อาชญากรรม

เร่งล่า ‘ไอ้ตาล’ ฆาตกรโหดฆ่าฝังดินศพนายจ้าง - แม่ไหว้ขอโทษญาติคนตาย เผยอยากให้ ตร.ยิงลูกให้ตาย

โดย nattachat_c

20 เม.ย. 2566

155 views

จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรน้อย พบศพ นายโรจน์นฤเบศร์ อายุ 53 ปี ผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง ถูกฆ่าอำพรางฝังดินภายในบ้านพัก ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี


ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบชายต้องสงสัย คือ นายทัศพงษ์ สุพรมอินทร์ หรือตาล อายุ 32 ปี ลูกจ้างคนงานซ่อมแซมหอพัก ที่ผู้เสียชีวิตรับมาทำงานด้วยได้เพียง 1 เดือน เป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆาตกรรม ก่อนจะล็อกกุญแจบ้าน พร้อมกระเป๋าสะพายขึ้นแท็กซี่หลบหนีไป


ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณตรงข้ามมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร กทม. ซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพคนร้ายได้ เมื่อเวลา 16.08 น.ของวันที่ 18 เม.ย.66 แท็กซี่คันสีส้มได้จอดส่งคนร้าย ก่อนที่คนร้ายจะเปิดประตูด้านหน้าแล้วลงจากรถไป


ส่วนกล้องตัวที่ 2 เป็นกล้องบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยศรีประทุม จับภาพคนร้ายได้เมื่อเวลา 17.05 น. คนร้ายเดินสะพายกระเป๋าเป้เดินไปแบบเรื่อย ๆ

-----------

วานนี้ (19 เม.ย. 66) ตำรวจ สภ.ไทรน้อย ได้รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 216/2566 ลงวันที่ 18 เม.ย.2566 เพื่อจับกุมตัวนายทัศพงษ์ สุพรมอินทร์ อายุ 32 ปี ใน 2 ข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย


พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี และทีมสืบสวน สภ.ไทรน้อย สืบสวนภูกธรจังหวัดนนทบุรี สืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 เข้าร่วมประชุมเพื่อเร่งรัดติดตามจับกุมตัวคนก่อเหตุ โดยชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตามบ้านญาติ และเพื่อนสนิท เพื่อเร่งติดตามจับกุมตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมก่อเหตุอย่างเหี้ยมโหด คาดว่าจะได้ตัวในไม่ช้า


พล.ต.ต.ไพศาล  เผยว่า คนร้ายเป็นช่างก่อสร้าง จึงมีความสนิทกันมากกว่าคนทั่วไป ผู้ต้องหารู้จักกับผู้ตายมานานพอสมควร และในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้เข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้น คือ ผู้ตายมีห้องพักให้เช่า คนร้ายก็เป็นช่างปูน ช่างก่อสร้าง หากทางหอพักจะซ่อมแซมหรือมีอะไรเสียหาย ผู้ต้องหาก็จะเป็นช่างประจำหอพัก


บ้านที่เกิดเหตุผู้เสียชีวิตพักอยู่คนเดียว โดยได้ประสานญาติจะเข้าไปตรวจสอบพร้อมกันอีกครั้ง ส่วนประเด็นการสังหารคาดว่าเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกันและประสงค์ต่อทรัพย์ วันที่ลงมือฆ่าเป็นวันที่ 16 เมษายน ช่วงเย็น  รายละเอียดอยู่ระหว่างสอบสวน จากการตรวจสอบพบคราบเลือดอยู่บนบ้าน และหลังบ้านเรือนไทยเล็กๆ ตรงที่พบศพ มีการเอาก้อนกรวดปิดบังไว้


สาเหตุการเสียชีวิตต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพจากแพทย์ก่อน สภาพศพที่เจอก็เริ่มเน่าแล้วมีการเปื้อนดินไม่สวมเสื้อผ้า ยังไม่พบอะไรที่เป็นอาวุธ ซึ่งต้องรอให้หมอชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด

