อาชญากรรม

ญาติร้องประหารชีวิต! ‘ไอ้ต้น’ ผัวโหดราดน้ำมันจุดไฟเผา-แทงซ้ำเมียดับ อ้างรักเมียมาก ไม่ได้วางแผนฆ่า

โดย petchpawee_k

8 มี.ค. 2566

296 views

รวบแล้ว! ‘ไอ้ต้น’ สามีเหี้ยมราดน้ำมันเบนซินจุดไฟเผาภรรยาแทงซ้ำ 6 แผลเสียชีวิตคาร่องน้ำในนิคมฯบางปู เสียใจรักเมียมาก หลบหนีตั้งใจจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย อ้างไม่ได้ตั้งใจหรือวางแผนมาก่อน พี่สาวตะโกนด่า “ใจมึงทำด้วยอะไรชิงหมามาเกิดไอ้ควายโหดเกินมนุษย์ ” เรียกร้องประหารชีวิต จุดธูปเชิญวิญญาณเคาะโลงบอก  “กลับบ้านเรานะแม่รออยู่”


กรณีสามีโหดใช้น้ำมันเบนซินราดใส่ภรรยาจุดไฟเผา พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือโดนน้ำมันสาดใส่ถูกไฟเผาด้วยวิ่งลงร่องน้ำข้างทาง ไม่หนำใจสามีตามลงไปใช้มือกดคอภรรยาใช้มีดดาบกระหน่ำแทง 6 แผล เสียชีวิตสภาพร่างเปลือยภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ก่อนขับกระบะเผ่นหนี


คืบหน้าวานนี้ (7 มี.ค.) ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางปู สามารถติดตามจับกุมนายพิสุทธิ์ศิริ  หรือ ต้น อายุ 42 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ที่ก่อเหตุสุดโหด ได้แล้วพร้อมรถกระบะมิตซูบิชิ ไททัน แบบแค็บ สีขาว ทะเบียน 2 ฒฏ 5783 กรุงเทพมหานคร คันที่ใช้หลบหนี จอดซุกข้างทางลานโล่งริมถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) กม.49  มีแนวต้นไม้ขึ้นปิดบังใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง อ.บางประกง จ.ฉะเชิงเทรา

จากการตรวจค้นรถกระบะคันดังกล่าว พบของกลางเป็นมีดดาบที่ใช้ก่อเหตุ ความยาว 1 ช่วงแขน ส่วนบริเวณด้านหลังรถกระบะพบที่นอนปิคนิค ผ้าห่ม เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.บางปู โดยละเอียด ก่อนประสานให้เจ้าหน้าที่ พฐ.มาตรวจสอบเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน


หลังจากที่คุมตัวนายต้น มาถึง สภ.บางปู ตำรวจนำตัวเข้าห้องสืบสวน นักข่าวพยายามสอบถามถึงมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ ผู้ต้องหาร่ำไห้ตลอดเวลารับสารภาพก่อเหตุจริง เสียใจมาก ตนเองรักเมียมากให้ทรัพย์สินเป็นชื่อเมียทุกอย่าง อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุและไม่ได้วางแผนมาก่อน พร้อมขอโทษผู้เสียชีวิตและครอบครัว  สอบปากคำเสร็จรีบนำตัวเข้าห้องขังทันที

จากการสอบปากคำผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ตนเองและนางณัฐนันท์ ผู้ตาย อยู่กินสักระยะแล้ว ต่อมาไปพบข้อความของผู้ตายที่แอบไปคุยกับคนอื่น จึงโมโหจนเกิดมีปากเสียงกัน ต่อมาผู้ตายไปพักอยู่กับเพื่อนได้ประมาณ 4-5 วัน กระทั่งช่วงสายวันเกิดเหตุ (6 มี.ค.) ผู้ต้องหานัดผู้ตายให้มาหา 10.00 น.  ชักชวนกันไปทำบุญที่วัดคลองเก้า 11.00 น. ภายหลังจากทำบุญเสร็จ ออกจากวัด ไปจอดรถหน้าร้านอาหารใกล้กับสนามกอล์ฟใกล้กับที่เกิดเหตุ อ้างว่าถอนหงอก ให้กันในรถ เเละนอนพักผ่อน

13.00 น. ฝ่ายชายไปพบเห็นข้อความของผู้ตายที่แอบไปคุยกับชายอื่น จึงโมโหและมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จนผู้ต้องหาสติแตกใช้น้ำมันเบนซินที่เตรียมมาเทราดเมียรัก และยังเทราดตัวเองด้วย พร้อมกับขู่ว่า จะเผาให้ตายไปด้วยกันทั้งคู่ ขณะนั้นผู้ตายใจดีสู้เสือทำทีคุยดีกับผู้ต้องหาจนเริ่มใจเย็นลง /ก่อนที่ผู้ต้องหาจะขับรถไปบริเวณที่เกิดเหตุในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ผู้ตายรู้สึกคันจึงจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำมันออก เเต่ชุดอยู่หลังรถ ส่วนฝ่ายชายก็มีการถอดเสื้อเเค่ท่อนบน


