อาชญากรรม

'บิ๊กก้อง' ฟันธง 'ผกก.เบิ้ม' ไม่ผิด ม.157 - ปัดขัดแย้ง 'บิ๊กโจ๊ก' ไม่เกี่ยวปมค้นบ้าน

โดย nattachat_c

27 ก.ย. 2566

17 views

จากกรณีนายธนัญชัย อายุ 45 ปี หรือ 'หน่อง ท่าผา' ลูกน้องคนสนิท นายประวีณ หรือ กำนันนก ใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร หรือ สารวัตรแบงค์ สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน รอง ผกก.2 บก.ทล. ได้รับบาดเจ็บ ในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อช่วงดึกวันที่ 6 ก.ย. 2566


ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10:30 น. วานนี้ (26 ก.ย. 66) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีกำนันนกของตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันแถลงผลความคืบหน้าการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับกำนันนก


โดยในส่วนคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 พบว่าในคืนเกิดเหตุ มีข้าราชการตำรวจที่ไปในงานเลี้ยงจำนวน 29 ราย ซึ่งจากการพิจารณาตามพฤติการณ์ คำให้การ และพยานหลักฐาน ได้แบ่งจำแนกตำรวจออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่


กลุ่มที่ 1 กลุ่มตำรวจที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 2 นาย


กลุ่มที่ 2 กลุ่มตำรวจที่ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนีจำนวน 6 นาย ซึ่งได้ถูกออกหมายจับและดำเนินคดีฝากขังเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้


กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันทีขณะเกิดเหตุจำนวน 6 นาย ซึ่งตำรวจกลุ่มนี้ไม่มีความผิดใดๆ


กลุ่มที่ 4 กลุ่มที่มีพฤติการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จำนวน 15 นาย


ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.66 พ.ต.อ.วชิรา หรือ ผกก.เบิ้ม ได้มีการใช้อาวุธปืนปลิดชีพตนเองในบ้านพักย่าน อ.คูคต จ.ปทุมธานี จึงเป็นประเด็นที่สื่อมวลชนให้ความสนใจว่าประเด็นการเสียชีวิตดังกล่าวมีส่วนเชื่อมโยงในคดีนี้อย่างไร


จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า พ.ต.อ.วชิรา อยู่ในกลุ่มให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยทันทีขณะเกิดเหตุ โดยหลังเกิดเหตุได้เร่งรีบนำตัว พ.ต.ต.ศิวกร และ พ.ต.ท.วศิน ไปโรงพยาบาลเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องโดยทันที ไม่เข้าข่ายเป็นความผิด เป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ไม่มีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่


และอีกประเด็นสำคัญ จะเป็นเรื่องของการที่จะเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจกลุ่มที่ 4 จำนวน 15 นาย จากพยานหลักฐานและสอบปากคำ พบว่าพฤติการณ์ไม่ให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ รวมทั้งไม่ปฏิบัติหน้าที่จับกุมผู้ก่อเหตุหรือปิดกั้นพื้นที่ สอดคล้องกับคำให้การของตำรวจส่วนใหญ่ที่ให้การว่าไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือ


แต่ตำรวจบางส่วนก็ให้การแย้งว่าให้การช่วยเหลือ แต่การตรวจสอบพยานหลักฐานพบว่าให้การขัดแย้งไม่มีพฤติการณ์ช่วยเหลือจริง จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยจะเรียกให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาภายในวันศุกร์นี้ ซึ่งในจำนวนนี้มี ผกก.สน.พญาไท รวมอยู่ด้วย ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องให้การเท็จหรือไม่ หากพบว่าให้การเท็จก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป


ส่วนประเด็นข้อสงสัยเรื่องการโอนคดี ผบช.ก. กล่าวว่า กองบังคับการปราบปรามเป็นผู้ขอรับนำคดีฆาตกรรม พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาทำ ซึ่งก็ได้รับการอนุมัติและถือเป็นคดีหลัก ส่วนคดีอื่นๆ ไม่ว่าผู้รับผิดชอบจะเป็นตำรวจท้องที่ ตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ก็นำทีมมาร่วมงานอยู่เรื่อยๆ ตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นในทุกคดีที่เกี่ยวกับกำนันนก ทุกหน่วยงานร่วมกันทำงานอยู่แล้ว


ส่วนคดีตามมาตรา 157 เป็นคดีที่ต่อเนื่องกับคดีหลัก หากแยกกันทำสำนวนคดี จึงอาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องสำนวนคดีและเป็นการทำงานซ้ำซ้อน จึงเป็นเหตุให้มีคำสั่งโอนคดีตามมาตรา 157 มาอยู่ที่กองปราบปราม อย่างไรก็ตาม ตำรวจทุกหน่วยงานก็ยังคงทำงานร่วมกันและประสานข้อมูลระหว่างกัน ทั้งนี้ยังไม่พบว่า สำนวนคดี ม.157 ตอนอยู่ที่ภูธรภาค 7 มีความสะเปะสะปะแต่อย่างใด และย้ำว่า ตำรวจสอบสวนกลางกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ไม่มีความขัดแย้งกัน


ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิรภพได้ตอบถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ถูกตรวจค้นบ้านพัก รวมถึงนายตำรวจใกล้ชิดถูกดำเนินคดีอาจมีส่วนเชื่อมโยงจากคดีกำนันนก พล.ต.ท.จิรภพกล่าวว่า คดีนี้ บช.ก.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในทางใดตั้งแต่เริ่มต้น และไม่มีความเกี่ยวข้องกัน หรือเชื่อมโยงกันแต่อย่างใด หลังจากนี้ก็ยังจะสามารถทำงานร่วมกันได้ไม่มีผลอะไรเปลี่ยนแปลง

-----------

















รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/7GwZRBAkrmQ

คุณอาจสนใจ

Related News