อาชญากรรม

3 ครอบครัวร่ำไห้ รับศพ 'เหยื่อกราดยิง' ยังคาใจ ตร.ทำงานช้า - ผบก.ภ.แจงยิบขั้นตอนการทำงาน

โดย nattachat_c

24 มี.ค. 2566

134 views

จากรณี หนุ่มวัย 29 ปี คลั่งกระหน่ำยิงในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง กลางเมืองเพชรบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยืนยันในเวลา 04.00 น. วานนี้ (23 มี.ค. 66) ว่า เจ้าหน้าที่ได้ตัดสินใจวิสามัญฆาตกรรมนายอนุวัช หรือปิง ผู้ก่อเหตุ


ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณป้าเปล่งศรี อายุ 73 ปี ซึ่งบ้านอยู่ตรงข้าม ในลักษณะเยื้องกับบ้านนายอนุวัช (ปิง) ผู้ก่อเหตุ ถัดมา 1 หลัง จากบ้านคู่กรณี ซึ่งหัวมุมบ้านของคุณป้าและถัดจากนั้นไม่ไกล คือจุดที่นายพสิษฐ์ หรือโอ๊ต และนายรัฐกร หรือเบลถูกยิง จนเสียชีวิต


คุณป้าเล่าว่า วันเกิดเหตุตัวคุณป้าเองอยู่ในบ้านตลอดทั้งวัน ก่อนที่ในเวลาประมาณ 14.00 น. ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงเดินมองผ่านกระจกจากในบ้าน เห็นผู้ก่อเหตุเอาปืนไล่ยิงคู่กรณีแบบรัวๆ


สักพักเสียงเงียบไป ก็เลยคิดว่าคนร้ายคงหนีไปแล้ว จึงเดินออกมาดู ปรากฏว่าเห็นคนนอนอยู่บนถนน ซึ่งตอนนั้น ตนก็คิดว่าจะไม่เดินออกจากนอกบ้าน แต่เห็นว่านอนแน่นิ่งอยู่ คนแรกนอนร่วงลงจาก จยย.  ส่วนอีกคนนอนในลักษณะคร่อม จยย.อยู่


จากนั้น จึงเดินไปบ้านอีกหลัง ซึ่งตรงข้ามบ้านผู้ก่อเหตุ กดกริ่งเรียกให้มาช่วยเด็ก ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นอะไรไปหรือยัง แต่ว่านอนเงียบอยู่


ระหว่างนั้นปรากฏว่า ผู้ก่อเหตุตะโกนมาบอกว่า “เข้าบ้าน เข้าบ้านไปเดี่ยวนี้” พร้อมกับขู่ว่า “อยากตายอีกศพหรอ?” ตอนนั้นตกใจมาก จึงรีบเข้าบ้าน และรีบปิดบ้านทันที เพราะกลัวไม่ปลอดภัย ก่อนจะโทรศัพท์ไปบอกลูกชายทั้ง 2 คน ว่าเกิดอะไรขึ้น และอย่ากลับมาบ้านนะ


ต่อมา ภายหลังปิดบ้านเงียบ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ และคาดว่าหลังจากที่ตนเข้าบ้านไป พนักงานส่งของน่าจะเข้ามาส่งของภายในซอย จนกระทั่งถูกลูกหลงไปด้วย


ขณะเดียวกัน ระหว่างที่หลบอยู่ภายในบ้าน ก็ได้ยินผู้ก่อเหตุเสียงเปิดเพลง คล้ายเพลงทำขวัญนาคมาจากภายในบ้านผู้ก่อเหตุ


คุณป้า เล่าต่อว่า ตลอดปฏิบัติการกว่า 15 ชม. ตนไม่ได้ออกไปไหนเลย หลบอยู่ภายในบ้านตลอดทั้งคืน ยอมรับว่า รู้สึกหวาดกลัวมาก ต้องอยู่กับความมืด เพราะไม่กล้าเปิดไฟ ภาพทุกอย่างยังติดตา ส่วนที่ไม่ขอความช่วยเหลือ จนท. เพราะคิดว่าปืนคงไม่วิ่งเลี้ยวมาบ้านเราหรอก


