แม่ของทราย เหยื่อแอมรายที่ 15 เข้าให้ปากคำ เชื่อลูกถูกฆาตกรรม ต้องการให้รับโทษสูงสุดคือประหาร

แม่ของทราย ซึ่งเป็นเหยื่อแอมรายที่ 15 เข้าให้ปากคำกับชุดทำงานของบิ๊กโจ๊ก เชื่อแอมฆาตกรรมลูกสาวอย่างแน่นอน พร้อมต้องการให้แอมรับโทษสูงสุดคือประหารชีวิต

นางลัดดา ชาวจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นแม่ของนางสาวมณฑาทิพย์ หรือ ทราย ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม ปี 2558 เดินทางมายัง สโมสรตำรวจ เพื่อให้ปากคำกับตำรวจชุดทำงานของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังสงสัยว่าลูกสาวอาจถูกตกเป็นเหยื่อนางสรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาในคดีวางยาไซยาไนต์ฆาตกรรม นางลัดดาเปิดเผยว่า ก่อนลูกสาวเสียชีวิต ลูกสาวได้เดินทางกลับจากอเมริกาหลังไปอยู่กับสามีชาวต่างชาติ และเมื่อมาถึงประเทศไทย แอมก็มารับลูกสาวของตนจากสนามบินสุวรรณภูมิแล้วไปด้วยกัน หลังจากนั้นลูกสาวตนก็เสียชีวิต แม้ไม่เห็นพฤติกรรมว่าแอมใช้วิธีอะไรฆาตกรรมลูกสาวตน แต่ตนเชื่อว่าแอมเป็นผู้กระทำ วันนี้ยอมรับว่าสบายใจที่ บิ๊กโจ๊ก รับดูแลคดีของลูกสาวตนแล้ว และตนจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกสาว และอยากให้แอมรับโทษสูงสุดคือประหารชีวิต

โดยก่อนหน้านี้แม่ของทรายได้มาเปิดใจในรายการโหนกระแส ของคุณหนุ่มกรรชัย บอกว่าสาเหตุที่ไม่ติดใจการเสียชีวิต ของลูกสาวเพราะไม่เห็นข่าว จนกระทั่งมาเห็นข่าวการตายของสารวัตรปู ที่หน้าองค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม พบว่าการเสียชีวิตคล้ายกับลูกสาวของตน ที่ตกลงมาจากเตียง และลูกสาวของตนก็มีเพื่อนชื่อแอม เหมือนกับสารวัตรปู ส่วนสภาพศพของลูกสาวก็ผิดปกติ เพราะใบหน้าเขียวคล้ำ และ น้ำลายฟูมปาก ทั้งนี้พฤติกรรมของแอมจะไปตีสนิทกับลูกสาวแล้วชักวนให้เล่นแชร์ และมีการยืมเงินลูกสาวตนหลายครั้ง โดยหลังลูกสาวเสียชีวิตแอมไม่เคยมางานศพ และทรัพย์สินของลูกสาวก็หายไปหลายอย่าง ทั้งพระเลี่ยมทอง บัตรเอทีเอ็มของลูกสาว 5 ใบ ก็ไม่เหลือเงิน

รวมทั้งแอมยังไปแอบเป็นผู้จัดการมรดก ที่บ้านพักของลูกสาวในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐมโดยอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากปีเตอร์ สามีต่างชาติของลูกสาว และ ได้นำทรัพย์สินในบ้านไปประมูลขายจนหมด

ส่วนความคืบหน้าของคดี ในวันพรุ่งนี้ บิ๊กโจ๊ก จะเรียกประชุมทีมคลี่คลายคดี เพื่อสรุปคดีทั้งหมดอีกครั้ง หลังจากที่มีการมอบหมายงานให้ตำรวจแต่ละท้องที่ ที่มีการเสียชีวิตและพัวพันกับแอมเร่งสอบสวนพยานหลักฐานเพื่อยืนยันการกระทำผิด รวมถึงจะมีการสรุปว่ามีผู้เสียหายรายใหม่ เข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมหรือไม่

นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้มอบหมายให้นายเจริญ โพชะโน เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯและคณะเจ้าหน้าที่ เดินทางเข้าแจ้งสิทธิเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาแก่นางลัดดา อายุ 64 ปี แม่ของ น.ส.มณฑาทิพย์ ทราย อายุ 37 ปี ซึ่งกำลังเข้าให้การในฐานะพยานกับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จากกรณีที่บุตรสาวเสียชีวิตเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยคาดว่าเป็นการกระทำของ น.ส.สรารัตน์ หรือ แอม ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน และข้อหาลักทรัพย์

นายเจริญ กล่าวว่า สำหรับกรณีของคุณทราย หรือ น.ส.มณฑาทิพย์ วันนี้ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้มาเรียนแจ้งสิทธิที่ญาติและครอบครัวของผู้เสียหายในคดีอาญาจะได้รับตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา  ประกอบด้วย 1.กรณีผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยา 110,000 บาท ค่าเสียชีวิตไม่เกิน 50,000 บาท ค่าทำศพไม่เกิน 20,000 บาท ค่าขาดผู้อุปการะเลี้ยงดูไม่เกิน 40,000 บาท 2.กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาลจ่ายไม่เกิน 40,000 บาท ค่าฟื้นฟูร่างกายไม่เกิน 20,000 บาท ค่าหยุดประกอบอาชีพ ให้ใช้ค่าแรงขั้นต่ำ จังหวัดชลบุรี วันละ 356 บาท X จำนวนวันหยุดประกอบอาชีพ และค่าเสียหายอื่นๆอีกไม่เกิน 50,000 บาท อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไป ทางกรมฯ จะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาว่าจะมีการจ่ายเพิ่มเติมหรือไม่

นายเจริญ กล่าวอีกว่า ส่วนหลักฐานเบื้องต้นที่ทางญาติต้องมอบให้กับเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ คือ ใบแจ้งความ และใบแจ้งสิทธิ ซึ่งใบแจ้งสิทธินี้มีความสำคัญ เนื่องจากจะเป็นเอกสารที่อยู่ในรายงานการสอบสวน ของพนักงานสอบสวน และถ้าหากตำรวจมีการระบุว่าผู้เสียชีวิตหรือผู้เสียหายในคดีอาญา (ในกรณีนี้คือคุณทราย) ไม่มีส่วนในการกระทำความผิดร่วมด้วยกับผู้ต้องหาในคดี คณะกรรมการจะได้พิจารณาว่าเข้าองค์ประกอบหรือไม่อย่างไร

ส่วนทางญาติผู้เสียหายจะมอบหลักฐานมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของญาติ แต่วันนี้เรามาในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อแจ้งสิทธิให้ได้รับทราบ ทั้งนี้ สำหรับกรณีเหยื่อรายอื่นๆที่มีคดีความเกิดขึ้นตามท้องที่ในต่างจังหวัด ทราบเบื้องต้นว่าทางยุติธรรมจังหวัดนั้นๆ จะมีการลงไปเพื่อแจ้งสิทธิแก่ญาติผู้เสียหายเช่นเดียวกัน