อาชญากรรม

แม่ค้ายำร้อง โดนมิชฉาชีพหลอกใช้ อ้างจ่ายค่ายำเกิน แล้วขอเงินสด สุดท้ายกลายเป็นบัญชีม้า

โดย paranee_s

16 ส.ค. 2566

662 views

จากกรณีนางสาวณัฐนันท์ หรือ อุ้ม อายุ 33 ปี แม่ค้าขายยำแห่งหนึ่ง ย่านลำลูกกา ที่ถูกมิจฉาชีพหลอกทำทีเป็นโอนเงินมาเกินแล้วขอเงินสด จนมารู้ทีหลังว่าถูกมิจฉาชีพใช้บัญชีของเธอเป็นบัญชีม้าไปหลอกผู้เสียหายรายอื่นอีก จนทำให้เธอถูกแจ้งความดำเนินคดี


ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เธอไปลงบันทึกประจำวัน ที่สภ.คูคตเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากบัญชีของเธอที่ถูกผู้เสียหายอีกคนฟ้องนั้นยังถูกอายัดบัญชีอยู่ เธอจึงได้ไปแจ้งความอีกครั้ง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อให้ตำรวจมาขอกล้องวงจรปิดจากร้านสะดวกซื้อใกล้ร้านค้าที่เกิดเหตุเพื่อที่เธอจะได้นำไปยืนยันกับตำรวจสน.เตาปูนที่เธอถูกดำเนินคดีนั้น


วันนี้ (16 ส.ค.) ทีมข่าวลงพื้นที่ไปสอบถามกับ ผู้เสียหายบอกว่าตำรวจสภ.คูคต ก็ยังไม่ติดต่อมาขอกล้องวงจรปิดจากร้านสะดวกซื้อและพูดกับเธอว่าให้เธอยอมความกับผู้เสียหายอีกฝั่งเรื่องจะได้จบ เพราะสู้ไปสุดท้ายก็ต้องจ่ายให้ผู้เสียหายอยู่ดี อีกทั้งฝั่งเธอก็ไม่รู้ชื่อของมิจฉาชีพอีกด้วย ทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวลเพราะเธอไม่ได้ทำผิด และเธอก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายอีกด้วย ทำไมเธอต้องไปจ่ายเงิน ซึ่งเธอบอกว่าสิ่งผิดก็คงเป็นแค่เธอไม่ทันสังเกตว่ามิจฉาชีพมาขอเลขบัญชีเธอไป


เธอยังบอกอีกว่าแม้ยอดเงินจะไม่มาก แต่ก็อยากให้ตำรวจนั้นเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพราะหากล่าช้าไปกว่านี้อาจจะไม่สามารถดูย้อนหลังได้ เพราะกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานเดียวที่เห็นหน้ามิจฉาชีพ นอกจากนี้เธอยังฝากบอกไปกับตำรวจว่า อยากให้ตำรวจเร่งดำเนินคดี เพราะต้องนำหลักฐานจากฝั่ง สภ.คูคตไปยื่นให้กับตำรวจฝั่ง สน.เตาปูนที่เธอตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง โดยหลังจากนี้เธอยืนยันว่า เธอจะเดินหน้าต่อสู้คดี เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของเธอว่าเธอไม่ได้เป็นบัญชีม้าและไม่รู้จักกับมิจฉาชีพอย่างแน่นอน


ขณะที่ ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับ ร้อยตำรวจโท เอกอมร สีสัน ตำรวจเจ้าของคดีที่ สภ.คูคต ที่รับเรื่องดังกล่าว บอกว่าหลังจากที่ผู้เสียหายเข้าไปแจ้งความเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนจะเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำ รวมถึงจะลงพื้นที่มาตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ร้านสะดวกซื้อใกล้กับที่เกิดเหตุ พร้อมยอมรับว่าขอโทษที่เกิดความล่าช้าแต่หลังจากนี้จะเร่งดำเนินคดีให้เร็วที่สุด


นอกจากนี้ทีมข่าวได้สอบถามไปยัง นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ถึงประเด็นดังกล่าว ได้ให้ข้อมูลว่า พฤติกรรมของมิจฉาชีพในปัจจุบันมีการเปลี่ยนรูปแบบไป อย่างกรณีนี้ที่ทำทีมาอ้างขอโอนเงินมาเกินกว่าราคาสินค้าจริงแล้วขอเงินสดไป ซึ่งเงินที่โอนมามิจฉาชีพก็ได้ไปหลอกผู้อื่นมาอีกนั้น เชิงใช้บัญชีของผู้เสียหายเป็นบัญชีม้า ซึ่งผู้เสียหายสามารถนำข้อมูลหลักฐานไปยืนยันกับตำรวจ ว่าตนเองไม่ได้เป็นบัญชีม้าและไม่รู้จักกับมิจฉาชีพ แต่หากผู้เสียหายยังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือคดีความไม่คืบหน้าตนเองยินดีจะเป็นตัวกลาง ในการประสาน รวมถึงจะแนะในการสู้คดีหากถูกดำเนินคดี


ซึ่งตนเองยืนยันว่าหากผู้เสียหายบริสุทธิ์ใจก็ไม่ต้องกังวล โทรหาผู้เสียหายมีหลักฐานเส้นทางการเดินบัญชีที่เป็นปกติ ก็ยิ่งไม่ต้องกังวล และตนเองจะนัดผู้เสียหายมาให้ข้อมูลในวันพรุ่งนี้เวลาเที่ยง เพื่อพูดคุยและประสานข้อมูลให้ในเบื้องต้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