อาชญากรรม

'รองออฟ' สามีแอม สารภาพ 2 ข้อหา คาดติดพนันออนไลน์ทั้งคู่ - 'บิ๊กโจ๊ก' ลุยเอง สอบปากคำ 'แอม' ในเรือนจำ

โดย nattachat_c

4 พ.ค. 2566

1.9K views

คุมตัวรองผู้กำกับฯ สามีแอม ส่งสมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ ผบ.ตร.-บิ๊กโจ๊ก ร่วมสอบปากคำ หลังศาลอนุมัติหมายจับ เจ้าตัวรูดซิปปาก ไม่ตอบสื่อปม เอารถนายแด้ไปจำนำ – ใช้เอกสารปลอม

บิ๊กโจ๊กเตรียมเรียกคนซื้อไซยาไนด์กว่า 100 คน ผ่านออนไลน์มาสอบปากคำ พบมี 1 ในนั้นมีนักแสดงสาวสั่งซื้อ ส่วนการสอบปากคำสามีแอมให้การรับสารภาพ 2 ข้อหาตามหมายจับ ปัดเอี่ยวฆาตกรรม เตรียมขยายผลสอบแอม ในเรือนจำวันนี้


วานนี้ (3 พ.ค. 66) พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เดินทางไปยื่นคำร้องขอศาลจังหวัดนครปฐม อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง อดีตสามีของนางสาวสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม


โดยมีรายงานว่า ขอไปทั้งหมด 4 ข้อหา คือ

  • ร่วมกันยักยอกทรัพย์
  • ร่วมกันรับของโจร
  • ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์
  • ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม


ทั้งนี้ 'บิ๊กโจ๊ก' พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้บอกว่า มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง ออกจากราชการไว้ก่อน และมีการออกหมายจับ แจ้ง 3 ข้อหา ดังนี้

  • ร่วมกันยักยอกทรัพย์
  • ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์
  • ร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร (ทะเบียนรถปลอม)


ซึ่ง พยานหลักฐานที่ปรากฎชัด ในการออกหมายจับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ อายุ 39 ปี รอง ผกก.สอบสวน สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี รวม 3 ข้อหา คือ ร่วมกันรับของโจร ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการ และร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม 


ที่ชัดเจนคือเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2566 หลังจากนายแด้ เสียชีวิต ที่ จ.อุดรธานี น.ส.สรารัตน์ หรือแอม ได้โทรศัพท์มาหา พ.ต.ทวิฑูรย์


โดยบอกว่านายแด้ ผู้ดูแลธุรกิจเงินกู้สายอีสาน เสียชีวิตจากเป็นลมหมดสติกะทันหัน การเก็บเงินลูกหนี้ต้องหยุดชะงัก ลำพังแต่แอมไม่สามารถเรียกเก็บเงินกู้จากลูกหนี้ได้


จึงชักชวน พ.ต.ท.วิฑูรย์ ให้ไปช่วยเก็บดอกเบี้ยเงินกู้ ที่จ.อุดรธานี เป็นเหตุให้ พ.ต.ท.วิฑูรย์ได้บินไป จ.อุดรธานี ตามคำขอของแอม และได้ขับรถเซฟโรเลต แคปติวา สีขาว ของนายแด้ กลับมา กทม. และนำรถไปจำนำในพื้นที่ จ.นครปฐม


การนำรถสวมทะเบียนมาใช้ ของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ยังมีหลักฐานชัดเจนอีกว่า หลังจากเกิดเหตุ แอมได้วางยาน้องก้อยเสียชีวิตที่ริมน้ำ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ในวันที่ 14 เมษายน 66 แล้ว พ.ต.ท.วิฑูรย์ ได้ขับรถไปกับแอมที่ จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ โดยใช้รถฟอร์จูนเนอร์ สีขาว สวมทะเบียนปลอม และหลังกลับจาก จ.สุโขทัย ยังไปกับแอมต่อที่หัวหิน และชะอำ โดยใช้รถสวมทะเบียนปลอมเช่นกัน


หลังจากก่อเหตุวางยา ลูกแชร์ และเหยื่อที่ร่วมทำธุรกิจสีเทาแล้ว แอมก็จะกลับไปอยู่บ้าน ที่ จ.นครปฐม โดย พ.ต.ท.วิฑูรย์ ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า พ.ต.ท.วิฑูรย์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีวางยาหรือไม่


