อาชญากรรม

ทลายรังคอลเซ็นเตอร์ อ้างเอฟบีไอตุ๋นเหยื่อมะกันสูญ 3 พันล้าน

โดย kanyapak_w

21 มี.ค. 2566

501 views

สนธิกำลังคอมมานโด-ตำรวจไซเบอร์-สตม.ร่วมกับ เอฟบีไอ-ยูเอสซีเคร็ท เซอร์วิส  ปูพรม 36 จุดใน 4 จังหวัด ทลายรังคอลเซ็นเตอร์ อ้างเอฟบีไอตุ๋นเหยื่อมะกันสูญ 3 พันล้าน



เมื่อวันที่ 21 มี.ค.พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3  พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย รองผบก.ภ.จว.ชลบุรี  พ.ต.อ.บุญฤทธิ์ ศรีวิจิตร รอง ผบก.ปฏิบัติการพิเศษ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ และยูเอสซีเคร็ท เซอร์วิส ,สนธิกำลังตำรวจบช.สอท. บก.ตม.3 ชุดปฎิบัติการพิเศษคอมมานโด ตำรวจชลบุรี และปปง.เปิดปฎิบัติการทลายรังคอลเซ็นเตอร์ ปิดล้อมตรวจค้น 36 เป้าหมาย ในพื้นที่จ.ชลบุรี จ.ระยอง,จ.สมุทรปราการ และจ.ร้อยเอ็ด



โดยจุดที่น่าสนใจเป็นการตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งบ้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวหนึ่งชั้น จากการตรวจสอบพบ เอกสารหลักฐาน อาทิ สมุดบัญชีธนาคาร จำนวนมาก โทรศัพท์มือถือกว่า 10 เครื่อง รถยนต์ 4  อาวุธปืน1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน  พร้อมกันนี้ได้เชิญตัวเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นชายชาวอินเดีย พร้อมกับหญิงคนไทย3 คนมาทำการสอบปากคำ



พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ปฎิบัติการครั้งนี้เป็นการร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงาน สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเอฟบีไอ และ United States Secret Service  หรือซีเคร็ท เซอร์วิส ของประเทศสหรัฐอเมริกาในการแสวงหาความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยกรณีนี้สืบเนื่องจากทั้งสองหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาได้รับรายงานว่ามีผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาถูกขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ใช้อุบายหลอกเหยื่อโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ หลอกว่าธุรกรรมการเงิน และเงินในบัญชีของเหยื่อมีความผิดปกติ



รวมทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด  ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตลอดระยะเวลา 2 ปี พบมีผู้ตกเป็นเหยื่อ 365 ราย เสียหายกว่า3พันกว่าล้านบาท ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีการโอนเงินข้ามประเทศและใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้ง จึงได้นำข้อมูลสืบสวนหารือกับพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผบ.ตร. ก่อนที่ทางผบ.ตร.จะสั่งการให้บช.สอท.ตรวจสอบ จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว



รองผบ.ตร.กล่าวว่า ทั้งนี้ในส่วนของการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ที่เป็น ถือเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ และเป็นนโยบายแห่งชาติที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญ ซึ่งทางพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มคนร้ายต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย และใช้ประเทศไทยเป็นที่หลบซ่อนหรือเตรียมการในการกระทำความผิด อย่างไรก็ตามจะทำการขยายผลพร้อมประสานงานกับทางสำนักงานปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อทำการยึดทรัพย์ขบวนการนี้ต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้(22มี.ค.) เวลา 10:00 น. ที่บช.สอท. จะมีการแถลงข่าวสรุปผลปฎิบัติการ ซึ่งทางพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.จะเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตนเอง



คุณอาจสนใจ

Related News