จากนั้น ช่วงเวลา 21.00 น. ตนหลับไป ก่อนที่ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. เสียงปืนดังขึ้น รถตำรวจก็เข้ามา พร้อมกับเสียงปืนดังรัวขึ้น ก่อนจะถอยกลับ


กระทั่งเวลา ประมาณ 04.00 น. เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ป้าก็รู้ได้ทันทีว่า ภารกิจน่าจะจบแล้ว เพราะทุกครั้งที่ตำรวจเข้ามา จะเข้ามาแบบเงียบๆ แต่ครั้งนี้คุยกันเสียงดัง ซึ่งช่วงเวลานั้น ป้าแอบดูผ่านกระจกภายในบ้าน


ทั้งนี้ คุณป้ายังกล่าวว่า รู้สึกสบายใจขึ้นมาก หลังจากจบปฏิบัติการ เพราะเราก็ปลอดภัยแล้ว พร้อมเล่าวินาทีตำรวจเกลี้ยกล่อมด้วยว่า ตำรวจพูดจาดี ตำรวจก็บอกว่า “น้อง / ออกมาเถอะ / มากินข้าว / มาคุยกัน / พี่ไม่ทำอะไร มาพูดกันดีๆ”


ส่วนประเด็นบาดหมางกันระหว่างผู้ก่อเหตุและคู่กรณี คุณป้าบอกว่า ไม่เคยทราบปัญหาระหว่างทั้งสองฝ่าย และส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับทั้งสองฝ่าย

-------------
สำหรับครอบครัวผู้สูญเสียอีกหนึ่งครอบครัว คือครอบครัวของนายพสิษฐ์ หรือโอ๊ต อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นคู่ความของนายปิงผู้ก่อเหตุ โดยถูกนายปิงใช้อาวุธปืนตบที่ใบหน้าจนได้รับบาดเจ็บ และคดีขึ้นสู่ชั้นศาล  


วานนี้ คุณพรชนัน (แม่ของนายโอ๊ต) เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ได้รับฟังการอธิบายการเข้าไปปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจที่ล่าช้าแล้ว แม่ก็เข้าใจในบางส่วน แต่คาใจมากกับสิ่งที่ปล่อยให้ลูกของแม่ ถูกยิงตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่ไม่มีการเข้าไปช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล ปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนเสียชีวิต


ซึ่งส่วนตัวแม่เชื่อว่า หากมีการเข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่แรก ลูกของแม่อาจจะไม่เสียชีวิต เจ้าหน้าที่บอกว่า การจะเข้าไปต้องใช้รถหุ้มเกราะวิ่งเข้าไปเท่านั้น เพราะคนร้ายยิงต่อสู้ตลอดเวลา แม่ก็เกิดคำถามว่า ทำไมไม่ใช้รถหุ้มเกราะเข้าไปรับร่างของลูกชายแม่ตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุใหม่ๆ หรือรถหุ้มเกราะนั้นจะมาในเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมรถหุ้มเกราะถึงจะมาที่เกิดเหตุทันทีไม่ได้ แม่ก็อยากถามตำรวจเช่นกัน


ส่วนการก่อเหตุของนายปิง ที่ทำกับลูกชายแม่นั้น ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ลูกชายเคยถูกทำร้ายร่างกาย แต่มีช่วงหนึ่งที่ลูกกลับบ้าน ใบหน้ามีรอยฟกช้ำ แม่ก็พยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลูกก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร แม่ก็เพิ่งมารู้ว่าลูกถูกปืนตบหน้า และคดีขึ้นสู่ศาลแล้วในวันที่ลูกเสียชีวิต  


ส่วนตัวแม่ยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทำใจไม่ได้ที่ต้องมาสูญเสียลูกชายขณะที่เขากำลังเรียนจบ และกำลังจะมีอนาคต เขาต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ ส่วนตัวแม่ไม่ขออโหสิกรรมให้กับคนก่อเหตุ

-------------
ทางด้านครอบครัวของนายรัฐกร (เบล) หนึ่งในผู้เสียชีวิต ช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรศพเสร็จสิ้น ก็ได้เรียกครอบครัวเข้ามาทำเอกสารรับศพ หลังจากนั้นก็นำศพมาส่งมอบให้ นาทีที่พ่อแม่และญาติๆ เห็นร่างของลูก ก็ถึงกับร้องไห้โฮ


