อาชญากรรม

"บิ๊กโจ๊ก" นำทีม 8 ตำรวจแถลงเปิดหน้าชน "ทนายอนันต์ชัย" ลั่นสัปดาห์หน้ามีบิ๊กเซอร์ไพรส์

โดย gamonthip_s

27 ก.ย. 2566

499 views

เวลา 18.00 น. ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช พร้อมด้วย พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำรวจ อีก 8 นาย ที่โดนออกหมายจับ ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า วันนี้ตนเองได้เชิญทั้งหมดมาพูดคุยกันเพื่อหารือแนวทางเตรียมต่อสู้คดี เเละตอนที่พูดคุยกันนั้น ตนเองจะบอกกับพวกเขาตลอด ว่าเวลาไปจับคนร้ายเราเปิดหน้า ดังนั้นเมื่อวันนี้เราตกเป็นผู้ต้องหาถูกออกหมายจับ ก็ขอให้ทุกคนเปิดหน้าสู้ จึงเป็นที่มาของภาพที่ปรากฎวันนี้ ทุกคนพร้อมเเสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา เพราะถึงแม้ว่ามินนี่จะเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ก็มีความเป็นไปได้ว่าตำรวจก็อาจจะไม่ทราบ



โดยเฉพาะ พล.ต.ต.ภาคภูมิ เป็นบุคคลเดียวที่รู้จักกับมินนี่ แต่ก็ไม่ทราบว่ามินนี่ไปทำเว็บพนันออนไลน์หรือไม่ เนื่องจากมินนี่เองก็เป็นนักธุรกิจอยู่แล้ว ดังนั้นในเรื่องคดีอาญาอยู่ที่เจตนา ว่าเงินดังกล่าว หากไม่ทราบว่าได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ก็ถือว่าจบไม่มีความผิด แต่ถ้าหากทราบว่าเงินดังกล่าวได้มาจากเว็บพนันจึงจะถือว่ามีความผิด



ทนายอนันต์ชัย ยังฝากถึงชุดพนักงานสอบสวน ส.อ.ท.ว่าให้ระวังตัวไว้ ตนเองจะเช็คบิลย้อนหลังแน่นอน งานนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ขณะเดียวกันยังขอฝากไปถึงบุคคลบางคน ที่เอาข้อมูลส่วนบุคคลรวมไปถึงข้อมูลทางราชการไปเผยแพร่ขอให้ระวังตัวไว้ ผมเอาตายเเน่ การกระทำใดๆขอให้ระมัดระวัง ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าทำในสิ่งที่ถูกใจ "เมื่อมาสู้กับผมแล้วจะรู้ว่านรกมีจริง"



ดังนั้นในฐานะทนายความ ตนเองจะทำความจริงให้ปรากฏ หากใครผิดก็ยอมรับผิด แต่หากใครไม่ผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรม ส่วนการถูกโยกย้ายเป็นเรื่องปกติ ยกตัวอย่างพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ยังเคยโดนย้ายไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สุดท้ายก็กลับมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติได้ ดังนั้นเรื่องที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เจออยู่ในขณะนี้ กระจอกมาก



ส่วนเรื่องที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ได้ไปยื่นคำร้องที่ศาลอาญา เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีถูกชุด PCT4 ตรวจค้นบ้าน เบื้องต้นศาลมีคำสั่งให้นัดไต่สวนฯคำร้องในวันที่ 25 ตุลาคม 2566



โดยทนายอนันต์ชัย ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า สัปดาห์หน้าให้จับตาดูให้ดีจะมีบิ๊กเซอรไพร์สอย่างแน่นอน เเต่ยังไม่ขอระบุว่าเรื่องอะไร



ทางด้าน พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในเรื่องของคดีความนั้น ตนเองได้มอบหมายให้ทนายอนันต์ชัยเป็นผู้ดูแล และเป็นผู้ให้รายละเอียดกับสื่อมวลชน โดยผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณี พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ตอบว่าตนเอง”ไม่ขอออกความคิดเห็นในเรื่องนี้ “ จากนั้นเมื่อผู้สื่อข่าวย้ำคำถามเดิมอีกรอบ พล.ต.อสุรเชษฐ์ก็ตอบว่า “ตนเองก็ต้องแสดงความยินดีด้วยอยู่เเล้ว ซึ่งส่วนตนเองก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากัน”




จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถาม พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย หรือ หนึ่ง เผยว่า ตัวเองรู้จักกับมินนี่ตั้งแต่ปี 63 ตอนที่ตัวเองไปเป็นผู้กำกับที่จังหวัดเลย เจอกันที่งานเลี้ยงปลายปีก่อนจะย้ายไปที่ขอนแก่น 2-3 เดือนเจอกัน 2-3 ครั้ง แต่ตอนนั้นตัวเองรู้จักแม่ของมินนี่ก่อนเพราะแม่มินนี่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นและเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจที่ตัวเองทำงานอยู่ ไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์หลังจากนั้นก็ย้ายมาขอนแก่นภรรยาตัวเองไม่สบายก่อนที่เวลาผ่านไปถึง 2 ปีไม่เคยติดต่ออะไรกันเลยถึงมาเจอกันอีกต้นปี 2566 ที่งานเลี้ยง ที่ร้านอาหารบ้าง สุดท้ายแล้วเรื่องทั้งหมดต้องให้มินนี่ออกมาพูดเพราะได้รับความเสียหายเช่นกัน ส่วนตัวมินนี้เองชอบถ่ายรูปลงโซเชียลตัวเองก็เตือนบ่อย ๆ เพราะก็กลัวภรรยาเห็นเช่นกันแต่สุดท้ายก็ลงอยู่ดี ส่วนเว็บพนันนั้นยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง ส่วนบัญชีที่มีอยู่ตลอดชีวิตก็มีแค่บัญชีเดียวตั้งแต่รับราชการ



ล่าสุดที่คุยกับมินนี่ช่วงที่ถูกจับตอนเดือนกรกฎาคม มินนี่โทรเบอร์มาบอกตัวเองถูกจับ ขอคำปรึกษาตัวเองก็ให้ไปประกันตัวที่ถูกจับ หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกเสียใจที่ทำให้พ่อแม่ชื่อเสียง วงค์ตระกูลเสียหาย ทำให้ภรรยาลูกได้รับผลกระทบ ไม่ใช่แค่ฝ่ายตัวเองฝ่ายครอบครัวมินนี่เองก็เสียหาย รวมถึงผู้บังคับบัญชา ยืนยันอีกครั้งว่าต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากตัวเอง คนอื่น ๆ ไม่เกี่ยวข้อง และอยากจะขอโทษทุก ๆ คน และเมื่อถามว่าขณะที่เห็นหมายจับนั้น ได้สังเกตุเห็นหรือไม่ว่าในหมายจับเขียนชื่อตนเองด้วยยศหรือนายและใส่อาชีพอะไร พ.ต.อ.ภาคภูมิ ก็บอกว่า คำนำหน้าชื่อคือนายและสายอาชีพรับจ้าง ซึ่งตนก็ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงใส่อาชีพรับจ้างทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าตนรับราชการตำรวจ





จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พลตำรวจตรีนำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า วันนี้ไม่ได้วิตกกังวลหรือเครียดอะไร เพราะเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ความจริงก็คือความจริง ข้อเท็จจริงก็ต้องไปพิสูจน์ทราบกันต่อไปในภายภาคหน้า



เมื่อทีมข่าวสอบถามว่ามองว่าเรื่องนี้เหมือนถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ พลตำรวจตรีนำเกียรติ บอกว่า วันหน้าเราจะทราบกันเองว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทั้งการออกหมายจับตำรวจ ใช้คำนำหน้าว่า “นาย” ซึ่งถ้าในระดับพลตำรวจตรีแล้ว ก็ต้องรู้อยู่แก่ใจว่าตำรวจคงไม่หลบหนี และก็ไปต้องมอบตัวเอง แต่นี่ก็ต้องมองว่ามีเจตนาอะไรหรือไม่




ส่วนช่วงตอนจับกุมตัวเองนั้น ก็เป็นไปตามภาพที่ปรากฏ แล้วแต่สื่อจะพิจารณา ทุกคนเห็นภาพก็พิจารณาตัดสินใจได้ ขอไม่กล่าวถึงใคร




