อาชญากรรม

มอบตัวแล้ว! พ่อเมายาบ้าหลอนหนัก คิดว่าทหารพม่าบุก สะพายปืนยาวบุกโรงเรียน รับลูกชายพาหนี

โดย petchpawee_k

30 พ.ค. 2566

582 views

มอบตัวแล้ว พ่อเมายาบ้าหลอนคิดว่ากองทัพพม่าบุก รีบสะพายปืนยาว บุกโรงเรียนรับลูกพาหนี ด้านโรงเรียนออกแถลงการณ์ชี้แจ้ง 2 ฉบับ พร้อมหยุดเรียนถึงวันที่ 30 พ.ค. ด้านล้งทุเรียนเกือบเสียรถหรู หลังหนุ่มเพี้ยนอ้างมาจากบริษัท จะเอารถไป


เกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งถือปืนบุกโรงเรียนภูบดินทร์พิทยาลัย อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อตามหาลูกชาย และพยายามพาตัวออกจากโรงเรียน หลังหลอนว่าทัพพม่าบุก ทางโรงเรียนจึงปล่อยตัวไปเพราะได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองซึ่งเป็นป้าของเด็ก จากนั้นตำรวจนำกำลังเข้าเจรจาจน ผู้เป็นพ่อเหตุยอมมอบตัว โดยขณะเข้ามอบตัวไม่มีอาการคุมคลั่งแต่อย่างใด ตรวจปัสสวะพบสารเสพติด จากนั้นตำรวจนำตัวมาดำเนินคดีตามความผิด


วานนี้ (วันที่ 29 พ.ค.) เมื่อเวลา 08.32 น. เกิดเหตุระทึกที่โรงเรียนภูบดินทร์ อ.หลังสวน จ.ชุมพร เมื่อนายจีระศักดิ์  อายุ 29 ปี ควงปืนยาวลูกซอง 5 นัด บุกโรงเรียนเพื่อจะรับลูกกลับบ้าน สร้างความตระหนกตกใจให้แก่ครู นักเรียน และผู้ปกครองที่มาส่งลูกหลานที่โรงเรียนจนแตกตื่นทั้งโรงเรียน จากนั้นนายจีระศักดิ์ ได้ขับรถยนต์มิซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว หลบหนีกลับไปบ้านที่พักในหมู่บ้านสวย ข้างโลตัส สาขาหลังสวน


ต่อมาเวลา 09.56 น. รร.ภูบดินทร์พิทยาลัย ออกแถลงการณ์เหตุฉุกเฉิน ฉบับที่ 1/2566 ทางโรงเรียนภูบดินทร์พิทยาลัยขออนุญาตแถลงการณ์ชี้เป็นประเด็นต่าง ๆ ดังนี้


1. ผู้ก่อเหตุคือผู้ปกครองของนักเรียนของสถานศึกษา และได้มีการนำอาวุธเข้ามาภายในโดยการปกปิดเสมือนหนึ่งไม่มีอาวุธ


2. จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นักเรียนไม่ได้ถูกจับเป็นตัวประกัน แต่เป็นบุตรผู้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุต้องการมารับบุตรของตน


3. เนื่องจากคณะครูบุคลากรได้จัดการความปลอดปลอดภัยตาม CODE 3 จากคลิปภาพจึงไม่มีนักเรียนคนใดปรากฏในเหตุการณ์ เนื่องจากคณะครูและบุคลากรได้ปฏิบัติการตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด 


4. จากภาพผู้ก่อเหตุไม่พบนักเรียนจึงเอาอาวุธมาขู่ 


5. สถานการณ์ดังกล่าว ได้มีการควบคุมและคลี่คลายและติดตามโดย ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ท่านศึกษาธิการจังหวัดชุมพร ท่านนายอำเภอหลังสวน ท่านผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรหลังสวน 


6. ขอขอบพระคุณคณะครูและบุคลากรของเราทุกคนที่จัดแนวทางความปลอดภัยตามระบบ Code 3 จนทุกคนปลอดภัย

ต่อมามีแถลงการณ์ ฉบับ 2 /2566 ระบุว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ทราบเบื้องต้นว่ามาจากปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นจากแพร่หลายในสังคมปัจจุบัน และสะท้อนมาถึงความปลอดภัยของคณะครูและเด็กๆในโรงเรียน