------------

วานนี้ (19 เม.ย.) เวลา 14.30 น. ส.ท.จรูญ ขุนวิชัย อายุ 63 ปี คนขับแท็กซี่ สีส้ม เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.ไทรน้อย ซึ่งเป็นแท็กซี่คันที่นายทัศพงษ์ สุพรมอินทร์ หรือตาล อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาเรียกใช้บริการเพื่อหลบหนี หลังก่อเหตุฆ่านายจ้างแล้วอำพรางฝังดินอย่างโหดเหี้ยม


ส.ท.จรูญ เผยว่า ตนเข้าพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยให้ปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น พร้อมเล่าว่า คนร้ายยกมือโบกรถ พอตนเห็นก็ชะลอรถจอด เขาก็วิ่งข้ามถนน วิ่งผ่านหน้ารถมาเปิดประตูข้างซ้ายข้างคนขับนั่งคู่กับตน ตนก็ขับรถออกรถไป


คนร้ายบอกว่าไปดินแดง ตนก็ขับรถไปตามปกติ สักพักคนร้ายบอกให้ไปส่งประชาสงเคราะห์ 29 ตนเองขับรถผิดเลนโดยขับขึ้นสะพานข้ามถนนราชพฤกษ จริง ๆ ต้องไปซ้ายเพื่อจะไปสะพานพระราม 5 แต่ตนดันขับขึ้นสะพานข้ามถนนราชพฤษ จึงต้องไปขึ้นสะพานพระราม 4 ตนบอกคนร้ายว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวลดราคาให้


ทั้งนี้ ตนได้ขับผ่านเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ผ่านศูนย์ราชการ ไปถึง ม.ราชภัฏพระนคร คนร้ายบอกว่าเดี๋ยวขอลง ตนก็บอกว่ายังไม่ถึงเลย ยังไม่ถึงสุทธิสาร สะพานควาย คนร้ายก็บอกว่าเพื่อนเขาเยอะแถวนี้จะลง ตนจึงจอดรถ  พอจอดกระเป๋าสะพายอยู่ข้างซ้ายเขาก็ล้วงเงิน มิเตอร์ ขึ้น 235 บาท คนร้ายก็ล้วงกระเป๋าหยิบแบงค์ 500 ออกมายื่นให้ ตนทอนคืนเขาไป 265 บาท


หลังจากนั้น คนร้ายก็เปิดประตูรีบลงจากรถไป ตนมาทราบเรื่อง เพราะเจ้าของอู่แท็กซี่โทรไปบอกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรไปที่บ้านว่า แท็กซี่ได้รับผู้โดยสารฆ่าคนตายไปส่งที่ไหน ตนจึงโทรกลับไปหาตำรวจเพื่อจะเข้าให้ปากคำ


ตอนนี้ตนเองมาแสดงตัวแล้ว รู้สึกตกใจเพราะเดี๋ยวนี้ไม่คิดว่าคนจะใจร้ายขนาดนี้มีอะไรก็คุยกัน ขาดเหลืออะไรก็คุยกัน ไม่พอใจก็หนีไปเท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องลงมือทำร้ายร่างกายฆ่ากันตายแบบนี้เลย
------------

วานนี้ (19 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังหอพักแห่งหนึ่งในซอยร่วมใจ หมู่ 3 ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นหอพักที่นายทัศพงษ์ สุพรมอินทร์ หรือตาล ก่อเหตุเหตุอาศัยอยู่


โดยพบว่าหอพักแห่งนี้มีจำนวน 2 ชั้น ชั้นละ 7 ห้อง ซึ่งนายทัศพงษ์ ผู้ก่อเหตุพักอาศัยอยู่ที่ห้อง B7 ซึ่งอยู่ชั้น 2 ห้องซ้ายสุดของหอพัก ถูกเปิดประตูทิ้งไว้ ภายห้องพักเต็มไปด้วยกองเสื้อผ้า กองขยะถุงอาหารสำเร็จรูป ขวดน้ำอัดลม และขวดเหล้าขาว ในสภาพสกปรกรกรุงรัง