ในขณะที่พันตำรวจเอกเขมรินทร์ ยอมรับว่ารู้จักกับมินนี่ โดยผ่านจากพันตำรวจเอกภาคภูมิ ซึ่งเป็นพี่ชายเป็นคนแนะนำให้รู้จัก เท่าที่จำได้เคยเจอกันเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น เป็นร้านอาหารหนึ่งครั้ง และเป็นที่สถานบันเทิงอีกหนึ่งครั้ง ทุกครั้งที่เจอกันเนื้อหาส่วนใหญ่ที่มีการพูดคุยก็จะเป็นเรื่องของกฎหมาย ซึ่งมินนี่ก็ได้มีการถ่ายรูปคู่กับตนแล้วส่งไปให้พันตำรวจเอกภาคภูมิดู ซึ่งจึงเป็นเรื่องที่มีคนนำมาเชื่อมโยงกันว่าตนมีความสนิทสนมกับมินนี่ ตนจำไม่ได้ว่าภาพนี้ถ่ายเมื่อเดือนไหนจำได้เพียงว่าได้มีการถ่ายในปีนี้



ส่วนใหญ่ตนเองและพันตำรวจเอกภาคภูมิ พี่ชาย ก็ไม่ค่อยมีเวลาได้มาเจอกันอยู่แล้วเพราะต่างคนต่างทำงานคนละพื้นที่ จึงทำให้ตนไม่ทราบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมินนี่และพี่ชาย ส่วนเรื่องของหมายจับหลังจากที่เห็นหมายจับมาถึงบ้านก็ยอมรับว่าตกใจ เพราะตนเองโดนข้อหาเรื่องของการพนัน และฟอกเงิน และยังพบข้อพิรุธในหมายจับที่ไม่ได้มียศนำหน้า ส่วนอาชีพก็มีการระบุว่ารับจ้างเท่านั้นไม่ใช่การรับราชการตำรวจ ซึ่งประเด็นนี้ได้นำเรื่องให้กับทนายความเป็นคนตรวจสอบแล้ว



ส่วนเรื่องบัญชีธนาคาร ยืนยันว่าไม่ได้มีบัญชีม้าเพราะตลอดชีวิตการรับราชการมีเพียงบัญชีเดียวที่เอาไว้ใช้รับเงินเดือนโดยเปิดไว้ตั้งแต่เป็นยศร้อยตำรวจโท ดังนั้นตนเองไม่มีความจำเป็นที่จะนำบัญชีไปรับเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะมันไม่คุ้มกัน




ขณะที่พันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผู้กำกับสืบสวนสภ. สำโรงเหนือ ได้พูดสั้น ๆ กับผู้สื่อข่าว ถึงประเด็นเรื่องไปพัวพันกับบัญชีม้า ของเครือข่ายของพนันออนไลน์มินนี่ บอกว่า ตนเองไม่ขอพูดเรื่องดังกล่าว ขอให้ทนายอนันต์ชัยเป็นคนพูดแทน เพราะตนเองได้บอกรายละเอียดทั้งหมดไปแล้ว ส่วนประเด็นที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ ระบุว่าได้นำเงินส่วนตัวไปให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ ไปบริหารจัดการนั้น ระบุว่า ดังกล่าวขอให้บิ๊กโจ๊กและทนายเป็นคนชี้แจง พร้อมยืนยันว่า “ตัวเองบริสุทธิ์กับเรื่องที่เกิดขึ้น” ส่วนเมื่อถามว่าพันตำรวจโทคริษฐ์ ติดการพนันหรือไม่ได้ก็ตอบว่า ทุกอย่างมอบให้ทนายไปหมดแล้ว และเมื่อถามว่ามีปัญหาทางด้านการเงินหรือไม่ ก็ตอบเช่นเดียวกันว่าจะให้ทนายเป็นคนชี้แจง เพราะรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวข้องกับสำนวนในคดี แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเอาเงินไปหมุนเพราะมีปัญหาทางด้านการเงินหรือไม่ ยังคงยืนยันว่า “ไม่ครับ” และ ผู้สื่อข่าวถามย้ำต่ออีกว่า เกี่ยวข้องกับการพนันหรือไม่ ก็ตอบว่า “ผมไม่เล่นการพนันอยู่แล้วครับ”

คุณอาจสนใจ

Related News