ในขณะนี้ทางโรงเรียนกำลังมีการประชุมด่วนในฝ่ายบริหารถึงมาตรการที่ทางเราจะปกป้องนักเรียนของเราได้ดีกว่านี้ อาทิ กระจกกันกระสุน เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว (ทางโรงเรียนมีการโทรแจ้งความตั้งแต่เห็นผู้ก่อเหตุและอาวุธปืนและพยายามคุยถ่วงเวลาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ท่านอื่นรีบแจ้งความ (มีการส่ง CODE สัญญาณ) และรีบให้มีการส่ง CODE ฉุกเฉินขั้นสุดเพื่อให้คณะครูเก็บนักเรียนได้อย่างรวดเร็วที่สุดและนิ่งที่สุด)


อย่างไรก็ตาม ขอขอบพระคุณและขอส่งกำลังใจให้คณะครู บุคลากรและนักเรียนของเราทุกคนที่ไม่ลืมมาตรการที่ฝึกซ้อม (CODE 3) และจัดการปกป้องนักเรียนของเราได้เป็นอย่างดีและรวดเร็ว


จากภาพ 1-2 : นักเรียนทุกคนทุกห้องซ่อนตัวใต้โต๊ะ ปิดไฟ ในขณะที่คุณครูติดต่อกันผ่านไลน์แบบเงียบๆ มีการเช็คจำนวนนักเรียนและตรวจนักเรียนตามห้องน้ำให้มารวมกันอย่างถูกต้องและรวดเร็วตามที่เคยซ้อม


จากภาพ 3-4 : นักเรียนทุกคนซ่อนตัวอยู่ในห้อง คุณครูเริ่มหมอบ (สังเกตจากภาพจริงๆเวลานี้นักเรียนต้องเข้าแถวเคารพธงชาติที่ลานสนามนี้แต่คุณครูทุกท่านรับสัญญาณ CODE 3 จึงเก็บเด็กอย่างรวดเร็วและเงียบที่สุด จึงไม่เห็นนักเรียนในภาพเลย) และคุณครูตัวแทนเริ่มออกมาเจรจากับผู้ก่อเหตุ (ในขณะที่คุยก็พาเดินออกให้ห่างจากตึกเรียนไปให้มากที่สุดและเร็วที่สุด)


จากภาพจะเห็นคุณครูตัวแทนพยายามคุยเจรจาและนำออกจากตึกเรียนให้ไกลนักเรียนที่สุด **เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงแล้วและเร็วมากๆตั้งแต่โรงเรียนโทรแต่ไม่สามารถบุกประชิดคนร้ายได้เพราะกลัวผู้ก่อเหตุทำอันตรายนักเรียน มีการคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตลอด (มีนักเรียนและคณะครูอยู่ในโรงเรียนประมาณ 1,700 คนและหลบซ่อนในห้องเรียนและจุดต่างๆ)


ด้าน ดร.ปุณณพร ชินบุรารัตน์ เป็นหนึ่งในทีมผู้บริหาร ของรร.ภูบดินทร์พิทยาลัย เล่าว่า ในช่วงเวลา 08.00 น.-08.30 น. ขณะที่ นักเรียน และคณะครู กำลังเข้าแถวที่หน้าเสาธงของ รร. ครูได้สังเกตเห็น ชายคนหนึ่ง ถือห่อผ้า มีพานท้ายปืน โผล่ออกมา จึงส่งสัญญาณ โค้ด 3 หมายถึง เหตุฉุกเฉิน ทำให้คณะครูทราบทันทีว่า มีเหตุร้ายขึ้น จึงรีบนำนักเรียนเข้าห้องเรียน และล็อคประตูห้องเรียนทันที พร้อมทั้งแจ้ง เหตุไปยัง สภ.หลังสวน


จากนั้นครูของโรงเรียนได้เข้าไปถามชายคนดังกล่าวว่า ต้องการอะไร ชายคนดังกล่าว อายุไม่เกิน 50 ปี ตอบว่า ต้องการรับตัวลูกชายกลับ จึงประสานงานจนพบตัวลูกชาย และสอบถามไปยัง ป้าของเด็ก ที่ลงชื่อเป็นผู้ปกครอง ชายคนดังกล่าวจึงรับลูกชายกลับไป เหตุการณ์เกิดขึ้นเพียง 10 นาที ต่อมาตำรวจเดินทางมาถึง และตรึงกำลังในพื้นที่โรงเรียน โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรืออันตรายแต่อย่างใด นอกจากความแตกตื่น ส่วนเรื่องอื่นๆขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ


ด้าน พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน กล่าวว่าหลังจากได้รับแจ้งจำนำชุดเคลื่อนที่เร็ว ติดตามชายคนดังกล่าว โดยมุ่งหน้าออกไปถนนเอเชีย 41 กำลังตำรวจอีกชุดจึงตามไปที่หมู่บ้านบ้านสวย เลขที่ 127/46 หมู่ 4 ตำบลท่ามะพลา อ.หลังสวน จ.ชุมพร เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวทรงโมเดิร์หลังใหญ่ อยู่ห่างจาก สภ.หลังสวนประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นบ้านของผู้ก่อเหตุ แต่ไม่พบตัวผูู้ปกครองและเด็ก เจ้าหน้าที่ได้ติดตามหาตัวเพื่อช่วยเหลือลูกชายที่ถูกผู้ปกครองพาตัวหลบหนีออกจากโรงเรียน เนื่องจากมีพฤติกรรมเสพยาบ้าและเกิดอาการหลอน กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายทำอันตรายลูกชายตนเอง



 ต่อมาตำรวจได้รับรายงานว่าผู้ปกครองที่ก่อเหตุ ยังขับรถวนเวียนไปทางอำเภอละแม แล้ววกกลับมาในพื้นที่อำเภอหลังสวน คาดว่าน่าจะไปบ้านย่าที่ตำบลหาดยาย แต่ยังขับหลบหนีวนเวียนไปเรื่อยๆ ตำรวจต้องไล่ตามสกัดกันวุ่นแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งผ่านไปนานกว่า 5 ชั่วโมง ตำรวจได้รับแจ้งว่าเป้าหมายได้ขับรถยนต์วกกลับมาที่บ้านในหมู่บ้านบ้านสวย ที่อยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าใหญ่ของ อ.หลังสวน



เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังเข้าปิดล้อมและนำตัวพี่ชายและแม่มาช่วยเจรจา เจ้าหน้าที่ใช้วิธีเจรจานานประมาณ 10 นาที แต่ไม่มีเสียงตอบรับออกมา พี่ชายจึงเข้าไปช่วยเจรจาภายในบ้าน โดยมีนายจิระพงษ์ยังเดินวนเวียนอยู่ภายในหน้าบ้านที่มีรั้วประตูปิดกัน ส่วนลูกชายเข้าไปอยู่ในบ้านแล้ว ต่อมาพี่ชายผู้ก่อเหตุได้นำอาวุธปืนลูกซองยาวชนิดเดี่ยวออกมามอบให้กับตำรวจ แล้วบอกว่าน้องชายตนเองมีท่าทีอ่อนลงแล้ว


จากนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถยนต์ที่ขับมาจอดอยู่หน้าบ้าน พบปืนลูกซองยาว 5 นัด วางอยู่ในรถยนต์อีก 1 กระบอก โดยทั้ง 2 กระบอก ไม่มีกระสุนอยู่ในรังเพลิง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้


 เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี่ยกล่อมกับผู้ก่อเหตุที่เข้าไปอยู่ในบ้านให้ออกมาพบกับเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่ยอมออกมาจากนั้นจึงใช้ยุทธวิธีตามหลักสากลจากเบาไปหาหนัก พูดจาเกลี่ยกล่อมไปเรื่อย แต่ผู้ก่อเหตุยังเงียบไม่ตอบรับหรือยินยอมมอบตัวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเตรียมกำลังบุกเข้าไปชาร์ท เพราะกลัวว่าผู้ก็เหตุอาจจะทำร้ายลูกชายตนเอง แต่ญาติที่มาช่วยเจรจามีท่าทีไม่พอใจ เพราะกลัวว่าจะเกิดความรุนแรง


เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพูดจาต้องทำความเข้าใจ จึงสามรถบุกเข้าไปชาร์ทจับกุมตัวไว้ได้สำเร็จ โดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืนแต่อย่างใด ส่วนลูกชายวัย 8 ปี ที่อยู่ด้วยกันภายในบ้านเจ้าหน้าที่นำตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย



เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายจิระพงษ์ มาสอบสวนที่ สภ.หลังสวน แต่ยังให้การวกวนพูดจาไม่รู้เรื่อง โดยอ้างว่า ตนเองเป็นห่วงลูกชาย หลังจากที่ตนรู้ว่ามีรถรับส่งมารับลูกชายที่บ้านย่าเพื่อไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าแล้ว จากตนเห็นทหารพม่ากำลังบุกมา และได้ยินเสียงเครื่องบินมาด้วย จึงต้องรีบนำเอาอาวุธปืนไปรับลูกชายออกมาจากโรงเรียน เพื่อความปลอดภัยของลูกชาย จากนั้นก็พาหลบหนีไปเรื่อย เนื่องจากในหัวตนมีแต่เสียงเครื่องบินบินตามอยู่ตลอดเวลา