พ.ต.ท.วิฑูรย์ ได้กู้เงิน สหกรณ์ตำรวจ จำนวน 1 ล้านบาท ส่วนหนึ่งก็ได้ให้แอม นำไปปล่อยกู้ เนื่องจากเงินเดือนไม่พอใช้ จึงทำให้หลังจากนั้น เส้นทางการเงิน มีการโอนเข้า-ออก จำนวนหลายล้านบาท


และยังมีการใช้บัญชีม้า ของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นนายดาบที่อยู่ สภ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี ซึ่ง พ.ต.ท.วิฑูรย์ เคยดำรงตำแหน่ง สว.สภ.หนองปรือ มาก่อน หลังดาบตำรวจเสียชีวิตปริศนาแล้ว ยังมีการทำธุรกรรมในบัญชี มีการโอนเงินเข้าและ ถูกถอนเงินไป 1 แสนบาท โดย พ.ต.ท.วิฑูรย์ มากับแอมเมื่อ เดือนมิถุนายนปี 2564 และกำชับไม่ให้ส่งพิสูจน์หรือให้ข่าวใดๆ


ซึ่งยังมีรายงานว่า พ.ต.ท.วิฑูรย์ และแอม ติดการพนันออนไลน์ ทั้งคู่ และมีการโอนเงินไปจ่าย ค่าติดหนี้พนันออนไลน์ นี่จึงน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ต้องก่อคดีฆาตรกรรมเหยื่ออย่างต่อเนื่อง (ยังไม่ยืนยัน)

-------------

วานนี้ เวลา 12:40 น. หลังศาลอนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ขับรถออกมาจากบ้านพักใน อ.เมือง จ.นครปฐม เพื่อมามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหา ที่ สภ.เมืองนครปฐม และเข้าพบตำรวจนับ 10 นาย ที่ห้องผู้กำกับ สภ.เมืองนครปฐม เป็นเวลาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง


เวลา 13.53 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว พ.ต.ท.วิฑูรย์ ออกจาก สภ.เมืองนครปฐม โดย พ.ต.ท.วิฑูรย์ ไม่พูดอะไร ก่อนถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจขับออกไปยังสโมสรตำรวจ โดยมีรถตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ขับตามไปด้วย


เวลา 15.10 น. ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม คุมตัว พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง หรือ รองอ๊อฟ อดีตสามีแอม มาสอบปากคำที่สโมสรตำรวจ โดยเมื่อมาถึงนักข่าวพยายาม พ.ต.ท.วิฑูรย์ ว่ามีอะไรจะชี้แจงหลังถูกออกหมายจับหรือไม่


นักข่าวถามอีกว่า เครียดหรือไม่ในการออกหมายจับ / ข้อเท็จจริงในการไปอุดรไปทำอะไร ไปรับแอมหรือไม่และได้เป็นผู้เอารถนายแด้ ไปจำนำหรือไม่ / ยอมรับในข้อกล่าวหาที่ถูกออกหมายจับหรือไม่ / รู้เห็นกับแอมในการเอารถไปจำนำหรือไม่  


ซึ่ง พ.ต.ท.วิฑูรย์ ไม่ตอบคำถามใดๆ โดยมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนตำรวจจะคุมตัวเข้าห้องสอบสวนทันที


เวลา 19.40 น. พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ เพื่อสอบปากคำ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ด้วยตัวเอง พร้อมยืนยันว่า จะคัดค้านประกาศประกันตัว และคาดว่าจะได้ไม่ได้ประกันตัวแน่

-------------
วานนี้ (3 พ.ค. 66) เวลา 19.40 น. ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ก่อนเข้าไปสอบปากคำ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง อดีตสามีของนางสาวสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม หลังศาลจังหวัดนครปฐม อนุมัติหมายจับ 2 ข้อหา ร่วมกันรับของโจร ,ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารทางราชการและใช้เอกสารราชการปลอม


