อาชญากรรม

ปริศนา สาววูบดับขณะปล่อยปลา ญาติเชื่อถูกฆาตกรรมอำพราง พิรุธเพื่อนสนิทรู้เห็นแต่ไม่ช่วย

โดย thichaphat_d

24 เม.ย. 2566

1.7K views

ครอบครัวน้องก้อย สาวหายตัวปริศนาจนพบเป็นศพ เชื่อถูกฆาตกรรม มีเพื่อนสนิทรู้เห็น ขณะที่ทีมข่าวพบข้อมูลมีบุคคลเสียชีวิตปริศนาลักษณะคล้ายกับสาวรายนี้ อีก 5 ราย ทุกคนจะโดนยืมเงินก่อน แล้วก็เสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน


กรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดกาญจนบุรี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 09:00 น. ที่ท่าน้ำบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ในขณะลงไปปล่อยปลา

ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นที่จับตาของสังคมว่าเกิดอะไรขึ้นกับการเสียชีวิตปริศนาของนางสาวก้อย เนื่องจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดกลับพบว่าเพื่อนสนิทที่ไปด้วยนั้นเห็นเหตุการณ์ว่านางสาวก้อยเป็นลมวูบหมดสติไป แต่กลับไม่ให้การช่วยเหลือและขับรถหนีออกไป

เวลาผ่านไปหลายวันก็ยังไม่พบว่า สาเหตุที่นางสาวก้อยเสียชีวิตปริศนานั้น เกิดจากมีสารพิษหรือมีอย่างอื่นปะปนไปในร่างกายจนทำให้เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันหรือไม่ โดยทางครอบครัวได้ไปร้องเรียนที่กองปราบปรามให้ช่วยลงมาคลี่คลายคดี และส่งศพไปชันสูตร ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ

ทีมข่าวลงพื้นที่ไล่เรียงเหตุการณ์ พบว่า กล้องวงจรปิดที่ท่าน้ำบริเวณ ศาลาประชาคม มีกล้องวงจรปิดหลายตัว ทำให้เห็นเหตุการณ์ก่อนที่นางสาวก้อยจะเสียชีวิต

โดยภาพกล้องวงจรปิดนี้จะเห็นตั้งแต่นางสาวก้อยขึ้นรถยนต์โตโยต้า วีออส มาพร้อมกับเพื่อนคนสนิทนางสาว “อ” จากนั้นนางสาวก้อยก็ลงจากรถและเดินถือถุงปลา เพื่อจะไปปล่อยที่ท่าน้ำ ส่วนนางสาว “อ” ไม่ได้ลงไปที่ท่าน้ำด้วย แต่กลับเดินวนเวียนไปมามีท่าทางล้ายรออะไรบางอย่าง

จากนั้น นางสาว “อ” ก็เดินมาส่องดูว่านางสาวก้อยลงไปที่ท่าน้ำแล้วหรือยัง จากนั้นก็เดินลงไปที่ท่าน้ำ ดูว่านางสาวก้อยปล่อยปลาแล้วหรือยังและเดินกลับขึ้นมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือ iPhone 14 ของนางสาวก้อย และผ่านไปไม่นานก็พบว่านางสาวก้อยมีอาการเป็นลมหมดสติ คนที่ปล่อยปลาอยู่ใกล้เคียงได้เข้ามาช่วยพยุงร่างขึ้นมานอนพักที่ท่าน้ำ พยายามปฐมพยาบาล

ส่วน นางสาว “อ” กลับเดินออกมาโดยไม่สนใจและมีช่วงจังหวะหนึ่ง เดินผ่านกล้อง มีท่าทางชำเลืองมองลงไปที่ท่าน้ำ เห็นร่างของนางสาวก้อยกำลังถูกปฐมพยาบาลอยู่จากนั้นนางสาว “อ” ก็เดินขึ้นรถขับรถออกไปอย่างใจเย็น

โดยคนที่ปฐมพยาบาลอยู่นั้น ไม่มีใครรู้ ว่านางสาวก้อยเป็นใครชื่ออะไรและโทรศัพท์ที่ตกอยู่ข้างตัวนั้นก็พบว่าเป็นโทรศัพท์เปล่าที่ไม่มี ซิมการ์ด

ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ตรวจสอบการเสียชีวิตปริศนาของนางสาวก้อยโดยไปที่ท่าน้ำที่เกิดเหตุ ได้พบกับนายประธาน ซึ่งเป็นพลเมืองดี ที่เข้าไปช่วยนางสาวก้อยขณะเกิดเหตุ เล่าว่า ตอนนั้นตนเองขายของอยู่ใกล้กับท่าน้ำ แล้วได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนขึ้นหนึ่งครั้งว่า มีคนเป็นลมซึ่งตนก็มองไปที่ท่าน้ำแล้วเห็นว่ามีการกำลังช่วยเหลือ จึงวิ่งลงไปและช่วยปฐมพยาบาล และก็มีพลเมืองดีเป็นผู้หญิงอีกหนึ่งคนเข้ามาช่วยเอายาดมให้ดม และ ประสานรถพยาบาล 1669 เข้าช่วยเหลือ

ขณะนั้นนายประธานบอกว่า ไม่มีใครรู้ว่าหญิงคนนี้เป็นใครและมากับใคร มารู้ภายหลังจากข่าวว่ามากับเพื่อน แล้วเพื่อนเดินหนีไป และไม่ได้มีท่าทีเข้ามาช่วยเหลือหรือวิ่งลงมาตรวจสอบหรือเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่เหมือนปกติ

“โดยส่วนตัวแล้วหากเป็นเพื่อนที่มาด้วยกัน หรือไม่ได้เป็นเพื่อน แล้วมาพบว่าคนอื่นประสบเหตุเป็นลมหมดสติอยู่แบบนี้ทุกคนก็จะเข้าช่วยเหลือ แต่หญิงคนนี้กลับเดินหนีไปตามภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกได้ โดยส่วนตัวผมก็ว่าแปลก”

ขณะที่ทำการปฐมพยาบาลนั้นคุณประธาน เล่าว่า นางสาวก้อย มีอาการหายใจถี่และรัวจากนั้นก็หายใจเฮือกสุดท้าย ก่อนที่จะไม่พบว่ามีชีพจรแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยและรถโรงพยาบาลก็มาถึงและนำไปส่งรักษาที่โรงพยาบาลบ้านโป่งก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว

โดยส่วนตัวคุณประธานที่เข้าไปช่วยบอกว่าคดีนี้มีพิรุธด้วยความสงสัยของตนเองตั้งแต่

1.เพื่อนสนิทพี่มาด้วยกลับไม่ช่วย

2.การเดินผ่านและชำเลืองมองจากกล้องวงจรปิด ไม่เหมือนกับคนรู้จักกัน ถึงไม่เข้าใจเหตุใดจึงกระทำเช่นนั้นทั้งๆ ที่เพื่อนตนเองเป็นลมอยู่ แต่ทั้งนี้ก็รอดูว่าตำรวจจะดำเนินการเช่นไร และอยากทราบผลว่านางสาวก้อยเสียชีวิตนั้นแท้จริงแล้วเสียชีวิตจากอะไรกันแน่

ด้านนางทองพิณ เกียรชนะสิริ อายุ 63 ปี แม่ของนางสาวก้อยเปิดใจทั้งน้ำตาว่า อยากขอความยุติธรรมให้กับลูกสาว เพราะตอนนี้เชื่อว่าการเสียชีวิตของลูกสาว เป็นการฆาตกรรมแน่นอน เพราะก่อนที่ลูกจะออกจากบ้านก็พบว่าลูกมีร่างกายแข็งปกติและไม่เคยป่วยไม่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวโรคหัวใจ เป็นคนแข็งแรง

วันเกิดเหตุก้อย ก็บอกแม่ว่าจะไปทำธุระโดยขับรถยนต์โตโยต้า ยาริส ของญาติ ออกไปในช่วงเช้าจากนั้นก็ขาดการติดต่อจนกระทั่งพี่สาวได้รับทราบจากการ แชร์ภาพทาง Facebook และข้อความตามหาญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งพอเปิดภาพดูก็พบว่าเป็นลูกสาวแม่จริงๆ ตอนนั้นแม่ก็ตกใจมากทุกคนรีบไปที่โรงพยาบาลบ้านโป่ง และพบว่านางสาวก้อยเสียชีวิตอยู่ลำพัง ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่พื้นที่อำเภอบ้านโป่งได้อย่างไร

