 40 ขวด, ยาไม่มีทะเบียน และผลิตภัณฑ์น้ำหวาน รวม 865 ขวด มูลค่ากว่า 1,126,850 บาท
พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ได้ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึด ส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยผลิตภัณฑ์ที่ระบุตัวยาแผนปัจจุบัน และสารเสพติดข้างต้น อยู่ระหว่างการตรวจหาสารที่เป็นอนุพันธ์ทางยาและสารเสพติดจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อยืนยันผลตรวจต่อไป
⦁ เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวมีความผิดตาม พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ.2522 “จำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง” ระวางโทษโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
⦁ หากตรวจพบว่ามีส่วนผสมของยาแผนปัจจุบัน หรือมีการผสมสารต้องห้ามในผลิตภัณฑ์ที่ระบุเป็นอาหาร จะเป็นความผิด ฐาน“จำหน่ายอาหารที่ไม่บริสุทธิ์” ตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
⦁ พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
⦁ หากตรวจพบโคเดอีน(ยาเสพติดให้โทษประเภท2) จะเป็นความผิดประมวลกฎหมายยาเสพติด ฐาน “ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 หรือประเภท 4ฯ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท
พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา กระแสการนำผลข้างเคียงจากยา กลุ่มแก้แพ้ แก้ไอ แก้ปวด ไปใช้เป็นส่วนผสมเครื่องดื่มในลักษณะสารเสพติดที่เรียกว่า “4x100” หรือ ลีน เพื่อให้เกิดอาการมึนเมา วิงเวียนขาดสติ เป็นที่นิยมมากและมีอัตราสูงขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น ถือว่าเป็นอันตรายที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพ อาจทำให้เกิดการติดยาทั้งทางกายและจิตใจ และมีอาการถอนยาเมื่อขาดยา รวมถึงอาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรมสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนตามมา บก.ปคบ. จะดำเนินจับกุมอย่างต่อเนื่อง และจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด โดยประชาชนทั่วไปหากพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค“ผู้ต้องหาหรือจําเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคําพิพากษาถึงที่สุด”


แท็กที่เกี่ยวข้อง อาชญากรรม ,จับยาเสพติด ,ยาเสพติด