อาชญากรรม

"อัยการดาว" เผย ศาลฯ เตรียมแยกฟ้องสำนวนคดี "แตงโม นิดา" เสียชีวิต วันศุกร์หน้า

โดย kanyapak_w

10 มี.ค. 2566

183 views

นางสาวสุภาภรณ์ หรือ อัยการดาวอัยการผู้ดูแลสำนวนคดีการเสียชีวิต เเตงโม นิดา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าววันนี้ว่า สำหรับจำเลยที่ 3-6 ที่ยังคงให้การปฎิเสธนั้น ศาลได้สั่งให้อัยการแยกคดีออกเป็น 2 ส่วน คือในส่วนของจำเลยที่ 1 และ 2 ที่ให้การับสารภาพไปแล้ว แยกออกจากจำเลยที่ 3-6 ที่ยังคงให้การปฎิเสธต่อสู้คดี และให้ทำเรื่องส่งฟ้องเข้ามาใหม่ ภายในระยะเวลา 15 วัน




โดยทางอัยการจะทำเรื่องส่งฟ้องจำเลยที่ 3-6 ในวันที่ 17 มีนาคม 66 นี้ ในข้อหาเดิมตามที่พนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบสวนและส่งสำนวนมา ซึ่งทุกอย่างได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนจำเลยที่รับสารภาพในสำนวนเดิม ศาลจะต้องรอตัดสินผลพิพากษาในจำเลยที่ 1 กับ 2 ที่รับสารภาพก่อนในวันที่ 10 พ.ค.66 นี้ ดังนั้นสำนวนบางสำนวนยังอยู่ในสำนวนเดิม ซึ่งถ้าคดีเดิมยังไม่ทราบผลของคำพิพากษา ไม่ว่าศาลจะตัดสินลงโทษหรือรอการลงโทษ จะไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจศาลได้ และเมื่อศาลตัดสินแล้วคดียังไม่ถึงที่สุดก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายจำเลยว่า




จะอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่ ถ้าไม่อุทธรณ์หรืออัยการอุทธรณ์ก็ต้องรอผลการพิพากษาของศาลในอนาคตก่อน ดังนั้นในขั้นตอนของจำเลยที่ 1 และ 2 ถามว่าคดีถึงที่สุดมั้ยตอนนี้มีสิทธิ์ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย ซึ่งตอนนี้คุณแม่ของคุณแตงโม ได้ขอยื่นคำร้องเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว และศาลก็มีคำสั่งให้คุณแม่เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว ในส่วนของคู่ความที่เป็นโจทก์ร่วม ก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินคดีในส่วนของคุณแม่ แต่สำนวนของพนักงานอัยการที่ยื่นไปถือเป็นสำนวนหลัก ข้อหาเดิมที่ยื่นไปก็ถือเป็นข้อหาหลัก





อย่างไรก็ตามในคดีเดิมของจำเลยที่รับสารภาพ มีการคุยในชั้นศาลอยู่ก่อนแล้ว เป็นการยอมรับสารภาพในเรื่องของความประมาท เนื่องจากเป็นการนั่งเรือและมีการดื่มแอลกอฮอล์หลายชั่วโมงต้ดต่อกันในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร ซึ่งจำเลยทั้งสองก็ยอมรับตามคำฟ้องในเรื่องความประมาท นอกจากนี้อัยการดาวยังเปิดเผยถึง การทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ว่ามีการทำสำนวนที่รอบคอบรัดกุมในทุกประเด็น




จนทำให้อัยการเชื่อได้ว่าจะสามารถเอาผิดได้ในชั้นศาล แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีความพิเศษเฉพาะตัวเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นบนบกเหมือนกับคดีอื่นๆ แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในแม่น้ำจึงต้องมีการแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมนานเป็นพิเศษ อีกครั้งคดีนี้ยังได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและมีการให้ข่าวจากแหล่งต่างๆจนทำให้เกิดข้อสงสัยมากมาย ซึ่งพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้แสวงหาพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเพื่อต่อประเด็นต่างๆเหล่านี้ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในสำนวนคดี แต่ถือว่าเป็นการไขข้อสงสัยของประชาชนและโลกโซเชียล




คุณอาจสนใจ

Related News