สาวนิ้วพิการสุดช้ำ สั่งทำนิ้วซิลิโคลน ถูกร้านหลอกเอาเงินมัดจำ แถมไม่ได้สินค้า

โดยทีมข่าวได้ติดต่อไปยังผู้เสียหายคือ น.ส.กิตติยา หรือ กุล อายุ 33 ปี เล่าว่า ตนมีความผิดปกติทางนิ้วทั้งข้างซ้ายและข้างขวา ตั้งแต่กำเนิด ซึ่งมือข้างขวา นิ้วชี้ และนิ้วกลางกุด ส่วนมือข้างซ้าย นิ้วมือผิดรูป 3 นิ้ว คือนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง รวมถึงเท้าซ้ายที่นิ้วโป้งกุด เช่นกัน แต่ก็ใช้ชีวิตมาปกติ และมีความคิดว่าที่อยากจะหานิ้วซิลิโคลนมาใส่เพื่อจะได้ลบปมด้อยในชีวิต จึงสอบถามไปยังโรงพยาบาลยันฮี พบว่าราคาแพงเกินกว่าที่จะจ่ายไหว และในช่วงเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว ได้ไปเซิร์ชหาในอินเทอร์เน็ตพบเพจหนึ่งอยู่ที่จ.นนทบุรี รับทำนิ้วเทียม ซิลิโคลน จึงทักไปคุย ประกอบกันขณะนั้นอยู่กรุงเทพฯพอดี จึงนัดมาเพื่อดูสินค้าตัวอย่างและคุยรายละเอียด

โดยระหว่างที่แชตคุย ทางมิจฉาชีพได้อวดอ้างสรรพคุณของร้านตัวเองว่าคุณภาพดีกว่าโรงพยาบาลดังๆ แต่ราคาถูกกว่า ทำให้ตนหลงเชื่อ และเมื่อแชร์โลเคชันที่อยู่ให้มิจฉาชีพ ทางมิจฉาชีพก็บอกว่าไกล และจะขอค่าน้ำมันจำนวน 1 พันบาท ทำให้ตนก็รู้สึกแปลกๆและไม่ได้ให้เงิน จากนั้นมิจฉาชีพก็ทักกลับมาว่าไม่เป็นไร อยากจะมาบริการ และนัดกันใต้โรงแรมที่ตนอยู่ ระหว่างนั้นมิจฉาชีพได้นำสินค้าตัวอย่างหลายรูปแบบมาให้ดู ซึ่งเห็นว่ามีคุณภาพดี มีความยืดหยุ่น ทนทาน จึงตัดสินใจสั่งทำและทำการทำแบบหล่อมือและเท้าไปในวันดังกล่าว เป็นเงินประมาณกว่า 2 หมื่นบาท และทางมิจฉาชีพได้ให้จ่ายมัดจำ 7,000 บาท แต่ตนขอต่อราคาและโอนมัดจำไป 5,000 บาท แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 วัน มิจฉาชีพทักมาขอเงินมัดจำเพิ่มอีก 2,000 บาท ตนจึงจ่ายไปในภายหลัง และมีการนัดรับสินค้าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์

ซึ่งระหว่างนั้นตนพยายามทักไลน์ไปสอบถามความคืบหน้า ขอดูรูป แต่ทางมิจฉาชีพกลับบ่ายเบี่ยง และส่งรูปมาเพียง 1 รูป คือรูปเล็บมือ และเมื่อใกล้ถึงวันนัดรับสินค้า ตนก็ทักไปหาร้านและเดินทางมายังกรุงเทพมหานคร แต่เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ ทางร้านทักมาบอกว่า สินค้าทำไม่ทัน เนื่องจากนิ้วที่ขึ้นรูปนั้นเกิดชำรุดเสียหายและขอเวลาอีก 2-3 วัน เมื่อถึงวันนัดครั้งต่อไป ทางร้านก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดหลายต่อหลายครั้ง จนตนเริ่มเอะใจ และมีครั้งหนึ่งเคยเห็นร้านดังกล่าวออกข่าวว่าไปหลอกลูกค้า ตนจึงรู้สึกหวั่นๆ แต่ก็ยังใจดีสู้เสือคิดว่าคงไม่โดนหลอก แต่เมื่อทวงร้านไปหลายครั้ง ร้านก็บล็อกไลน์ ไปทวงในติ๊กต็อก และเฟซบุ๊ก ก็ไม่ได้รับคำตอบว่าจะได้สินค้าเมื่อไหร่ และทางร้านก็ไม่โอนค่ามัดจำคืน


สาวผู้เสียหาย บอกอีกว่า แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้ทักไปทวงแล้ว และไม่ได้ไปแจ้งความ เนื่องจากคิดว่าแจ้งไปก็คงไม่ได้เงินคืนและไม่ได้สินค้า แต่ก็อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ ว่าอย่าซ้ำเติมเลย ร่างกายก็ไม่ครบแบบคนทั่วไป กว่าจะกล้าออกมาใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปก็ยากลำบาก เพราะเหมือนรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายมากพอแล้ว แต่พอมาถูกหลอกอีกก็รู้สึกเสียใจว่าทำไมต้องมาโชคร้ายแบบนี้อีก ส่วนเงิน 7,000 ของหลายคนอาจจะไม่เยอะ แต่สำหรับตนเงินจำนวนนั้นเอาไปทำอย่างอื่นได้หลายอย่าง และฝากไปถึงร้านว่าอยากให้หยุดพฤติกรรมหลอกลวงแบบนี้กับคนอื่นๆ และก็ไม่ได้หวังแล้วว่าจะได้ของและเงินคืน รวมถึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์จะสั่งสินค้าอะไรก็ขอให้ดูให้ดี ดูถึงแหล่งผลิต ดูรีวิวให้ดี อย่าตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