อาชญากรรม

รวบแล้ว แก๊งจีนอุ้มรีด นศ.สาวจีน 3 ล้าน ขณะหนีข้ามชายแดน แจ้ง 2 ข้อหาหนัก

โดย passamon_a

20 มี.ค. 2566

234 views

จากกรณีที่มีเหตุคนร้ายชาวจีน จำนวน 2 คน ใช้กรรไกรจี้นักท่องเที่ยว และนักศึกษาปริญญาโท สาวชาวจีน พร้อมเพื่อนหญิงอีกราย บังคับห้ามส่งเสียง ก่อนจะจับมัดมือ และปิดตา ขึ้นไปรีดทรัพย์ บนรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ได้เงินสกุลหยวน และเงินสกุลคริปโต ไปจากผู้เสียหาย กว่า 3.3 ล้านบาท จากร้านอาหารย่านเอกมัย ก่อนนำไปทิ้งไว้ย่านมีนบุรี เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา


ความคืบหน้า วานนี้ (19 มี.ค.66) ตำรวจฝ่ายสืบสวนหลายหน่วยงานของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกันจับกุม และนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้จากพื้นที่ จ.สระแก้ว ขณะกำลังพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ ต่อมา พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมาพร้อมกับเรียกคณะทำงานทั้งหมดที่ร่วมกันจับกุมมาประชุมหารือ หลังมีการสอบปากคำผู้ต้องหาตลอดคืนที่ผ่านมา


โดย พลตำรวจตรีนพศิลป์ ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 20.08 น. ผู้เสียหาย Ms. Weng, Meng Lu สัญชาติจีน อายุ 32 ปี ได้เดินทางมาทานอาหารที่ร้าน TORISAWA22 ถนนเอกมัย


โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกนาทีรถตู้อัลพาร์ดของผู้ต้องหา เข้ามาจอดที่ลานจอดรถของร้านอาหาร เวลา 20.26 น. ต่อมาหลังรับประทานอาหารเสร็จผู้เสียหายได้เดินลงมาจากร้านอาหาร ก่อนที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่า เพื่อนสาวของผู้เสียหายพยายามจูงมือผู้เสียหายเดินไปใกล้ ๆ รถตู้ จากนั้นพบชายคนหนึ่งเปิดประตูรถตู้พร้อมจับมือและบีบคอ ก่อนกระชากขึ้นรถ


จนกระทั่งเวลา 21.50 น. ผู้เสียหายให้การว่า เมื่อขึ้นไปบนรถตู้ถูกพันธนาการ ปิดตา ผูกมือ เมื่อขึ้นรถไปสักระยะได้ทำการเปิดตาผู้เสียหาย และบังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นเงินสกุลดิจิตอล จำนวน 200,000 USDT แต่ผู้เสียหายมีเพียง 8,014 USDT หรือประมาณ 270,000 บาท และมีการโอนเงิน 250,000 หยวน


พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นผู้ต้องหาขับรถวนไปเรื่อย ๆ ไม่ได้มีการจอดพักที่จุดไหน จนกระทั่งช่วงเช้าวันที่ 17 มี.ค. กลุ่มคนร้ายได้พยายามให้ผู้เสียหายติดต่อญาติ และเพื่อนชาย ให้โอนเงินเพิ่ม จำนวน 50,000 USDT หรือ 1,700,000 บาท ก่อนจะปล่อยตัวผู้เสียหายลงที่ย่านมีนบุรี หลังลงจากรถผู้เสียหายได้ใช้มือถือถ่ายภาพจุดที่ถูกปล่อยตัว ก่อนจะเรียกแท็กซี่กลับที่พักพร้อมกับเพื่อนสาว โดยเพื่อนสาวรายนี้ได้ขอลงที่ย่านสยามพารากอน ก่อนที่ช่วงเย็นผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ ให้ดำเนินการกับแก๊งอุ้มรีดกลุ่มนี้


จากการสืบสวนพบว่า รถตู้ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถที่เช่ามา ตำรวจจึงนำตัวคนที่ติดต่อเช่ามาสอบปากคำ โดยเจ้าตัวอ้างว่ากลุ่มคนร้ายขอให้ช่วยเช่ารถตู้คันดังกล่าวให้ โดยตนเองจะได้ค่าเช่าส่วนต่าง 3,000 บาทต่อวันจากคนร้าย โดยเช่าจากเต้นท์ 5,000 บาท เอามาให้คนร้ายเช่าต่อ 8,000 ต่อวัน โดยมีการตกลงเช่า 3 วัน


พล.ต.ท.นพศิลป์ กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุตามกำหนดการคนร้ายจะต้องคืนรถให้ในวันที่ 17 มี.ค. แต่ตนเองไปเที่ยวที่พัทยา คนร้ายจึงได้นำรถไปจอดไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง และจ้างให้แท็กซี่ขับรถไปคืนตนเองที่พัทยา ซึ่งทางทีมสืบสวนได้ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้สกัดกั้นการเข้าออก จนพบว่าเมื่อคืนกลุ่มคนร้าย 3 คน ซึ่งคนแรกทำหน้าที่ขับรถ คนที่ 2 ทำหน้าที่ใช้กรรไกรจี้ผู้เสียหายขึ้นรถ และคนที่ 3 คือหญิงสาวที่มาทำทีตีสนิทเป็นเพื่อนผู้เสียหาย ทำหน้าที่นกต่อ กำลังหลบหนีที่ชายแดนบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว เพื่อเตรียมเดินทางออกไปประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้ทำการควบคุมตัวไว้ จากการสอบสวนยังไม่ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด


พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนผู้เสียหายพบว่า รู้จักกับหญิงที่เป็นนางนกต่อ เกือบ 1 ปี โดยจะมีการพูดคุยกันเฉพาะเวลามาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งผู้เสียหายเคยมาเที่ยวที่ประเทศไทยจำนวน 3 ครั้ง ซึ่งเดินทางเข้าประเทศไทยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.66 ส่วนกลุ่มคนร้ายที่เข้ามาตีสนิทผู้เสียหายน่าจะมีข้อมูลจากที่ตนเองได้รับเงินจากการเวนคืนที่ดินที่จีนจำนวนมาก และพบว่ายังมีความพยายามจะก่อเหตุมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ผู้เสียหายไม่เดินทางมาตามนัด ก่อนจะสามารถก่อเหตุได้ในวันที่ 16 มี.ค.


รอง ผบช.น. กล่าวด้วยว่า ส่วนการเดินทางเข้า-ออก ของกลุ่มคนร้าย เคยเดินทางเข้าประเทศไทย จำนวน 3 ครั้ง เดินทางเข้ามาครั้งแรกช่วงวันที่ 24 พ.ค.65 ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ยังไม่ให้การใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานในการแจ้งข้อหา จำนวน 2 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ 2.ร่วมกักขังหน่วงเหนี่ยว


ทั้งนี้ ผบช.น. ได้กำชับให้ฝ่ายสืบสวนเร่งขยายผล ว่ามีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ อีกทั้งยังให้ประสานตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งจีนสีเทา ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ที่มีการควงปืนเรียกค่าไถ่จากกลุ่มคนรวยหรือไม่ต่อไป


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/1mixnzD9CfQ


คุณอาจสนใจ