โดยแม่มีอาการอ่อนเพลีย และจะเป็นลมตลอดเวลา ญาติๆ ต้องช่วยกันประคองไว้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ


พ่อและแม่ของนายเบล บอกว่า ลูกเคยเล่าให้ฟังว่า ฝ่ายผู้ก่อเหตุบุกรุกเข้ามาในบ้าน และมาทำร้ายเพื่อนเค้า จนไปแจ้งความบุกรุก ที่ผ่านมา แม่ก็บอกลูกว่า อย่าไปอะไรเค้าเลย ถ้ายอมความได้ก็ยอมความ ตอนเกิดเหตุไม่ทราบเลยว่าลูกชายโดนยิง ส่วนตัวคิดว่าถ้าเอาตัวส่งโรงพยาบาลเร็ว ก็น่าจะช่วยเหลือได้ทัน


ส่วนพ่อก็บอกเหมือนกันว่า กระบวนการขั้นตอนมันช้า เมื่อวานก็คุยกับผู้ว่าฯว่า ช้าแบบนี้ น้องทรมาน ซึ่งผู้ว่าฯก็บอกว่าต้องเป็นตามมาตรการ


ขณะที่ เบลเองก็มีภรรยาคือนางสาวศุภรัศมิ์ ชูโชติ (น้องเพชร) และมีลูกสาววัย 1 ปี 4 เดือน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนทำงานอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ก่อนที่น้องชายเบลจะโทรมาบอกว่าแฟนถูกยิง


ที่ผ่านมารับรู้ตลอดว่า แฟนมีปัญหากับชายผู้ก่อเหตุ อย่างคืนก่อนเกิดเหตุ ที่ถูกปาขวดใส่ แฟนก็บอกว่าเค้าอยากจัดการให้เสร็จๆ จนพูดบอกเพื่อเตือนสติไปว่า “จะเอาปืนไปยิงมัน หรือมันเอาปืนมายิงเอ็งตายก่อนกันแน่”


จากนั้นแฟนสาวก็ร่ำไห้ และบอกว่า ตนเองอยากขอโทษเบล ที่ไม่ได้รับสายสุดท้ายของเค้า ที่โทรมาตนตอน 12.24 น. แต่ตนไม่ได้รับ น่าจะโทรมาบอกว่ากำลังจะไปศาล


ต่อมา เจ้าหน้าที่ก็นำโลงศพขึ้นรถของมูนิธิกตัญญู โดยมีคุณพ่อและลุงนั่งอยู่ข้างๆ โลงศพ และออกจากโรงพยาบาล เพื่อมุ่งหน้ากลับไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนา อำเภอสวี จังหวัดชุมพร
-------------

วานนี้ (23 มี.ค. 66) ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี ครอบครัวผู้สูญเสียทยอยรอรับศพลูก เพื่อกลับไปบำเพ็ญกุศลตามภูมิลำเนา


ตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมะสถาน นำร่างผู้เสียชีวิตประกอบด้วย

1. นายรัฐกร ทองแก้ว หรือ เบล อายุ 22 ปี

2. นายพสิษฐ์ เอมโอษฐ์ หรือ โอ๊ต อายุ 22 ปี

3. นายสิรภัทร วัฒนะ หรือโอ๊ต อายุ 27 ปี (พนักงานส่งของอาย)

4. นายอนุวัช แหวนทอง หรือ ปิง อายุ 27 ปี (ผู้ก่อเหตุ)


ร่างทั้งสี่คนถูกนำมาชันสูตรที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี โดยทีมแพทย์ได้เริ่มชันสูตรตั้งแต่เวลา 09:00 น. และได้ประสานให้กับญาติของผู้เสียชีวิตแต่ละรายเตรียมเอกสาร รวมไปถึงเสื้อผ้า และอุปกรณ์ของใช้ที่จะตกแต่งศพของผู้เสียชีวิต มามอบให้กับเจ้าหน้าที่


ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ แต่ละครอบครัวยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพบว่าทั้งพ่อและแม่ญาติพี่น้อง มีสภาพที่น้ำตาคลอเบ้าตลอดเวลา และบางคนก็ยังไม่ได้นอน บางคนก็นอนไม่หลับ เจ้าหน้าที่จึงจัดชุดทีมจิตแพทย์ ช่วยเยียวยาจิตใจคอยดูแล และให้กำลังใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย

