แม่ร่ำไห้แทบขาดใจ ลืมลูก เจออีกทีพบสลบในรถ สุดยื้อช่วยชีวิตไม่ทัน เผย เคยสอนบีบแตรไว้แล้วแต่ไม่ได้ผล

วันที่ 22 มี.ค.66 เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา หน่วยกู้ชีพเทศบาลบ้านบัว ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีว่ามีเด็กติดในรถ จึงรุดไปตรวจสอบ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปให้การช่วยเหลือ



ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายไก่ย่าง ส้มตำ ริมถนนสายบุรีรัมย์-นางรอง ต.บ้านบัว อ.เมือง พบรถยนต์กระบะ แคป ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ จอดอยู่ข้างร้าน



ภายในรถพบชาวบ้านจำนวนมาก กำลังให้การช่วยเหลือ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบ ในสภาพหมดสติ ท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงงของญาติเป็นจำนวนมาก หน่วยกู้ชีพจึงเข้าไปปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้งรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์



โดยระหว่างหน่วยกู้ชีพบ้านบัว พยายามปั๊มหัวใจ น้องเอ อยู่ตลอดเวลา เพื่อยื้อชีวิตให้ไปถึงโรงพยาบาล โดยมี น.ส.พิศมัย อายุ 33 ปี แม่ของน้องนั่งลุ้นการช่วยเหลือของหน่วยกู้ชีพอยู่ไม่ห่างระหว่างนำส่งโรงพยาบาล



เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์พยายามให้การช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตน้องเอาไว้ได้ เนื่องจากขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน



สอบถามนางสาวพิสมัย แม่น้อง เล่าว่า ตนมีอาชีพขายไก่ย่าง ส้มตำ มีลูก 3 คน คนโตอายุ 6 ขวบ น้องเอ เป็นคนที่ 2 อายุ 3 ปี 2 เดือน คนเล็กอายุ ขวบเศษ ก่อนเกิดเหตุได้พาลูกคนโตไปกับน้องเอ ไปรับนมที่โรงเรียน



หลังกลับจากไปรับนมมาถึงร้าน ตนจำได้แน่นอนว่า ได้อุ้มลูกทั้งสองคนลงจากรถแล้ว หลังจากนั้นได้ไปขายของตามปกติ ช่วงนั้นเห็นลูกชายคนโต เล่นบริเวณร้านเพียงคนเดียว ส่วนน้องเอ คิดว่าไปเล่นกับเพื่อนข้างบ้านซึ่งเคยไปเล่นเป็นประจำ จึงไม่ได้สนใจ



ผ่านไปกว่า 2 ชม.ยังไม่เห็นน้องเอ จึงไปตามที่บ้านที่คิดว่าน้องเอ ไปเล่น แต่ปรากฏว่าไม่มี จึงรีบตามหาน้องแต่ไม่พบ จึงเข้าไปดูที่รถพบว่าน้องนอนหมดสติอยู่ช่วงแคปของรถ จึงให้ญาติที่อยู่ใกล้มาช่วยเหลือดังกล่าว



นางสาวพิสมัย กล่าวด้วยว่า ที่ผานมาตนจะสอนลูกทุกคนถ้าอยู่ในรถแล้วออกไม่ได้ ให้บีบแตรให้เสียงดังหลายๆ ครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นลูกจึงไม่บีบแตร



ต่อมา ร.ต.อ.อนุเปรม ทุมนานอก รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมือง อ.เมือง บุรีรัมย์ เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าด้านแคปของรถ มีร่องรอยเศษการอาเจียนของเด็ก พบร่องรอยคล้ายรอยนิ้วมือของเด็กตามกระจกรถ คาดว่าน่าจะพยายามดิ้นรนหาทางเอาชีวิตรอด จึงถ่ายภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงจะต้องมีการสอบสวนต่อไป



ด้านนาง ละมุน อายุ 64 ปี ยายน้องเอ เล่าว่าหลังจากลูกสาวพาหลานกลับมาถึงร้าน เห็นลูกสาวเอานมลงจากรถไปไว้ในบ้าน ตนยังทักว่า "ลูกอีกคนหนึ่งไปไหน” ลูกสาวตอบว่า "ปั่นจักรยานเล่น" จึงไม่ค่อยสนใจ มารู้อีกทีหลานก็เสียชีวิตแล้ว