จังหวะนั้น 14.00 น. ผู้ตายออกอุบายว่าหิวน้ำ ผู้ต้องหาจึงลงไปขอน้ำจากนายประภาส (พลเมืองดี) เเละเดินไปซื้อไอศกรีมจากรถขายเร่ ผู้ตายจึงฉวยจังหวะที่เผลอวิ่งลงจากรถไปขอความช่วยเหลือ จากนายประภาส (พลเมืองดี) ขณะนั้นผู้ต้องหาเริ่มสติแตก จึงกลับไปเอาน้ำมันเบนซินในรถสาดใส่ผู้ตายขณะกำลังหลบอยู่หลังนายประภาส กาภูคำ อายุ 58 ปี พลเมืองดี ก่อนที่จะหยิบไฟแช็กจุดเผา นางณัฐนันท์ ผู้ตาย จนทำให้นายประภาส ถูกไฟลวกได้รับบาดเจ็บไปด้วย

ต่อมานางณัฐนันท์ ผู้ตายวิ่งลงไปในน้ำ แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมลดมือ ยังวิ่งกลับไปที่รถหยิบเอามีดยาวกว่า 40 เซนติเมตร ตามไปจ้วงแทงนางณัฐนันท์ จนเสียชีวิต ก่อนที่จะหลบหนีไปในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา กระทั่งถูกจับกุมตัวได้ พร้อมมีดของกลางและรถยนต์กกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว ทะเบียน 2 ฒฎ 5783 กรุงเทพมหานคร ก่อนคุมตัวมาสอบสวน ที่ สภ.บางปู ทั้งนี้ ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ได้มีการเตรียมการมา ส่วนน้ำมันเบนซินอ้างว่าซื้อไปเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนไปสอบปากคำเพิ่มเติม

พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผู้กำกับการ สภ.บางปู เผยว่า เป็นการจับกุมตามหมายจับ 2 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พกพาอาวุธมีดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ เปิดเผยว่า หลังจากสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีการเตรียมการตั้งเเต่ขั้นตอนเตรียมงานรวมถึงสาเหตุที่ทะเลาะเเละฆ่า ทั้งนี้ ตำรวจได้หลักฐานครบทุกอย่างเเล้ว มีทั้งกระป๋องน้ำมันเเละอาวุธมีด

พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า สาเหตุการลงมือเกิดจากความหึงหวง โดยมีเรื่องระหองระเเหงกันมา  2 ปีเเล้ว อีกทั้งผู้ต้องหาได้ไปเจอเเชตผู้ตายคุยกันคนอื่นเเละหาเรื่องทะเลาะมาตลอด ก่อนหน้าช่วงเกิดเหตุผู้ตายหนีออกจากบ้านไปนานประมาณ 10 กว่าวัน และมีการนัดกับผู้ตายวันที่ 6 มี.ค.เพื่อเคลียร์ปัญหา

โดยอ้างว่าได้ขนข้าวของจากในหอพักออกใส่ท้ายรถกระบะ เพื่อให้ผู้ตาย ตายใจ ก่อนที่ในช่วงเช้าจะไปรับผู้ตายที่บริเวณหน้าปากซอยหอพัก เเละพาไปทำบุญด้วยกันที่วัดน้อยสุวรรณาราม หรือวัดคลองเก้า เเละเหมือนจะกลับมาคุยกันดีอีกครั้ง แต่ในส่วนเรื่องแชตของผู้ตายและผู้ต้องหานั้นตำรวจยังไม่ได้ดูรายละเอียด เชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะมีการวางเเผนไว้เเล้ว เพราะมีการซื้อน้ำมันเตรียมไว้

ส่วนอาวุธมีดดาบที่พบนั้น ผู้ต้องหาอ้างว่ามีการพกติดตัวไว้อยู่แล้ว ส่วนสาเหตุที่ไปที่บางปะกง เพื่อตั้งใจจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย โดยเส้นทางหลังก่อเหตุวิ่งไปทางเเพรกษา บางนาตราด เเละจอดริมเเม่น้ำบางปะกง  เเต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะถ้าผู้ต้องหาจะฆ่าตัวตาย ก็ตายไปตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้ว


โดยวันนี้ (8 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ตำรวจจะคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ


ขณะที่นางสนิท อายุ 53 ปี พี่สาวของนางณัฐนันท์ หรือ หมอน อายุ 45 ปี ผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่ สภ.บางปู พร้อมญาติๆ เพื่อต้องการดูหน้าผู้ต้องหา โดยพี่สาวได้ไปยืนอยู่หน้าห้องสืบสวน ร้องไห้และตะโกนเข้าไปภายในห้องด้วยความโกรธแค้นว่า “ใจมึงทำด้วยอะไรเป็นคนหรือเปล่า ชาติหมาชิงหมามาเกิด เลวมึงอ่ะ ไม่ต้องเกิดเลยนะไอ้ควาย มึงฆ่ามันทำไมเหตุผลอะไรต้องฆ่ามันด้วย”

พี่สาวของผู้เสียชีวิต เผยกับทีมข่าวว่า “จับตัวได้แล้วแต่ยังไม่เห็นหน้า อยากถามสาเหตุที่ฆ่าเพราะอะไร อยากให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุดไม่ต้องปล่อยออกมาแค้นมาก จิตใจมันทำด้วยอะไรเป็นคนอยู่มั้ย ขอให้จมธรณีไปเลย โหดร้ายสุด ๆ เกินมนุษย์ ทำกันขนาดนี้ไม่ใช่คนแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุนี้ขึ้น ที่ผ่านมาไม่เคยรู้นิสัยใจคอของคนก่อเหตุ”

ด้านนายณรงค์ฤทธิ์  อายุ 41 ปี อดีตสามีและลูกชายวัย 16 ปี ของผู้เสียชีวิต เดินทางมาโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ รับศพนางณัฐนันท์ กลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.อุดรธานี ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติๆ ต่างร้องไห้ด้วยความเสียใจ ไม่คิดว่าจะถูกผู้ต้องหาฆ่าอย่างโหดเหี้ยมอย่างนี้

อดีตสามีของผู้เสียชีวิต เผยว่า ตนกับผู้ตายเลิกรากัน 7-8 ปี แล้ว ก่อนจะมาคบกับนายต้น ซึ่งตนไม่เคยติดต่ออดีตภรรยาเลย ต่างคนต่างอยู่ ส่วนลูกชายวัย 16 ปี อาศัยอยู่กับตนที่ จ.สมุทรสาคร ตนไม่ทราบว่าทั้งสองมีปัญหาอะไรกันหลังเกิดเหตุมีตำรวจโทรมาหาตนก็ตกใจ จึงพาลูกรีบเดินทางมาโรงพัก

“ถึงเราจะเลิกรากันแล้ว แต่ความผูกพัน พ่อ แม่ ลูก เราก็ยังมี เสียใจมันโหดร้าย เคยได้ยินแต่ข่าว ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ตอนนี้สงสารลูก คงต้องดูแลกันต่อไป ส่วนคดีให้ตำรวจจัดการ อยากให้ประหารไปเลยจะได้ไม่ต้องมาระราน เผื่อเขาออกจากคุกมาเราก็ต้องแวง เป็นห่วงลูก ขอบคุณตำรวจที่จับกุมได้ โหดเกินมนุษย์”

จากนั้น 16.30 น.ญาติได้นำร่างนางณัฐนันท์ หรือ หมอน ใส่โลงศพขึ้นรถตู้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อเชิญวิญญาณพี่สาวของผู้ตายได้นำรูปของน้องสาว พวงมาลัย จุดธูป 1 ดอกบอกกล่าว “หมอนเอ้ยกลับบ้านกับพี่นะ ขอให้แม่นางธรณีปลดปล่อย พี่มารับเอาแล้ว กลับไปหาแม่ที่บ้านนะน้องเอ้ย กลับอุดรฯ นะ”


จากนั้นพี่สาวถือกรอบรูปเดินไปเคาะโลงศพบอก “กลับบ้านเรานะพี่มาเรียกเอาแล้ว ไปหาแม่เรา แม่รออยู่ที่บ้าน” จากนั้นพี่สาวเดินขึ้นรถซึ่งหลังรถกระบะมีเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของผู้เสียชีวิตที่ญาติไปเก็บมาจากห้องพักของผู้เสียชีวิต/ ขณะที่อดีตสามีและลูกชายวัย 16 ปี เดินไปเคาะหลังรถตู้ซึ่งในรถมีโลงศพ “กลับบ้านนะหมอน”

หลานสาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า “ยังรู้สึกเจ็บปวด ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครและครอบครัวของใครทั้งนั้น โล่งใจที่ตำรวจจับกุมได้แต่อยากให้ดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด อยากให้ประหารชีวิต เขาไม่ควรมีชีวิตอยู่ รักเมียแต่ก็ไม่ควรทำถึงขนาดนี้ ปล่อยให้น้าไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่จบแบบนี้ ไม่ขอพูดถึงตัวผู้ต้องหาเพราะไม่มีอะไรจะพูด สำหรับเขามันเกินมนุษย์”