จากการสอบถามนายติบ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี คนเช่าห้องพัก ซึ่งอยู่ติดกับห้องผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงกลางคืนประมาณ 2 ทุ่ม วันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้เจอกับนายตาล ผู้ก่อเหตุ ที่ริมระเบียงหน้าห้องพัก โดยนายตาลเดินมาบอกกับตนว่า นายโรจน์ เจ้าของหอพักไปต่างจังหวัด แล้วให้เขามาเก็บเงินค่าเช่าห้องพักกับตนก่อน เป็นเงินจำนวน1,500 บาท แต่ตนไม่เชื่อเพราะกลัวนายตาลจะมาหลอกเอาเงินจากตนไปใช้


ตนจึงปฎิเสธว่าเดี๋ยวจะไปคุยกับเจ้าของหอพักเอง จึงไม่ให้เงินไป ทำให้นายตาล มีเริ่มมีอาการออกท่าทีไม่พอใจ ฟึดฟัดใส่ตนแล้วเริ่มเอะอะโวยวาย ตนจึงผลักไปทีหนึ่ง นายตาล ก็โวยวายใส่ตนว่าอย่ามาถูกตัวผม ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องพักของเขาเอง จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง นายตาลก็สะพายกระเป๋าเสื้อผ้าออกไป พร้อมกับตะโกนเสียงดังโหวกเหวกไปตลอดทาง คล้ายคนสติหลุด เพ้อเจ้อไปเรื่อย


นายติบ เปิดเผยอีกว่า หมอตั้งศาลพระภูมิที่เช่าห้องอยู่ติดกับนายตาล ผู้ก่อเหตุ ได้พูดทิ้งท้ายกับนายโรจน์นฤเบศร์เจ้าของหอพักแห่งนี้ไว้ ก่อนย้ายจะออกไปเพียงอาทิตย์เดียว ตอนทำพิธีตั้งศาลพระภูมิใหม่ของหอพักว่า ให้นายโรจน์ระวังนายตาลเอาไว้ให้ดี เพราะโหงวเฮ้งของนายตาล ที่นายโรจน์ไปเอามาเป็นลูกน้องนั้น เป็นคนใช้ไม่ได้ อย่าเลี้ยงไว้เลย เพราะมีแต่จะนำภัยเข้าตัว


ซึ่งหลังจากที่หมอศาลพูดเตือนนายโรจน์ เจ้าของหอพักไป นายโรจน์ก็ไม่ได้เชื่อตามที่หมอศาลพูดเตือนมา จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดั่งคำที่หมอศาลเคยพูดเตือนไปก่อนแล้ว โดยนายตาล ผู้ก่อเหตุ เพิ่งมาพักอาศัยอยู่ที่หอพักได้ไม่ถึงเดือน

------------

วานนี้ (19 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านแม่ของนายทัศพงษ์  สุพรมอินทร์ หรือตาล ผู้ต้องหาฆ่าอำพรางศพนายโรจน์นฤเบศร์ ได้พบกับ น.ส.ทัศนีย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี แม่ของนายตาล ผู้ก่อเหตุ


น.ส.ทัศนีย์ หรือ แม่ติ๋ม อายุ 59 ปี เผยว่า ปกติบ้านหลังนี้ตนจะอาศัยอยู่กับลูกสาว ซึ่งเป็นลูกคนละพ่อกับนายตาล ด้วยความที่ลูกสาวคนนี้ อายุเพียงแค่ 16 ปี และนายตาลเป็นคนชอบกินเหล้า ก็เลยกลัวว่าจะมาทำอะไรมิดีมิร้ายกับลูกสาว จึงไล่ให้นายตาลไปอยู่ที่อื่น


ก่อนหน้านี้ นายตาลเคยจะมาขออยู่ด้วยแต่ตนได้ปฎิเสธไป ตนเจอนายตาลครั้งล่าสุด เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยนายตาลได้เข้ามาหาตน เพื่อเข้ามาขอเงิน แต่ตอนนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน เขาจึงปีนเข้าบ้านมา และขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน และพังประตูห้อง ก่อนจะหยิบมีดดาบออกมาวางไว้ที่หน้าบ้าน โชคดีที่วันนั้นตนและลูกสาวไม่อยู่บ้าน พอกลับมาถึงมืดค่ำ เจอมีดดาบวางอยู่หน้าบ้าน 2-3 เล่ม ก็ตกใจจึงแจ้งตำรวจ และพบว่านายตาลนอนอยู่ในห้องนอนชั้นสองของบ้าน แต่ตำรวจก็ไม่ได้จับตัวไป