จนกระทั่งครอบครัวได้ติดตามหากล้องวงจรปิด และมาพบว่าในกล้องวงจรปิด ซึ่งเพิ่งติดตั้งใหม่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้เพียง 3 วัน พบว่ากล้องตัวนี้ บันทึกภาพหญิงผมยาวลักษณะคล้ายหญิงสูงวัยคนหนึ่งเดินผ่าน และชำเลืองมองตอนที่ลูกสาวเป็นลมหมดสติอยู่ที่ท่าน้ำ แต่หญิงคนนี้ไม่ได้มีท่าที เข้าไปช่วยตอนนั้นแม่บอกว่า ไม่รู้ว่าคนนี้คือนางสาว “อ” เพื่อนของลูกสาว จึงไม่ได้สนใจ และทางครอบครัวก็ไม่ได้สนใจว่านางสาว “อ” จะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลูก

จนกระทั่งตำรวจโทรมาแจ้งวันที่ 16 เมษายน ว่า ขณะนี้รู้ตัวแล้วว่าคนที่พาลูกสาวของแม่ไปในพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง และไปปล่อยปลานั้นคือนางสาว “อ” ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท แม่ก็ตกใจช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าทำไมเพื่อนสนิทแท้ๆ ถึงไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกว่าก้อยเสียชีวิตและไปด้วย แต่กลับโกหกครอบครัวและปล่อยให้ครอบครัวออกตามหาเอง

ซึ่งนางสาวก้อย และนางสาว “อ” เป็นเพื่อนสนิทกันและรู้จักกันทั้งครอบครัว นางสาว “อ” เคยยืมเงินลูกสาวจำนวน 50,000 บาท ไม่รู้คืนหรือยัง และครั้งล่าสุดก็ไม่รู้ว่ายืมกันอีกหรือไม่ เพราะเขาคุยกันอยู่สองคนไม่ได้บอกแม่ และการไปปล่อยปลาครั้งนี้ทางบ้านก็ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าจะไปปล่อยปลาจนมาพบว่าเป็นศพ

“แม่เชื่อว่าการเสียชีวิตครั้งนี้ลูกสาวแม่ถูกฆาตกรรมแน่นอน จึงอยากร้องขอตำรวจ สื่อมวลชนและทุกหน่วยงาน คุณหมอช่วยตรวจสอบร่างของลูกสาวว่ามีสารพิษหรือสารอันตรายใด ที่ทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตหรือไม่ เพราะไม่เชื่อว่าลูกสาวจะเสียชีวิตจากโรคหัวใจวายเฉียบพลัน”

ทางด้านนางสาวส้ม พี่สาวให้ข้อมูลว่าหลังจากที่รู้ว่าก้อย น้องสาวเสียชีวิต จากข้อมูลการแชร์ภาพทาง Facebook ก็รีบโทรสอบถามนางสาว “อ” เพราะเป็นเพื่อนสนิทว่ารู้เรื่องการเสียชีวิตของน้องสาวหรือไม่ เพราะเสียชีวิตในพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง ซึ่งเป็นพื้นที่อาศัยของนางสาว “อ”

แต่นางสาว “อ” กลับตอบว่าไม่รู้เรื่องและไม่ได้อยู่ในพื้นที่ตั้งแต่วัน 14 -16 เมษายน ตอนนั้นก็เชื่อว่า นางสาว “อ” ไม่รู้เรื่องจริงๆ และตลอดเวลานั้น นางสาว“อ” จะแชทและโทรถาม เป็นห่วงตลอด เหมือนไม่รู้เรื่องอะไร ตอนที่ครอบครัวไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็เห็นภาพ นางสาว “อ” แต่ไม่เชื่อ ว่าใช่ เพราะดูสูงวัย และเปลี่ยนไปมาก

แต่วันที่ 16 เมษายน ตำรวจได้โทรมาแจ้งว่าหญิงสาวที่สงสัยในกล้องวงจรปิด และพบว่าได้เดินมาชำเลืองมองตอนที่นางสาวก้อยเป็นลมหมดสติคือนางสาว “อ” ตอนนั้นยอมรับว่าช็อก เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางสาว “อ” จึงต้องปกปิดทุกอย่าง พร้อมตั้งประเด็นการเสียชีวิตของน้องสาว ว่า

1. การเสียชีวิตของนางสาวก้อยนั้นไม่ได้ไม่ได้จงใจจะกล่าวหาว่าใครทำให้น้องสาวเสียชีวิต แต่เป็นไปไม่ได้ที่น้องสาวจะเสียชีวิตจากโรคหัวใจวายเฉียบพลันแต่กลับมาพบพิรุธของนางสาว”อ”ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท

2. นางสาว “อ” โกหก และหลอกห่วงใยครอบครัวทำไม ทั้งที่รู้แก่ใจว่า น้องสาวตาย เพราะไปกับตัวเอง โดยพบว่า ก่อนวันเกิดเหตุ นางสาว “อ” มาหาที่บ้าน คุยกับน้องสาวเป็นชั่วโมง แชทชวนน้องสาวไปปล่อยปลาและทำพิธีบางอย่างจากนั้นก็บอกน้องสาวว่าอย่าบอกใครให้มาคนเดียวจากนั้นนางสาวก้อยก็เดินทางไปพบที่จังหวัดราชบุรี

3. เมื่อไปถึง มีการเปลี่ยนรถโดยให้ก้อยจอดรถทิ้งไว้แล้วไปรถของนางสาว “อ” จากนั้นก็พากันปล่อยปลา

4. ช่วงที่นางสาวก้อยลงไปปล่อยปลานั้นพบว่าในกล้องวงจรปิดจะเห็นว่านางสาวก้อยไม่มีท่าทางอ่อนเพลีย หรือมีอาการป่วยใดใดทั้งสิ้น ส่วนนางสาวออซึ่งเป็นคนชวนน้องสาวไปปล่อยปลาแต่กลับไม่ลงไปที่ท่าน้ำด้วย ซ้ำยังมีท่าทางพิรุธด้วยการเดินขึ้นไปบนศาลาประชาคมแล้วเดินวนไปมาคล้ายรออะไรบางอย่าง

5. เมื่อรู้ว่าน้องสาวเป็นลมแล้วก็เดินลงไปที่ ท่าน้ำ แต่ไม่ได้ช่วยเหลือกลับนำโทรศัพท์มือถือของน้องสาวไปและสลับโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งซึ่งไม่ได้ใส่ซิมการ์ดไว้ จากนั้นก็เดินขึ้นมาจากท่าน้ำและเดินไปที่รถก่อนที่จะขับรถออกไปโดยไม่สนใจว่าน้องสาวของตนจะเป็นอย่างไร

6. ข้อพิรุธคือพบว่านางสาวออนำทรัพย์สินของน้องสาวทั้งโทรศัพท์มือถือกระเป๋าแบรนด์เนม เงินสดในกระเป๋าประมาณ 50,000 บาทเครื่องสำอางยี่ห้อดังที่ติดตัวไป นำไปทิ้งขยะและตอนนี้ก็ไม่พบทรัพย์สินเหล่านี้ โดย นางสาว “อ” ให้เหตุผลว่า ที่นำไปทิ้งขยะเพราะรีบเดินทางไป ตางจังหวัด และคิดว่า นางสาวก้อยฟื้นจะขึ้นมาเก็บ ซึ่งเหตุผลนี้ นางสาวส้ม บอกว่า ฟังไม่ขึ้น หากใครที่ได้รับชมข่าวหรือติดตามเรื่องนี้ก็ดูออกว่ามีพิรุธและเงื่อนงำในการเสียชีวิตของน้องสาว

ส่วนเหตุผลที่มีการยืมเงินกันนั้น พบว่า นางสาว “อ” มีปัญหาเรื่องเงิน เพราะเคยเป็นท้าวแชร์และทำธุรกิจเงินกู้นอกระบบ แต่ถูกโกงทำให้หมดเงินไปหลายล้านบาท หมุนเงินไม่ทันจึงชักชวนน้องสาวและคนในครอบครัวที่มีเงินนำไปปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยนางสาว “อ” จะเป็นคนดูแลให้ แต่น้องสาว และครอบครัวไม่ลงทุนด้วย แต่ให้ยืมเงิน

นางสาวส้ม บอกว่า นางสาว “อ” ถือว่าเป็นบุคคลอันตรายมาก เพราะมีบุคคลที่เข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับนางสาว “อ” จะถูกยืมเงินตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสนไปจนถึงบางรายก็มีการนำทรัพย์สินมีค่า ให้นางสาว “อ” ยืมไปใช้ทำธุรกิจก่อน

เมื่อรายใดให้ยืมแล้ว จากนั้นไม่นานก็จะเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งพบว่าขณะนี้มีผู้เสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน และทุกรายมีนางสาว “อ” มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อยากบอกนางสาว “อ” ว่า เวรกรรมมีจริง ไม่ช้าก็เร็ว



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/LnRyHcft5Os

คุณอาจสนใจ

Related News