อาชญากรรม

ครูพี่เลี้ยงสถานสงเคราะห์ ยืนยันไม่ได้ลงมือทำ แต่เคยขู่หากทะเลาะกันจะถูกมัดมือ

โดย kanyapak_w

30 พ.ค. 2566

326 views

อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ขอโทษสังคม ต่อเหตุเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงจังหวัดสระบุรี ทำร้ายร่างกายเด็กในปกครอง เบื้องต้นสั่งย้ายผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ และสั่งเจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติงานแล้ว



นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ว่า เบื้องต้นทราบว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที และพบว่ามีมูล ตามที่มีผู้โพสต์ในโซเชียลเจ้าหน้าที่กระทำต่อเด็ก แต่ข้อมูลที่เผยแพร่นั้น อาจรุนแรงเกินความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เช่น โยนเด็กลงหลุม เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ไม่มีเหตุการณ์นี้



ส่วนภาพเด็กถูกมักมือมัดเท้า นั่งในห้องน้ำนั้น ทราบว่า เป็นคำสั่งของพี่เลี้ยงเด็ก ให้เด็กรุ่นพี่เป็นคนมัดเด็กรุ่นน้อง ซึ่งทั้งหมดกรมฯจะตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด



อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งย้ายผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กหญิงจังหวัดสระบุรี เข้ามาประจำที่กรมฯระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมฯ และผู้ตรวจกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ลงพื้นที่สอบวันนี้ ส่วนพี่เลี้ยงก็ได้สั่งพักงานแล้ว ขณะที่ตัวเด็ก ได้ให้นักสังคมสงเคราะห์ และทีมนักจิตวิทยาของกรมฯ ลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูจิตใจเด็ก ที่ได้รับผลกระทบแล้ว



พร้อมกันนี้ อธิบดีกรมกิจการเด็กฯ ได้กล่าวขอโทษสังคมและจะวางมาตรการให้เข้มงวดกว่านี้ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก



ล่าสุด นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัด พม. สั่งสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และในช่วงเย็นวันนี้ ได้นัดประชุมด่วน ผู้บริหารทุกกรมของกระทรวง เพื่อเตรียมจัดระบบสถานสงเคราะห์ทั่วประเทศใหม่



กรณีที่มีผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ในจังหวัดสระบุรี ทารุณเด็กกว่า 280 คน ทั้งมัดมือ ก้อนผม ล่าสุดปลัดพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สั่งย้าย ผู้ปกครองในสถานสงเคราะห์เด็กหญิงดังกล่าวแล้ว พร้อมดำเนินคดีพี่เลี้ยงเด็ก



โดยเมื่อวานนี้ หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวดังกล่าวออกไป ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายผล ดำธรรม พร้อมด้วย พลตำรวจตรี วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี นายเตือนใจ คงสมบัติ รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนร่วมประชุมตรวจสอบข้อเท็จจริง



โดย หลังจากประชุม พลตำรวจตรี วิชิต แถลงว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำเด็กไปบางส่วน ต่อสหวิชาชีพ ทราบว่า จุดเกิดเหตุเป็นบ้านหลังที่ 3 ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมีเด็กอาศัยอยู่ 40 คน โดยผู้ก่อเหตุเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ที่ดูแลเด็กในบ้านพักดังกล่าว สำหรับภาพเด็กที่ปรากฏ ถูกมัดมือมัดขานั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา โดยพยานยืนยันว่าคนที่มัดเป็นเด็กโต 2 คน ซึ่งอยู่ในบ้านหลังนั้นจริงฃ



สาเหตุที่ลงโทษเนื่องจากเด็กกลุ่มดังกล่าวก่อเหตุทะเลาะกัน และหนีออกจากสถานที่พักอาศัย จำนวน 9 คน จึงถูกเรียกตัวกลับมาที่บ้านและถูกลงโทษ โดยรุ่นพี่มีการจับมัดมือคู่กัน มัดปาก มัดเท้า และภาพที่เกิดขึ้น คือเด็กหญิงคนดังกล่าวปวดท้องเข้าห้องน้ำ รุ่นพี่จึงได้ช่วยอุ้มพาไปเข้าห้องน้ำ เเละมีรุ่นพี่อีกคนถ่ายรูปเก็บไว้



ซึ่งครูพี่เลี้ยง (ผู้ถูกกล่าวหา) ยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำ แต่ยอมรับว่าเคยข่มขู่เด็ก ว่าถ้าทะเลาะกัน หรือออกนอกพื้นที่ที่กำหนด จะต้องถูกมัดมือ และต้องถูกลงโทษในลักษณะนี้ ซึ่งเด็กรุ่นพี่ทั้งสองคนก็ทำตามคำสั่งของพี่เลี้ยงที่เคยพูดไว้



ภายหลังครูพี่เลี้ยงเห็นภาพที่เด็กถูกมัดมือมัดเท้า แต่ก็ไม่ได้ให้การช่วยเหลือหรือตักเตือน แต่กลับสนับสนุนว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทาง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้ฝ่ายกฎหมาย ดำเนินคดีแล้ว



ส่วนภาพที่เด็กไปนอนอยู่ในห้องน้ำนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงภายในห้องน้ำชั้น 2 โดยครูพี่เลี้ยง ผู้ถูกกล่าวหานั้น ได้ ให้การว่าเป็นกติกาของตัวเอง หากเด็กคนใดมีการขับถ่ายเลอะที่นอนในช่วงกลางคืน ก็จะถูกลงโทษโดยการให้ไปนอนในห้องน้ำ จนกว่าจะหยุดปัสสาวะรดที่นอน จึงจะให้กลับมานอนที่เดิม เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้เด็กคนอื่นๆกระทำตาม