-------------

หลังจากทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ไ ด้พูดคุยกับคุณพ่อของน้องเบลหนึ่งในผู้เสียชีวิต กรณีเกิดคำถามคาใจว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่จึงปฏิบัติการล่าช้า และทำให้เกิดความสงสัยว่า การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ล่าช้า เป็นเหตุทำให้ลูกเสียชีวิตหรือไม่ เพราะครั้งแรกที่ถูกยิง อาจจะยังไม่เสียชีวิตในทันที


ต่อมาคุณพ่อและญาติได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองเพชรบุรี เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในการลงบันทึกประจำวัน และขอเอกสารเพื่อนำไปขอใบมรณะ


แต่กลับพบตำรวจในโรงพักบอกว่า ให้ญาติกลับไปก่อน เพราะตำรวจยังไม่ได้นอน ค่อยกลับมาทำเรื่องทีหลัง ทำให้ญาติเกิดความสงสัย และไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไร เนื่องจากจะต้องรับศพของนายเบลกลับที่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร บ้านเกิด เป็นระยะทางไกล 

------------

ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ได้ประสานพลตำรวจตรีปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เข้ามาพบกับญาติ และอธิบายเรื่องเอกสารในการติดต่อขอใบมรณบัตร


พลตำรวจตรีปิติ ได้พูดคุยกับคุณพ่อของนายเบล โดยอธิบายว่ากรณีที่มีการเข้าไปช่วยเหลือ ล่าช้า ซึ่งในครั้งแรกอาจจะยังไม่เสียชีวิตทันที แต่พอการช่วยเหลือล่าช้า อีกทั้งนำศพออกจากพื้นที่ก็ล่าช้า จนทำให้เกิดครอบครัวไม่สบายใจ และรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานล่าช้า


พลตำรวจตรีปิติ ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีใครอยากให้เกิดความสูญเสีย กรณีของนายเบลหนึ่งในผู้เสียชีวิตที่ถูกยิงอยู่บริเวณหน้าบ้านตั้งแต่ได้รับรายงานครั้งแรก เข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์มีประชาชนถูกยิง และนำส่งโรงพยาบาลไปแล้ว


กระทั่งมาทราบภายหลังว่า เป็นกรณีที่นายปิง (ผู้ก่อเหตุยิง) นายโอ๊ต (คู่ความ) ที่กำลังจะเดินทางมาศาล ในคดีที่นายปิงทำร้ายร่างกายนายโอ๊ตโดยใช้อาวุธปืนตบหน้า และคดีขึ้นสู่ชั้นศาล


โดยพบว่า ฝั่งนายโอ๊ตมีการเรียกค่าเสียหายจำนวน 100,000 บาท และเมื่อถึงเวลาจะไปขึ้นศาล นายปิงผู้ก่อเหตุมีอาการเครียด เนื่องจากไม่ได้ทำงาน และไม่มีเงินที่จะไปชดใช้ค่าเสียหาย จึงเกิดอาการเครียด และยิงคู่ความคือนายโอ๊ต ต่อมาก็ยิงนายเบล


ทันทีที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุลักษณะดังกล่าว ก็ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ และนำอุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือทันที โดยใช้โดรนบินเข้าไปภายในจุดที่ทั้งสองคนถูกยิง ก็พบว่าไม่มีสัญญาณชีพ จากนั้นก็พยายามหาช่องทางในการเข้าไปนำร่างส่งโรงพยาบาล แต่พบว่านายปิงผู้ก่อเหตุ ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการตอบโต้ตลอดเวลา และมีลักษณะที่ต้องการให้กระสุนเข้าที่ศีรษะอย่างเดียว.


เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความระมัดระวังและพยายามหาทุกช่องทางในการจะเข้าไปนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาให้ได้เร็วที่สุด และตอนนั้น ถ้ามีช่องทางการเข้าชาร์จคนร้าย และหากพบว่าคนร้ายต่อสู้ เราพร้อมใช้อาวุธทันที แต่ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ เพราะคนร้ายยิงตอบโต้ตลอดเวลา อีกทั้ง มีความรู้เรื่องการยิงปืน ประกอบกับอาการเครียดจัด ซึ่งเคยไปขอรับยาแก้เครียดจากโรงพยาบาลมารับประทานแล้ว ก่อนเกิดเหตุไม่นาน


เมื่อเขาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใด ก็จะยิงต่อสู้ และเขาไม่ได้ออกมาจุดที่ตำรวจจะยิงได้


อีกทั้งการยิงของคนก่อเหตุ ใช้วิธีการยิงพุ่งเป้ามาที่ศีรษะของตำรวจ สังเกตได้จากโล่กำบังที่ยิงมา รวมไปถึงมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บถูกยิงเข้าที่แก้มหนึ่งนัด และผู้เสียชีวิตก็ถูกยิงที่ศีรษะ และถูกยิงมากกว่า 5-10 นัด


ในช่วงแรกเจ้าหน้าที่ใช้การเจรจา โดยให้แม่ของผู้ก่อเหตุเจรจา แต่ก็ไม่เป็นผล การเจรจาล้มเหลว ในระหว่างนี้ก็เรียกกำลังเสริมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยสนับสนุน และพยายามเข้าระงับเหตุอย่างรวดเร็วที่สุด แต่ก็ไม่เป็นผล กลับตรึงเครียดมากขึ้น


จนเวลายืดเยื้อ จากบ่ายไปถึงเย็น จึงจำเป็นต้องปิดพื้นที่ และกันบุคคลภายนอกออกเพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่มันต้องใช้เวลา เพราะคนก่อเหตุยิงต่อสู้ตลอด แม้กระทั่งนำรถตำรวจ ไปจอดหน้าบ้าน เขาก็ยิงวิธีกระสุนพุ่งมาที่ศรีษะหลายนัด จึงต้องใช้เวลา


ช่วงจังหวะนี้ พล.ต.ต.ปิติ อธิบายกับคุณพ่อ ก็มีน้ำเสียงสั่นเครือ บอกว่า ผมเนี่ยอยู่ตรงนั้น เห็นคนโดนยิงนอนอยู่ ผมไม่สบายใจ แต่ยังทำอะไรไม่ได้


วันนี้มาอธิบาย ก็เพราะเห็นว่าญาติและครอบครัวไม่สบายใจ จึงต้องมาอธิบายการทำงานและทุกอย่างที่เข้าไปล่าช้า ก็เพราะต้องรอรถหุ้มเกราะจากคอมมาโดเดินทางมาที่เกิดเหตุ ก่อนจะเข้าไปนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมาจากพื้นที่


หากเข้าไปพื้นที่บริเวณหน้าบ้านคนร้ายและใกล้เคียง เข้าไปอย่างไรก็โดนตอบโต้แน่นอน คนร้ายเป็นคนก่อเหตุ ที่รู้ยุทธวิธี พอเค้าเห็นรถหุ้มเกราะของเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ เค้าก็หยุดยิง เขาเซฟกระสุน และช่วงที่ได้ยินปืนดังรัวๆ หลายนัด ก็เป็นการยิงตอบโต้


วันนี้ที่ครอบครัวไม่สบายใจ ผมก็ต้องขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พยายามทำดีที่สุดแล้วตั้งแต่แรกก็นำโดรนเข้าไปบินดูที่บริเวณร่างของผู้ถูกยิง ว่ามีสัญญาณชีพหรือไม่ และพยายามช่วยเต็มที่แล้ว แต่ก็มีอุปสรรค เพราะคนก่อเหตุเขาใช้ปืนเป็น หากเป็นคนทั่วไป คงเสร็จภารกิจนานแล้ว


และขณะเกิดเหตุ เราพยายามประสานทุกทางเพื่อเจรจา และให้เพื่อนผู้ก่อเหตุแชทบอกให้มอบตัว แต่ไม่เป็นผล "เขาบอกว่า เขาสู้ เขาพร้อม รออยู่ ให้เข้ามา"


ส่วนการทำเอกสารรับศพ ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี บอกญาติให้รอก่อน ตร.ขอนอนก่อน ก็เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดและไม่เข้าใจ โดยเจตนาของตำรวจนั้นต้องการอยากอยากให้ญาติได้ไปพักก่อน เพราะเห็นญาติก็อยู่ด้วยทั้งคืน รวมทั้งตนเองก็อยู่จนเสร็จสิ้นภารกิจ เมื่อกลับไปนอนพักก็ยังนอนไม่หลับ