แม่ของนายตาล ยังเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายไม่ได้เป็นคนแบบนี้ เขาเรียนเก่งพูดได้ 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ ถึงขนาดได้ทุนไปเรียนที่ประเทศจีน แต่พอพักหลังๆ ตั้งแต่เลิกกับพ่อเขาไป เขาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนติดเกมส์ วันๆ อยู่แต่ร้านเกมส์ จนเสียการเรียน และถูกให้ออกจากโรงเรียน


ต่อมา เขาก็ทำงานอยู่ในจังหวัดนนทบุรี โดยทำงานเป็นเด็กติดรถส่งของพวกกระเบื้อง สุขภัณฑ์ต่าง ๆ ไปต่างจังหวัดบ้าง และด้วยความที่เขากินเหล้าเก่ง ได้เงินมาเท่าไรก็เอาไปซื้อแต่เหล้า แล้วพอกินเหล้าเขาก็จะออกเพี้ยน ๆ หน่อยชอบพูดว่า “กูฆ่ามาแล้ว กูเป็นเทวดา”


ตนเคยถามลูกชาย เขาเคยเล่าให้ฟังว่า เคยถูกพ่อของเขาเอาไม้ฟาดที่หัวอย่างแรง ก็คิดว่าน่าจะมีส่วนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้  ก่อนหน้านี้ที่จะมาอยู่บ้านหลังนี้ตนกับลูกสาวเคยอยู่ที่คอนโดแถวๆ ดินแดง นายตาลก็ตามไปอาละวาดไปขอเงิน พอไม่ได้ก็ทำร้ายร่างกาย จนต้องขายคอนโด และย้ายมาอยู่ที่นี้


ตนมารู้ข่าวว่าลูกชายตนไปก่อเหตุ ก็รู้สึกตกใจและเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วย คนดีๆ ต้องมาโดนทำแบบนี้ เลวมากสงสารคนตาย เขาให้ที่อยู่ที่กินให้โอกาสทำงาน ถ้าไม่พอใจอะไรก็ให้ออกมา ไปทำร้ายเขาทำไมมันไม่ถูกต้อง ตนก็เคยโดนลูกชายขู่ฆ่า ถ้ากลับมาที่บ้าน แม่ก็จะไม่เปิดประตูให้ ถ้าตำรวจยังจับไม่ได้แม่ก็นอนตาไม่หลับ ตนตัดแม่ตัดลูกกันตั้งแต่โดนขู่ฆ่าแล้ว


“อยากให้ตำรวจฆ่าตายไปเลย มันคนไม่ดีชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต ไปทำร้ายชีวิตเขาตัวเองก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต แม่ไม่ห่วง เพราะรับไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือได้ถึงขนาดนี้ เป็นการกระทำที่ชั่ว กับใครก็ไม่ควรกระทำเพราะเขาก็มีชีวิตเหมือนกัน แม่อยากให้ตาย มอบตัวติดคุกออกมา ถ้าแก้ไขตัวเองไม่ได้ก็ไปทำคนอื่นอีก ถ้าสำนึกไม่ได้ คนอื่นมาตายเพราะเขามันไม่คุ้ม ประหารชีวิตไปเลย ถ้าตำรวจเจอก็ยิงไปเลยไม่เสียดาย


แม่ของผู้ต้องหายังระบุอีกว่า “ผู้ตายเป็นคนดีที่ให้โอกาสคนชั่วเข้าไปทำงาน เลยทำให้ตัวเองได้รับความเดือดร้อนจนต้องสูญเสียชีวิต ขอให้ดวงวิญญาณผู้สูญเสียท่านนี้ไปสู่สุคติ ชาติหน้าอย่าได้พบได้เจอคนแบบนี้อีก แม่อยากไปหาแต่ไม่รู้ว่าครอบครัวผู้ตายจะยอมรับคำขอโทษจากเราหรือไม่ แม่มีความผิดที่ผลผลิตของเราไปทำลายคนอื่น”