ส่วน กรณีข้อมูลของเด็กที่ระบุว่ามีเด็กหลายคนถูกลงโทษโดยการให้ลงไปแช่ในน้ำ กรณีนี้ ครูพี่เลี้ยงก็ยอมรับว่าเป็นกติกาที่ถูกกำหนดขึ้นในการที่จะลงโทษเด็กเล็ก หากมีอาการดื้อหรือซน แต่จากการตรวจสอบที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีเด็กคนไหนเคยโดนลงโทษด้วยวิธีดังกล่าว แต่หากมีพยานหลักฐานก็จะมีการดำเนินคดีด้วยเช่นกัน




ทั้งนี้ ทางตำรวจยังไม่ได้ปักใจเชื่อในคำให้การทั้งหมด อยู่ที่พยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมไปถึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ภายในสถานสงเคราะห์



ในส่วนของผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ ถ้าหากพบว่ามีพยานหลักฐานชี้ชัดว่ามีการปล่อยปละละเลย หรือปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นี้ก็จะถูกดำเนินคดีมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนครูพี่เลี้ยงผู้ถูกกล่าวหา จะมีการดำเนินคดี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 ความผิดเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพ , เเละความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ส่วนข้อหาอื่นๆในเรื่องของการหน่วงเหนี่ยวกักขัง จะต้องดูพยานหลักฐานอีกครั้ง



ขณะที่ทีมข่าว ได้ลงพื้นที่ พูดคุยกับ ชาวบ้านที่อยู่ ติดกับรั้วของสถานสงเคราะห์ โดยได้พูดคุยกับคุณแตงกวา กล่าวว่า ตนเองพักอาศัยและค้าขายอยู่ที่นี่มาร่วม 30 ปี แล้ว



ซึ่งจะได้ยินเสียงเด็กทะเลาะกันข้ามรั้วออกมาเป็นประจำ ทุกวัน ทั้งเด็กโตและเด็กเล็ก บางครั้งผู้ปกครองก็จะออกมาตะหวาด หรือดุ เด็กๆโดยใช้คำพูด "กู มึง" บางครั้งเห็นบ่อยๆก็รู้สึกรับไม่ได้ เพราะรุนแรงเกินไป



คุณแตงกวา บอกว่า หลังจากที่ทราบข่าว ทำให้ตนรู้สึกสงสารเด็ก ไม่ควรจะต้องมัดมือมัดเท้า มัดปาก ตนเองไม่คิดว่าผู้ปกครองเป็นคนตั้งกฎกติกา คิดว่าสิ่งที่เด็กถูกกระทำ น่าจะมีบทลงโทษอย่างอื่นที่ดีกว่านี้



ล่าสุด ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวบี (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี บอกว่า ตอนนั้นเธอเข้าไปอยู่ในสถานสงเคราะห์หญิงสระบุรี ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จนถึงอายุ 14 ขวบ ซึ่งปัจจุบันตนเองอายุ 24 ปีแล้ว



ในช่วงที่เธออยู่ข้างในนั้น เคยถูก ฉุดกระชากลากถูไปกับพื้น ถูกจิกหัว และผู้ปกครองเอารองเท้าตบหน้าหน้า ลงโทษเพียงแค่เธอนอนตื่นสาย ขึ้นรถไปโรงเรียนไม่ทัน ขณะเดียวกันเวลาร้องไห้ ก็จะถูกตีซ้ำ ๆ และจิกหัวตบแบบซ้ำ ๆ ทำให้รู้สึกเก็บกด อยากหลบหนีออกจากสถานสงเคราะห์



นางสาวบี บอกว่า มีบางคนถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง ทนไม่ไหวถึงขั้น หลบหนี แต่ไปไม่รอด ถูกจับได้ ก็จะถูกทำร้ายร่างกาย และจับไปขังใต้บันได ให้อดข้าวอดน้ำ 2-3 วัน จนกว่าจะสำนึกได้



หลังจากนั้นจะให้ไปบำเพ็ญประโยชน์ เช่น ช่วงนั้นมีเขื่อนอยู่หลังหอพักก็จะให้ไปขนหินขนปูน กลางแดด ให้ถางหญ้ากลางแดด หากทำไม่เสร็จ ก็จะไม่ให้กินข้าว ทำโทษไม่รู้จักจบจักสิ้น



นอกจากนี้ ยังมีการลงโทษเด็กหลายวิธี ซึ่งการลงโทษนั้นจะมีหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ตักเตือน ไปจนถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกาย



นางสาวบี ยังบอกอีกว่า เธอเห็นข่าวในทีวี ทำให้มีผลต่อสภาพจิตใจ เป็นอย่างมาก เพราะทำให้ย้อนเหตุการณ์ ที่ถูกผู้ปกครองเอารองเท้าตบหน้า ดูข่าวไปน้ำตาก็ไหล ไม่คิดว่ายังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่ในสถานสงเคราะห์



การโกนผมเด็ก เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถ้ามีการโกนผม จะโกนเฉพาะเด็กที่มีเหาเยอะๆเท่านั้น ถึงจะโกน เนื่องจากปกติแล้วเด็กทุกคนต้องไปเรียนหนังสือ ก็จะถูกเพื่อถามบ้าง เพื่อนล้อบ้างทำให้เป็นการสร้างบาดแปลและเป็นปมต่อเด็ก



อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากระยะเวลาผ่านไปไม่รู้กี่รุ่นถึงกี่รุ่นแล้ว ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่อยากให้มีบทลงโทษที่รุนแรง เนื่องจากสงสารเด็ก ทุกอย่างที่เด็กถูกกระทำ





แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