จากนี้ ตนได้สั่งให้ดำเนินการอำนวยความสะดวกให้ญาติทุกรายดำเนินการเรื่องเอกสารอย่างรวดเร็ว และการสอบปากคำญาติ จะสอบทีหลังทางออนไลน์ ซึ่งสามารถทำได้โดยที่ญาติไม่ต้องเดินทางมาที่โรงพักในพื้นที่อีกแล้ว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมีคำสั่งให้ดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที่ รวมไปถึงเงินช่วยเหลือต่างๆ ที่ช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสีย ก็ให้ดำเนินการให้ได้เร็วที่สุด
------------
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า เกิดจากความคลุ้มคลั่งของผู้ก่อเหตุ ที่มีปัญหากับคู่ความ และต้องไปขึ้นศาล


เรื่องนี้พลตำรวจตรีปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ระบุว่า การก่อเหตุนี้ไม่ใช่อาการคลั่ง แต่เกิดจากอาการเครียดจัด จากการที่ต้องไปขึ้นศาลกับคู่ความคือนายโอ๊ตและนายเบลเป็นพยาน ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตทั้งสองราย ซึ่งผู้ก่อเหตุไปขึ้นศาลเป็นครั้งที่สาม แล้ว มีความเครียด เมื่อรู้ว่าคู่ความเรียกค่าเสียหายจำนวน 100,000 บาท แล้วไม่มีเงินจ่าย เพราะไม่ได้ทำงาน จึงเกิดความเครียด และคืนก่อนเกิดเหตุก็ดื่มสุราทั้งคืน


พอช่วงเช้า แม่ไปทำงานที่โรงเรียน และไปรอที่ศาล ก็ไม่พบว่า ลูกชายผู้ก่อเหตุเดินทางมาศาลตามนัด และติดต่อนายโอ๊ตคู่ความไม่ได้ จนกระทั่งเกิดเหตุสลดขึ้น ส่วนพนักงานส่งของก็ถูกลูกหลง


สำหรับ สำหรับประวัติของผู้ก่อเหตุนั้น พบว่าเคยเข้ารับการบำบัดจากการติดยาเสพติดรักษาที่โรงพยาบาลธัญญบุรี และเคยถูกดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายนายโอ๊ตคู่ความที่ถูกยิงเสียชีวิต และอีกข้อหาคือพบสารเสพติดขณะที่ขับขี่


ประเด็นอาวุธปืน ซึ่งสังคมมีการตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดผู้ก่อเหตุ มีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย แต่ทำไม แม่ถึงยอมซื้อปืนให้ และก็นำปืนนั้นมาใช้ก่อเหตุ


พล.ต.ต ปิติ บอกว่า การซื้อปืนเกิดขึ้นในช่วงที่ทำงานเป็นลูกจ้างอุทยานทับลาน เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า คุณสมบัติก็สามารถมีปืนได้ และบอกกับแม่ว่า จำเป็นต้องมีปืนติดตัว เพื่อใช้ทำงาน แม่จึงซื้อปืนขนาด 9 มม.ในราคา 8 หมื่นบาท และใช้ตำแหน่งราชการเซ็นรับรอง


ซึ่งตอนที่ซื้อปืนให้ พบว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน จึงสามารถมีปืนในครอบครองได้ และก็มักจะไปฝึกยิงปืนที่สนามยิงปืนเป็นประจำ และในการก่อเหตุ พบว่ามีการใช้กระสุนไม่ต่ำกว่า 40-50 นัด


แต่ในระยะหลัง ที่ไม่ได้ทำงานก็เกิดความเครียด มีการด่าทอ โวยวาย แต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายแม่ และบางครั้งแม่ก็ยังคุยกับลูกไม่รู่เรื่อง และเคยมาขอยาแก้เครียดจาก รพ.


