อาชญากรรม

ญาติเศร้า หญิงสูงวัยหนีไฟไหม้ไม่ทัน ถูกคลอกดับสลด หลังร่วมเผาตอซังข้าว เพลิงลามติดไร่อ้อย

โดย weerawit_c

16 มี.ค. 2566

447 views

วานนี้ (15 มี.ค.66) พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีคนถูกไฟไหม้ในทุ่งนาและไร่อ้อย และไฟได้คลอกหญิงชรา เสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนา บ้านประดู่ ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ จึงนำกำลังออกไปตรวจสอบ พร้อมประสานหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม และแพทย์เวรโรงพยาบาลบ้านด่านร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นทุ่งนาในเขตรอยต่อ ต.วังเหนือ ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน และ ต.หนองใหญ่ อ.สตึก ห่างจากหมู่บ้านประดู่ ประมาณ 5 กม. พบไฟกำลังลุกลามทุ่งนาไปติดกับไร่อ้อยของชาวบ้าน รถดับเพลิงเทศบาลปราสาท ได้เร่งสกัดไฟเอาไว้ไม่ให้ลุกลามต่อ

ห่างจากถนนซอยประมาณ 300 เมตร พบศพ นางทอง อายุ 73 ปี อยู่บ้านตลาด ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ในสภาพสวมเสื้อชั้นในกับผ้าถุง มีร่องรอยการถูกไฟไหม้ทั่วร่าง นอนตะแคงเสียชีวิต

สอบถามนางเชียร อายุ 63 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ตนกับพี่สาว คือผู้ตาย และสามี รวม 3 คน จะทำการจุดไฟเผาตอซังข้าว เพื่อให้โล่งเตียน โดยได้วางแผนยืนอยู่คนละจุด แล้วลงมือจุดไฟพร้อมกัน ให้แต่ละคนเฝ้าระวังไม่ให้ลามไปไกล โดยเฉพาะไร่อ้อยที่อยู่ติดกัน

แต่ระหว่างที่ไฟกำลังลุกไหม้อยู่นั้น ได้มีลมกระโชกเข้ามาแล้วเปลี่ยนทิศ ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนมองไม่เห็นกันและกัน จนกระทั่งไฟเริ่มสงบ มาพบว่าพี่สาวได้เสียชีวิตแล้ว ยอมรับว่าตื่นเต้นเพราะไม่เคยเจอมาก่อน

นายเทือง อายุ 66 ปี น้องเขยผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ตนมีหน้าที่อยู่ฝั่งทางไร่อ้อยของชาวบ้าน ป้องกันไม่ให้ไฟลามไปติดไร่อ้อย แต่ว่าลมแรงและหมุนไปมา จนเอาไม่อยู่ ช่วงนั้นควันไฟคละคลุ้งจนมองไม่เห็นอะไร เห็นเพียงพี่ภรรยากำลังวิ่งออกไป เหมือนจะหนี จึงวิ่งลัดป่าอ้อยเพื่อจะหาทางช่วย แต่สุดท้ายไปไม่ทัน พี่ของภรรยาถูกไฟไหม้เสียชีวิตแล้ว

ด้านนายสัญญา ชาญวิเศษ นายก อบต.วังเหนือ อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า พื้นที่ 3 ตำบลใกล้กัน ชาวบ้านจะทำการเกษตรหลายชนิด มีทั้งมันสำปะหลัง ข้าวและอ้อย ที่ผ่านมาทั้งผู้นำทั้ง 3 ตำบล จับมือกันรณรงค์ไม่ให้ชาวบ้านจุดไฟเผาตอซังข้าว และเผาอ้อย เพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นพิษที่กำลังจะรุนแรงอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ ถึงกับสั่งกำชับว่า อ้อยที่ถูกไฟไหม้ โรงงานจะไม่รับซื้อหากไม่มีเหตุผลเพียงพอ ทำให้เกษตรกรไม่กล้าเผาอ้อย แต่ครั้งนี้ดูแล้วเจ้าของไร่อ้อยน่าจะสุดวิสัย

“เสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต และเสียดายอ้อยของเกษตรกรที่อยู่ติดกัน ยังไม่รู้ว่าโรงงานน้ำตาลจะรับซื้อหรือไม่

ซึ่งหากโรงงานน้ำตาลปฏิเสธการรับซื้ออ้อยจากไร่นี้ ซึ่งคาดว่าไฟเผาไปประมาณ 3-5 ไร่ ตนอาจจะยื่นมือมารับซื้ออ้อยเอาไว้แล้วเอาให้ชาวบ้านที่ยากไร้ หีบขายเป็นน้ำตาลสด เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนทั้งสองฝ่าย และขอแจ้งเตือนเกษตรกรที่คิดจะเผาตอซังข้าวว่า ได้ไม่คุ้มกับเสีย แทนที่จะได้ปุ๋ยจากตอซังข้าว กลับมาสูญชีวิตคนทั้งชีวิต”

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/aL1DiTQaW2M

คุณอาจสนใจ

Related News