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่า หลังจากสอบสวนเสร็จแล้ว ก็จะคุมตัวไปส่งที่สภ.เมืองนครปฐม และพนักงานสอบสวนจะคุมตัวขออำนาจศาลจังหวัดนครปฐมฝากขังในวันนี้ (4 พ.ค.) พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ส่วนในข้อหาอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และพฤติการณ์ที่อาจจะเข้าข่ายความผิด ซึ่งหากพบก็จะแจ้งข้อกล่าวหาได้ในภายหลัง


สำหรับคดีที่เกิดขึ้นพบว่ามี 15 คดี ขณะนี้ยังให้พนักงานสอบสวนแต่และพื้นที่ดำเนินการสืบสวน และขอศาลออกหมายจับให้ครบถ้วนก่อน หลังจากนั้นก็จะนำสำนวนและพนักงานสอบสวนของแต่ละสถานีตำรวจมาร่วมกันทำคดี โดยให้รวมที่กองปราบปรามเป็นคดีเดียว เพื่อความสะดวกในการฟ้องร้องคดีต่อศาลอาญา และผู้พิพากษาจะได้เห็นความต่อเนื่องพฤติการณ์ของผู้ต้องหา


นอกจากนั้นกำลังตรวจสอบอีก 2 เหตุในพื้นที่ สภ.ภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น และ สภ.เมืองนครปฐม ซึ่งผู้เสียชีวิตเป็นตำรวจทั้ง 2 เหตุ ว่าจะเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมของนางสาวแอม หรือไม่

ขณะที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับนางสาวแอม เพิ่มอีก 3 ข้อหา คือ ยักยอกทรัพย์ รับของโจร และปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม ซึ่งพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ จะเข้าไปสอบปากคำนางสาวแอม และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ในทัณฑสถานหญิงกลาง
-------------
วานนี้ (3 พ.ค. 66) พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าวันนี้ได้มีการเรียกประชุมคณะทำงานคลี่คลายคดี แอม ไซยาไนด์ ทั้งหมดในทุกพื้นที่เกิดเหตุ ทั้งจากตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจภูธรภาค 7 กองปราบปราม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช ซึ่งจะเป็นการรวมคดีในทุกท้องที่เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและสำนวนมีความแน่นหนา เนื่องจากผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ และขอต่อสู้คดี


ทั้งนี้ จะมีคำสั่งให้รวมสำนวนคดีทุกพื้นที่ไว้ที่กองปราบปราม กองบัญชาการสอบสวนกลางด้วย และมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนโดยตำแหน่ง เนื่องจากกองปราบฯ อยู่ในเขตอำนาจสอบสวนของศาลอาญา จะทำให้การทำสำนวนมีความรัดกุมและเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น ส่วนการออกหมายจับคนใกล้ชิดของนางแอมที่เป็นตำรวจนั้น ยืนยันว่าจะมีความชัดเจนในการแถลงข่าวช่วงบ่าย


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีโดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบความเชื่อมโยงจากการเสียชีวิตของผู้เสียหาย 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย รวมเป็น 15 รายปัจจุบันออกหมายจับแล้ว 14 คดียังมีสงสัยอีก 2-3 คดี


โดยที่ประชุมลงมติให้โอนทั้ง 14 คดีให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการ โดยมีหัวหน้าคณะสืบสวน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และในคณะประกอบด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ,พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ,พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โดยผบ.ตร.สั่งให้เร่งรัดดำเนินการทุกวัน ทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้พยานหลักฐานที่แน่นหนาในการเอาผิดกับผู้ต้องหา


ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่าผู้เสียหายทั้ง 15 รายแอมใช้สารพิษไซยาไนด์ทั้งหมดไม่ว่าในรูปแบบเป็นน้ำ อาหาร ยาเม็ดแคปซูล ปัญหาการเงินมูลเหตุจูงใจในการฆ่า ใช้วิธีการโอนเงิน ทั้งแบบหลอกรับจำนำรถยนต์ ขอกู้ยืม เพราะแอมล้มเหลวด้านการเงิน มีหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก ทั้งนี้สอดคล้องกับข้อมูลจากการตรวจค้นที่บ้านพักพี่สาวแอมที่พบแคปซูลเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในแคปซูลมีการปนเปื้อนสารไซยาไนด์

--------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/lxPqSpT_7IU

คุณอาจสนใจ

Related News