ทั้งนี้ จากประวัติผู้ก่อเหตุ เคยมีประวัติเสพยาเสพติดสมัยมัธยม และเคยรักษาที่โรงพยาบาลธัญบุรีมาแล้ว คดีที่ 2 คือ คดีบุกรุกทำร้าย (คดีที่ขึ้นศาลอยู่ในวันเกิดเหตุ) และ คดีที่ 3 เคยถูกจับขับขี่ขณะมีสารเสพติด

------------
วานนี้ (23 มี.ค. 66) ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี ครอบครัวของนายสิรภัทร วัฒนะ หรือโอ๊ต พนักงานส่งของที่ผ่านมา และถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ญาติๆ ได้มารับศพไปตอนประมาณ 14.30 น. เพื่อนำร่างไปประกอบพิธีที่วัดโพธิ์พระใน อ.เมืองเพชรบุรี


โดยเมื่อนำร่างขึ้นท้ายรถกระบะ ก็มีญาติๆ ที่ใกล้ชิดนั่งไปกับร่าง ก่อนจะบอกว่า โอ๊ตตามมานะ กลับบ้านกัน


นายธนวัฒน์ ทัพทัน พ่อเลี้ยงของนายโอ๊ต พนักงานส่งของ บอกว่า เสียใจ เราสูญเสียไปแล้วทำอะไรไม่ได้ เรียกกลับยังไงก็ไม่ได้ แต่มองว่าการทำงานช้าไป ถึงแม้ตนจะเข้าใจดีว่า ทุกอย่างมีลำดับขั้นตอนก็ตาม


ลูกตนเป็นเด็กดี ตั้งใจทำมาหากิน จู่ๆ มาถูกยิงเสียชีวิต ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้อง และจริงๆ แล้ววันจันทร์นี้ ตนก็กำลังจะไปโอนรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุ จากชื่อของตนไปให้ลูกชาย แต่ตอนนี้โอนไม่ได้แล้ว

------------
ในส่วนของผู้ก่อเหตุเองนั้น วานนี้ แม่ของผู้ก่อเหตุก็ได้เดินทางมาที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี เพื่อติดต่อขอรับศพลูกชาย


แต่ในระหว่างนั้นพบกองทัพสื่อมวลชนได้พยายามเข้าสอบถามแม่และน้องชายของผู้ก่อเหตุว่าอยากพูดอะไรกับสังคม หรืออยากชี้แจงอะไรหรือไม่ แต่ปรากฏว่า แม่ของผู้ก่อเหตุไม่ได้พูดอะไรกับสื่อมวลชน และพยายามเดินเลี่ยงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่น้องชายของผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมพูดกับสื่อมวลชนเช่นกัน


และช่วงจังหวะที่แม่ผู้ก่อเหตุและน้องชายเดินออกจากแผนกนิติเวชนั้น พบว่ามีญาติของผู้สูญเสียที่มารอรับศพก็ได้เดินตาม พยายามจะไปสอบถามถึงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ลูกชายก่อเหตุทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต


เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ระบุว่า ทางญาติผู้ก่อเหตุจะมาขอรับร่างออกไปบำเพ็ญกุศลในวันนี้ (24 มี.ค. 66) เนื่องจากญาติแจ้งว่า ยังไม่สามารถหาวัดได้ทัน
------------
วานนี้ (23 มี.ค. 66) เวลา 13.15 น. พ่อแม่และญาติๆ พร้อมด้วยเพื่อนของนายรัฐกร  หรือเบล หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวเดินทางมายังจุดเกิดเหตุที่นายรัฐกรนอนเสียชีวิต โดยครอบครัว ได้นำร่างที่บรรจุไว้ภายในโลงศพ มาเพื่อเชิญวิญญาณ ซึ่งทางครอบครัวได้นิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป มาทำพิธี เชิญวิญญาณกลับไปบ้านเกิดที่ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร


ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยพ่อของนายรัฐกรร่ำไห้และกอดรูปของลูกชายแนบแน่นไว้กับอกตลอดการทำพิธี  ส่วนแม่นั้นมีอาการอ่อนแรงเนื่องจากเสียใจจนเป็นลมมาตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาล โดยช่วงหนึ่งของการทำพิธีอยู่นั้น พ่อและแม่ของนายรัฐกร ได้เรียกลูกชายกลับบ้าน “กลับบ้านนะลูกนะ กลับบ้าน”


ต่อมา เวลา 14.00 น. คุณย่า พี่ชาย และกลุ่มเพื่อน ได้มาจุดธูปเพื่อเชิญวิญญาณ  เรียกนายพสิษฐ์ กลับบ้านเกิด ที่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปด้วยความโศกเศร้า 