แม่ของผู้ต้องหายกมือไหว้ “ขอกราบขอโทษครอบครัวของผู้สูญเสียที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เกิดมาชาติหน้าอย่าได้เจอคนชั่วแบบนี้อีก ขอโทษที่การเลี้ยงดูของแม่ทำให้ลูกชายเป็นคนดีไม่ได้ เสียใจมาก ถ้ามีอะไรที่จะชดเชยความรู้สึกสูญเสียได้ก็ให้มาพูดคุยกัน ทุกชีวิตล้วนมีค่าไม่สมควรมาโดนกระทำแบบนี้ เขาถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ให้ที่อยู่ที่กินที่อาศัย และให้โอกาสในการทำงาน ไม่สมควรมาทำร้ายเขาแบบนี้”

------------
ด้าน นายสมพงษ์ อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.ไทรน้อย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนก่อน แม่ของผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นลูกบ้านของตน ได้โทรมาขอความช่วยเหลือจากตน ว่าถูกลูกชายคนที่ก่อเหตุขู่จะฆ่าให้ตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ตนพร้อมกำลังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจึงเดินทางไปช่วยเหลือ ก็พบว่าผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการเอะอะ เหมือนคนเมาสุรา กำลังด่าทอและขู่ทำร้ายแม่ของตัวเองอยู่ พร้อมกับนำอาวุธมีดต่าง ๆ ออกมาวางไว้ทั่วบ้าน


ตนจึงได้เข้าไปห้ามปรามยึดอาวุธมีดไว้ ก่อนจะควบคุมตัวไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก สภ.ไทรน้อย ซึ่งต่อมาแม่ของผู้ก่อเหตุได้แจ้งกับตนมาว่า ไม่ต้องการให้ลูกชายคนนี้ซึ่งไม่ทำการทำงานกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้อีก เพราะกลัวจะถูกทำร้าย เนื่องจากผู้ก่อเหตุรายนี้หากเมาสุราทีไร มักจะชอบอาละวาด ขู่ทำร้ายร่างกายและขู่จะฆ่าทิ้งเป็นประจำ ตนจึงสั่งไม่ให้ผู้ก่อเหตุกลับเข้ามาสร้างความวุ่นวายในหมู่บ้านแห่งนี้อีก


ผู้ใหญ่บ้านนายสมพงษ์ เปิดเผยอีกว่า ผ่านไปสองสามวัน ผู้ก่อเหตุก็กลับมาที่บ้านอีก ทำให้แม่ของเขาโทรมาขอความช่วยเหลือจากตนอีกครั้ง เพราะกลัวถูกลูกชายจะย้อนมาทำร้าย ตนกับผู้ช่วยผู้ใหญ่จึงไปสอบถามผู้ก่อเหตุว่ากลับมาที่นี้อีกทำไม ผู้ก่อเหตุก็อ้างว่าขอกลับมาเก็บเสื้อผ้าของใช้แล้วจะไปหางานทำ ทำให้แม่ของเขาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าสะพายออกมาส่งให้ที่หน้าบ้าน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าแล้วเดินหายออกจากหมู่บ้านไป


สำหรับอุปนิสัยส่วนตัวของนายทัศพงษ์ เวลาไม่เมาเหล้าจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดหรือสุงสิงกับใคร แต่ถ้าเมาจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งและมักจะมีปากเสียงกับแม่เป็นประจำ ถึงขั้นขู่จะใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกาย ไม่คิดว่าหลังจากถูกขับออกจากชุมชนไปจะไปก่อเหตุฆ่านายจ้างตาย ทั้งที่เขาให้โอกาสรับไปทำงานด้วย ซึ่งผู้ตายก็เป็นคนที่ตนรู้จักด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าหากตนรู้มาก่อนว่า ผู้ตายจะรับผู้ก่อเหตุไปทำงานด้วย ตนก็คงห้ามไปแล้ว

--------------
วานนี้ (19 เม.ย. 66) น.ส.ณกฤติกา อายุ 20 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต เดินทางไปรับศพพ่อที่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ไปประกอบพิธีตามศาสนาคริสต์ ที่วัดธรรมาสน์นักบุญเปโตร บางเชือกหนัง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เป็นเวลา 3 วัน


