โฆษกราชทัณฑ์ ยัน "ทักษิณ" ไม่ได้ยื่นขอพักโทษ เผยยังไม่ครบเกณฑ์ระยะเวลาจำคุก

จากที่มีกระแสรายงานข่าวลือว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องขังเด็ดขาด ได้ยื่นขอพักโทษกับทางกรมราชทัณฑ์แล้วนั้น

ทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 ได้สอบถามข้อเท็จจริงกับนายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า ไม่มีการยื่นขอพักโทษของนายทักษิณ แต่อย่างใด และกระบวนการขอพักโทษนั้น ไม่ใช่กระบวนการที่ตัวนักโทษ หรือทนายความของนักโทษ เป็นผู้ดำเนินการยื่น แต่จะเป็นกระบวนการที่ทางเรือนจำเป็นผู้พิจารณายื่นเรื่องให้กรมราชทัณฑ์พิจารณาเอง

ซึ่งทางเรือนจำจะสามารถยื่นรายชื่อบุคคลที่จะดำเนินการพักโทษได้นั้น ก็จะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติของนักโทษรายนั้น ๆ ตามที่เคยได้แนะนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ กล่าวคือ ตัวนักโทษจะต้องมีคุณสมบัติ 2 แบบ แบบใดแบบหนึ่ง แบบแรกคือแบบปกติ นักโทษจะต้องโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของโทษจำคุกที่ได้รับ แบบที่ 2 คือแบบพิเศษ มีเกณฑ์แยกย่อย 3 ข้อคือ ต้องเป็นนักโทษที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป , มีภาวะป่วยชราภาพ และที่สำคัญคือ จะต้องโทษไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษจำคุกหรือต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งในประเด็นโทษจำคุกนี้ ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์แล้ว จะต้องพิจารณาดูว่า ระยะเวลาไหนมากกว่ากัน

สำหรับ นายทักษิณ แล้ว ถือว่าเข้าลักษณะคุณสมบัติแบบพิเศษ แต่ยังไม่ครบเกณฑ์ในเรื่องของระยะเวลาโทษจำคุก โดยตอนนี้ นายทักษิณ ได้รับพระมหากรุณาอภัยลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ดังนั้นจะใช้ระยะเวลา จำคุก 6 เดือน มาใช้กับนายทักษิณ กล่าวคือหากนายทักษิณ ต้องโทษจำคุกครบ 6 เดือนขึ้นไป ทางเรือนจำก็อาจจะพิจารณานำรายชื่อของนายทักษิณ เสนอไปยังกรมราชทัณฑ์เพื่อพิจารณาพักโทษต่อไป  ซึ่งนายทักษิณ จะครบกำหนดโทษ 6 เดือน ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2567 เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะดำเนินการพิจารณาพูดคุยหารือกันอีกที ตอนนี้ นายทักษิณ ยังต้องโทษจำคุกไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ จึงยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุยกันในเรื่องพักโทษ และยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาพักโทษนายทักษิณ แต่อย่างใด กระแสข่าวลือที่ว่ามีการยื่นขอพักโทษแล้วนั้น จึงไม่เป็นความจริง

ขณะที่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวนายทักษิณ กล่าวยืนยันกับทีมข่าวอาชญากรรม ช่อง 3 เช่นเดียวกันว่า กระแสข่าวลือข้างต้นนั้น ไม่เป็นความจริง และตนยังไม่ได้ดำเนินการยื่นขอพักโทษแต่อย่างใด กระบวนการดังกล่าวเป็นกระบวนการที่ทางเรือนจำและกรมราชทัณฑ์ จะดำเนินการพิจารณากันเองตามหลักเกณฑ์ ไม่เกี่ยวข้องกับตัวนักโทษ หรือทนายความ