นายโอมระบุว่า ระหว่างที่มาเชิญวิญญาณ บอกกับน้องว่า ให้ตามตนไป ตามไปที่ รพ.ก่อน / จากนั้นจะบอกน้องอีกว่าให้กลับบ้านไปพร้อมกันนะ


เมื่อถามว่าในส่วนของสังคมก็ต้องข้อสังเกตว่า ร่างของน้องชาย ณ ขณะนั้นผ่านไปกว่า 11 ชม. ถึงจะนำร่างออกมา ซึ่งหากไปนำออกมาเร็วกว่านี้ อาจจะแค่บาดเจ็บหรือยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ พี่ชายนายพสิษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่ามีชีวิตหรือไม่ แต่ดูแล้วน่าจะไม่ได้คลั่งแค่นิดเดียว แต่คลั่งมาก เพราะต้องไปขึ้นศาล และรู้อยู่แล้วว่าน้องชายตนจะมารับเพื่อนไปขึ้นศาล คาดว่าวางแผนเตรียมการไว้ก่อนแล้ว


ส่วนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตนมองว่า ตำรวจทำดีแล้ว แต่ตอนที่ไปเอาร่าง ตนเข้าใจว่าตามหลักน่าจะไม่สามารถเข้าไปได้ อีกอย่างผู้ก่อเหตุจะยิงมาอีกทีตอนไหนก็ไม่รู้ มองว่าตำรวจทำงานก็ต้องเป็นห่วงชีวิตจริงตัวเองด้วย


ต่อมาเวลา 15.30 น. คุณตา และ ญาติ ของนายสิรภัทร อายุ 27 ปี พนักงานส่งของที่ถูกลูกหลงจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จนเสียชีวิต ได้เดินทางมาทำพิธีเชิญวิญญาณหลานชายกลับบ้าน ซึ่งคุณตากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนเป็นคนเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็ก ซึ่งหลานเป็นคนตั้งใจทำงาน ไม่เกเร ออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ตกเย็นก็กลับบ้าน และเมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณตายอมรับว่ารู้สึกโกรธแค้น และมองว่าทำเกินไปและโหดเกินไป
------------

ช่วงบ่ายวานนี้ (23 มี.ค .66) พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เดินทางมาเยี่ยมหนึ่งในผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงบริเวณก้น แต่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ โดยได้มอบกระเช้า และเงินช่วยเหลือจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย


โดยผู้บาดเจ็บรายนี้ เล่านาทีเกิดเหตุว่า ตนขับรถเก๋งกำลังจะออกไปหน้าปากซอยหมู่บ้าน เพื่อไปเอากีตาร์ของลูกค้ามาซ่อม แต่ปรากฏว่าเมื่อขับผ่านจุดเกิดเหตุ เห็นพนักงานส่งของจอดรถลักษณะเหมือนกำลังหมอบลง คล้ายกับได้รับบาดเจ็บ บริเวณใกล้ๆ หน้าบ้านกับผู้ก่อเหตุ


ด้วยความหวังดี จึงจอดรถ แต่ในขณะที่กำลังเปิดประตูรถลง ผู้ก่อเหตุที่อยู่ในบ้าน ได้ใช้อาวุธปืนยิงออกมายิงรัวใส่ 3 นัด โดนเข้าที่ก้น 1 นัด แต่อีก 2 นัดที่ตามมา โชคดีที่ยังมีสติ จึงรีบปิดรถและเหยียบรถถอยหลังเข้าบ้านทันที ก่อนที่เพื่อนจะรีบพาตัวเองส่งโรงพยาบาลได้ทัน


ส่วนอาการบาดเจ็บนั้น เจ้าตัวเล่าว่า กระสุนเฉี่ยวก้นไป แต่โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก พร้อมยอมรับว่าวินาทีนั้น เป็นห่วงครอบครัวที่อยู่ในบ้านมาก และมองว่าการเข้าระงับเหตุของตำรวจถือว่าเป็นการตัดสินที่ไม่ล่าช้า เพราะตำรวจก็มีครอบครัวเหมือนกัน

------------



คุณอาจสนใจ

Related News