ผกก.บางซื่อ เผยหากผลตรวจ DNA คดี 2 ศพทารกเมื่อ 10 ปีก่อน ตรง "นายเอ็ม" เตรียมแจ้งข้อหาอำพรางซ่อนเร้นศพ

พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ เปิดเผยกับทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 ถึงรายละเอียดเบื้องต้น 2 คดีพบศพเด็กทารกในบริเวณจตุจักรเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่าเชื่อมโยงกับนายส่องศักดิ์ ผู้ก่อเหตุฆ่าโบกปูนลูก 2 ขวบที่ จ.กำแพงเพชร


โดยศพแรกคือ ด.ช.ศักดิ์ดา พบเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2556 บริเวณริมถนนกำแพงเพชร 3 ด้านข้างลำคลองฝั่งสวนรถไฟ ถูกใส่ไว้ในกระเป๋าสีดำ เป็นศพทารกผู้ชาย สันนิษฐานว่าอายุประมาณ 10 เดือน สำหรับผลการชันสูตรพลิกศพศพแรกนั้น พบว่าศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุให้ที่ทำให้ถึงแก่ความตาย สาเหตุที่ทำให้ถึงแก่ความตายนั่นก็คือระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว นอกจากนี้ยังพบว่าศพเด็กมีบาดแผลช้ำบริเวณริมฝีปากล่าง, สมองบวมน้ำ, หัวใจคั่งเลือด, ปอดบวมน้ำเล็กน้อย และตับคั่งเลือด


ส่วนศพที่สอง คือ ด.ช.ธีรภาพ พบเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 บริเวณด้านหน้าโครงการจตุจักรกรีน ถนนกำแพงเพชร 3 ซึ่งปัจจุบันเป็นบริเวณปากทางเข้าสวนจากภูผาสู่มหานที อยู่ห่างจากจุดทิ้งศพปี 2556 ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นศพทารกชายเช่นเดียวกันอายุประมาณ 2 เดือน สำหรับผลการชันสูตรศพที่ 2 อยู่ในระหว่างการติดตามนำผลสำนวนจากร้อยเวรในคดี ซึ่งร้อยเวรเจ้าของคดีในปัจจุบันได้ย้ายไปรับราชการที่จังหวัดอ่างทอง


ทั้ง 2 คดี ร้อยเวรพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน บันทึกภาพที่เกิดเหตุ และนำผลชันสูตรทั้ง 2 ศพ จากนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งพิสูจน์หลักฐานได้เก็บ DNA ที่ตัวศพของเด็กและลายนิ้วมือแฝงที่ปรากฏบนศพเด็ก รวบรวมในสำนวนส่งพนักงานอัยการแล้ว


ซึ่งในส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถให้ได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนคดี แต่ถ้าหากว่า ผลการตรวจ DNA ของนายส่องศักดิ์ ตรงกับ DNA ที่ปรากฏอยู่บนเด็กทั้ง 2 ศพ หรือมี DNA ตรงกันกับเด็กทั้ง 2 ก็เตรียมจะแจ้งดำเนินคดีกับนายส่องศักดิ์ในข้อหาอำพรางซ่อนเร้นศพต่อไป ส่วนคดีทำร้ายร่างกายนั้นยอมรับว่า เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมามากกว่า 10 ปี จึงยากที่จะหาพยานหลักฐานมามัดตัวในคดีทำร้ายร่างกาย จึงต้องดำเนินการสอบปากคำและสืบสวนกันต่อไป แต่ถ้าหากว่านายส่องศักดิ์ ให้การรับสารภาพก็จะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเด็กทั้ง 2 อีกข้อหาด้วย


ฉะนั้น นายส่องศักดิ์ ถึงเข้าข่ายที่จะมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายและอำพรางซ่อนเร้นศพ ในคดีเด็กทั้ง 2 คดี


พ.ต.อ.ภูวดล ระบุเพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีคำสั่งให้ตั้งคณะดำเนินการสืบสวนคดีนี้และสั่งให้รวมคดี โดยให้พนักงานสอบสวนสนบางเขน เป็นเจ้าภาพหลัก มุ่งเน้นหาพยานหลักฐาน ที่เชื่อมโยงได้ว่า นายส่องศักดิ์เป็นผู้กระทำความผิดในคดี 2 ศพเด็กนี้ด้วย โดยหลังจากนี้ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ จะร่วมกันทำงานโดยนำรายงานผลชันสูตรพลิกศพและสำนวนคดีเด็กทั้งสองส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ต่อไป เพื่อใช้สอบสวนนายส่องศักดิ์ต่อไป


ส่วนสาเหตุที่ทำให้ 2 คดีนี้ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ ก่อนจะมาทราบภายหลังว่าเป็นฝีมือของนายส่องศักดิ์นั้น พ.ต.อ.ภูวดล กล่าวว่า เนื่องจากปัญหาของการไม่ทราบว่าเด็กทั้งสองชื่ออะไร ถึงแม้ว่าจะมีการตรวจ DNA แต่ก็ไม่สามารถนำไปเทียบเคียงกับใครได้


รวมทั้งในช่วงเวลาดังกล่าว เทคโนโลยีภาพวงจรปิดก็ยังไม่ทันสมัยเพียงพอที่จะบันทึกเหตุการณ์ได้ จึงทำให้ไม่สามารถมีภาพวงจรปิดหรือสืบสวนได้ว่า พ่อแม่เด็กคือใคร และใครคือผู้กระทำความผิด แต่ถ้าหากพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือคำให้การแน่ชัดว่า นายส่องศักดิ์หรือบุคคลอื่นกระทำความผิด ก็สามารถที่จะรื้อสำนวนคดีและแจ้งข้อหาผู้กระทำความผิดได้


ส่วนประเด็นที่ว่า ทำไม 2 คดีในท้องที่บางซื่อถึงไปเชื่อมโยงกับนายส่องศักดิ์ได้ พ.ต.อ.ภูวดล กล่าวว่า ในเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่จากรายงานที่ได้มีการประชุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทราบว่า เกิดจากการที่นางเจษฎา อดีตภรรยาของนายส่องศักดิ์ ได้ให้การกับตำรวจเชื่อมโยงถึงคดี 2 ศพเด็กทารกในท้องที่ สน.บางซื่อ


แต่ทั้งนี้ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด ซึ่งนายส่องศักดิ์ยังไม่ได้ให้การใด ๆ ในคดีเด็ก 2 ศพนี้ ส่วนประเด็นที่นายส่องศักดิ์อ้างว่ากินยารักษาจิตเวช เรื่องนี้ต้องไปสอบปากคำแพทย์ที่เกี่ยวข้องหรือตรวจดูบันทึกการรักษาต่อไป


พ.ต.อ.ภูวดล ระบุเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่คนร้ายเลือกใช้บริเวณด้านหลังสวนจตุจักรหรือละแวกดังกล่าวในการทิ้งศพนั้น คาดว่าเมื่อ 10 กว่าปีก่อน บริเวณดังกล่าวอาจจะเป็นที่เปลี่ยวมืด จึงเป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับการทิ้งศพ จึงทำให้คนร้ายสามารถทิ้งทั้ง 2 ศพได้ในระยะทางใกล้เคียงกัน และเลือกทิ้งในเวลากลางคืน เพราะทั้ง 2 คดีก็พบศพในช่วงเช้าตรู่ ซึ่งหลังจาก 2 คดีดังกล่าว สน.บางซื่อ ก็ยังคงพบคดีการทิ้งศพเด็กทารกในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่ก็สามารถตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้