ที่ผ่านมาตนเองเห็นน้าเขยรักน้าสาวของตนดี แต่เขาอาจจะมีปมในใจซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้ และที่ราดน้ำมันจุดไฟเผาถึงขั้นลงมือฆ่า คงไม่อยากปล่อยให้น้าไปไหน หรือไม่อยากให้น้าไปยุ่งเกี่ยวกับใคร จึงได้ทำแบบนั้น โหดร้ายมากไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเอง ระแวงเรื่องความปลอดภัยเพราะผู้ต้องหารู้จักที่อยู่ญาติทุกคน ทีแรกกังวลใจว่าจะไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่เชื่อฝีมือตำรวจ ขอบคุณทุกหน่วยงานและนักข่าวที่เป็นสื่อให้”

ทีมข่าวลงพื้นที่ห้องเช่า หอพักที่ผู้เสียชีวิตเคยอาศัยอยู่กับผู้ก่อเหตุภายในซอยรสทิพย์ บางปู จ.สมุทรปราการ ซึ่งกล้องวงจรปิดบริเวณหอพัก บันทึกภาพนางณัฐนันท์ ผู้เสียชีวิต ในช่วงเย็นของวันที่ 5 มีนาคม เวลาประมาณ 17.45 น. / เธอหอบหิ้วสัมภาระ กระเป๋าเสื้อผ้านั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับมาที่หอพัก ภายหลังที่เธอได้ไปพักอาศัยอยู่กับเพื่อนประมาณ 2 อาทิตย์ เพื่อหลบหนีสามีที่ตามราวีและขู่ฆ่า กระทั่งวันที่ 6 มี.ค.ทั้งสองได้เจอกันและเกิดเหตุสลดขึ้น


เพื่อนบ้านในหอพักของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผู้ตายเพิ่งกลับมาที่หอเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ผู้ตายเคยมาปรึกษาว่า นายต้น ผู้ก่อเหตุ มักหึงหวงและจะมีปัญหากันตลอดระยะเวลาที่อยู่กันมา 4-5 ปี จนทำให้ผู้ตาย ต้องเอามีดทำครัวไปซ่อน เพราะกลัวว่าจะถูกทำร้าย ผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่า นายต้นมีมีดยาวอยู่หนึ่งเล่มแต่ไม่รู้ว่าเก็บไว้ที่ไหน


ส่วนปมสาเหตุก็มาจากเรื่องหึงหวง รวมถึงเรื่องที่ฝ่ายชายไม่ได้จ่ายค่างวดรถมา 3-4 งวด จนถูกไฟแนนซ์โทรตาม เนื่องจากชื่อรถนั้นเป็นของภรรยา เพราะฝ่ายชายติดแบล็คลิสต์ ทำให้กู้ไม่ผ่าน ซึ่งเมื่อมกราคม ปี 65 ผู้ตายได้โบนัส ก็นำเงินไปจ่ายค่างวดรถให้ฝ่ายชาย พอมาปีนี้ผู้ตายไม่ได้เอาเงินโบนัสมาจ่ายให้ ทำให้ทะเลาะและมีปากเสียงกัน จนล่าสุดที่ฝ่ายหญิงทนไม่ไหวแล้ว จึงย้ายออกจากหอพักไปนานกว่า 10 วัน ผู้ก่อเหตุคิดว่าฝ่ายหญิงไปมีคนอื่น พฤติกรรมของฝ่ายชายมักชอบหยิบยืมเงินคนในซอย หลังๆ ไม่มีใครให้ยืม


ย้อนไปเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2557 ในท้องที่  สภ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาจ้างมอเตอร์ไซค์มาจากขอนแก่นเพื่อมาหาอดีตแฟน อายุ 41 ปี ซึ่งคนละคนกับผู้เสียชีวิต  ที่บ้านในท้องที่ สภ.วิเชียรบุรี ก่อนใช้น้ำมันเบนซินที่เตรียมมาราดตัวเองหวังจะจุดไฟเผาร่าง แต่ไม่เจอแฟนสาวเลยไม่เผา และกลับมาอีกครั้งใช้มีดพยายามแทงที่หน้าท้องตัวเอง เพื่อเรียกร้องขอพบอดีตแฟนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจบชีวิตตนเอง ตำรวจจึงใช้ความพยายามเกลี่ยกล่อม 2 ชั่วโมง จึงยอมสงบสติอารมณ์วางมีดก่อนเชิญตัวไปที่ สภ.วิเชียรบุรี


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/MZKDtT1sV_g

คุณอาจสนใจ

Related News