ลูกสาวผู้เสียชีวิต เผยว่า การชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นทราบว่าถูกเชือกรัดคอ ส่วนจะโดนทำร้ายอย่างอื่นด้วยหรือไม่นั้นต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียด โดยเมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา ก่อนที่พ่อจะถูกฆาตกรรม ตนได้โทรศัพท์คุยกับพ่อสอบถามวันสงกรานต์ไปเที่ยวที่ไหน


โดยพ่อได้พูดถึงนายตาล ว่า “ไม่เอาแล้วนะเพราะมันขี้เมา ขี้เหล้า ป๊าไม่อยากได้แล้ว” จึงบอกให้พ่อดูแลตัวเองดี ๆ มีอะไรให้โทรมาบอก กระทั่งวันอังคาร ที่ 18 เมษายน ป้าโทรมาบอกว่าพ่อไม่ไปทำงานไปดูที่บ้านให้หน่อย ตนจึงขับรถมาดู ก็พบกับนายตาลเปิดประตูบ้านออกมา ท่าทีไม่สลดก่อนจะหลบหนีไป  ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่รู้ว่าพ่อถูกฆ่าตายแล้ว กระทั่งไปเจอศพถูกฆ่าฝังดิน


ลูกสาวของผู้เสียชีวิตพูดด้วยความโกรธแค้นว่า “มันเนรคุณไม่รู้จักบุญคุณคน พ่อให้ทุกอย่างยังกล้าทำได้ขนาดนี้ ถ้ามันติดคุกไปแล้วมีคนให้โอกาสมัน มันก็ทำอีกอยู่ดี ไม่อยากให้มันติดคุก ติดคุกได้ก็ได้อภัยโทษ พ่อหนูต้องแลกชีวิต มันไร้ค่ากว่าพ่อหนูอีก มึงอยู่ไปก็รกโลก อยากให้ตำรวจจับกุมให้ได้ไวๆ  มึงกล้าทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ ถึงต้องฆ่ากันตาย ตนก็ได้แต่ทำใจ จะพยายามใจเย็น จะทำตามความฝันที่พ่อหวังไว้ว่า อยากให้หนูเปิดร้านทำผม หรือเปิดร้านขายของที่หอพัก”


ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เผยทั้งน้ำตา “มันจุกตรงที่พ่อชอบพูดว่า ต้องอยู่ให้ได้ ถ้าวันหนึ่งไม่มีพ่อ วันนี้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ  ตนก็ต้องอยู่ให้ได้ หนูเห็นดูแต่ในข่าว ไม่คิดว่าจะมาเกิดขึ้นกับครอบครัวของหนู ไม่คิดว่าจะเป็นพ่อตัวเอง พ่อบอกรักตนตลอด แต่ตนเองเป็นคนขี้น้อยใจ ขอให้พ่อไม่ต้องห่วงหนูแล้ว หลับให้สบาย ยังไงก็จับคนร้ายได้อยู่แล้ว เสียใจที่พ่อไปไม่ได้ร่ำลา มันใจร้ายมาก”


โดยเดือนหน้าก็เป็นวันเกิดของพ่อ และเป็นวันเกิดของตนด้วย ปกติจะสังสรรค์กันที่บ้าน แต่ปีนี้ไม่มีพ่อแล้ว ก็รู้สึกแย่ ทุกปีพ่อจะซื้อเค้กมาเป่าให้ ทำไมต้องมาเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับครอบครัวของตนด้วย มันเหี้ยมาก ไร้จิตสำนึกมาก ยังมีหน้ามายืนหน้าตาเฉย พูดกับตนไม่รู้สึกผิดอะไร อยากให้ประหาร ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต พ่อไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร เขาให้โอกาสยังจะมาทำแบบนี้กับเขาอีก ถ้าตำรวจจับกุมคนร้ายไม่ได้ ตนจะจี้คดีอย่างถึงที่สุด ให้พ่อได้รับความยุติธรรม

-------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/iZeKKPBwTyM

คุณอาจสนใจ

Related News