 นายจิระพงษ์ ยังพูดจาเรื่องเปื่อยแบบคนหลอนยาเสพติด และยังบอกว่าระหว่างพาลกชายหลบหนียังมาเจอสุนัขตัดหน้าและลอยเหินข้ามรถยนต์ตนอีก จนเจ้าหน้าที่ถึงกับเวียนหัวไปตามๆกัน เมื่อถามว่าเสพยาบ้าหรือไม่ นายจิระพงษ์ตอบว่าเมื่อวานเพิ่งจะเสพไป 2 เม็ด และเสพเป็นประจำ แต่วันนี้ยังไม่ได้เสพเลย เบื้องต้นตรวจปัสสาวะพบสารเสพติด



ส่วนทางด้านคดี จะดำเนินการตามความผิดที่ก่อขึ้น อาทิ การพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ การเสพยาเสพติด ส่วนข้อหาอื่นขอดูรายละเอียดเพิ่มเติม


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายนัด ทราบว่า ชายคนดังกล่าว นั้นได้มาที่ล้ง ทุเรียนเมื่อคืนประมาณเที่ยงคืน โดยขับรถยนต์ปาเจโร มาจอดที่ล้ง ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายเอเซีย 41 ขาล่องใต้ ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร แล้วเปิดกระจกลง พร้อมตะโกนเสียงดัง ทางตนก็ได้เดินไปสอบถาม โดยชายดังกล่าว บอกว่าให้ไปเอากุญแจรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูมา เขาจะเอารถไป แล้วจะเอารถคันใหม่มาให้



นายนัด กล่าวว่า ครั้งแรกนึกว่า เป็นคนของบริษัทจริง เพราะทางบริษัทเอง จะส่งพนักงานมารับรถเอาไปเซอร์วิสตามรอบบริการ แต่ก็แปลกใจทำไมถึงมากลางคืนแบบนี้ จึงขอให้แสดงเอกสารของบริษัท ซึ่งทางชายดังกล่าว กลับโวยวายต่อว่าต่อขาน พร้อมบอกว่า ตนเป็นคนดูแลทั้งภาคใต้ แล้วก็ขับรถออกไป พร้อมตะโกนว่า ระวังกูจะกลับมาทิ้งให้หมด แล้วก็ขับวนเวียนอยู่สองรอบแล้วก็หายไป ตนจึงได้นำคลิปตากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ไปแจ้งความ สภ.เมืองชุมพร และมาทราบข่าวอีกทีเมื่อช่วงสายของวันนี้ ว่าชายคนดังกล่าว คือคนที่เข้าไปก่อเหตุสะพายปืนไปรับลูกที่ รร. ภูบดินทร์พิทยาลัย อ.หลังสวน ซึ่งห่างจากล้ง 70 กม.



สำหรับนายจิระพงษ์ มีอาชีพทำสวนทุเรียน ประมาณ 10 ไร่ ฐานะดีมากเข้าขั้นเศรษฐี สามารถซื้อรถยนต์ และบ้านในราคาหลายล้านได้ ดั้งเดิมเป็นชาวนครศรีธรรมราช ย้ายมาทำสวนทุเรียน กับพ่อแม่ที่ อ.หลังสวน เมื่อหลายสิบปีจนร่ำรวย และเลิกรากับภรรยา แต่รับเลี้ยงลูกชายไว้ มีป้าของเด็กลงชื่อเป็นผู้ปกครองที่โรงเรียน



ผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีข้อหาจำหน่ายยาเสพติดใน ปี พศ.2561 พึ่งพ้นโทษมา 3 ปี จากการตรวจค้นในห้องพักไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอย่างอื่น นอกจากอาวุธปืน ซึ่งตรวจพบในรถยนต์ที่ขับขี่ไปก่อเหตุ คือ ปืนยาวที่พกเข้าไปก่อเหตุ มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนในรถยังมี ปืนลูกซองยาว 5 นัดไม่มีทะเบียนอีก 1 กระบอก แต่ทั้ง 2 กระบอกไม่มีกระสุนในรังเพลิงแต่อย่างใด


ในขณะที่ ทางโรงเรียน ได้มอบหมายให้ นายปัณณวัฒน์ ชูมนต์ ครูที่เห็นเหตุการณ์ และเข้าไปสอบถามนายจิระพงษ์ เข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.หลังสวนเพื่อดำเนินคดี กับผู้ต้องหาต่อไป



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/7uUTGyQ9Mqc

คุณอาจสนใจ

Related News