เมียยันสามีรปภ.เตือนหนุ่มขับรถเร็ว ไม่ได้ยียวนใช้มือชี้หูด่าว่า "หูตึงเหรอ"

กรณี แฟนเพจ อีซ้อขยี้ข่าว2 โพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมระบุข้อความว่า "หนุ่มนักศึกษาโดน รปภ. เรียกให้หยุดรถเพื่อตักเตือนห้ามใช้ความเร็วในมหาวิทยาลัย ทำให้เจ้าตัวไม่พอใจเดินปรี่เข้าไปชกต่อย รปภ. หลังเกิดเรื่องเจ้าตัวได้ไลฟ์สดชี้แจงกรณีดังกล่าว ซึ่งใครฟังก็คงจะรู้สึกไม่โอเค....(มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังย่านสุวรรณภูมิ)" 

ล่าสุดวันที่ 6 มี.ค. 65 ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เดินทางไปที่บ้านของ นายสมนึก อายุ 53 ปี รปภ.ที่ถูกชายคนดังกล่าวทำร้ายร่างกาย จึงได้พบกับภรรยาของลุง รปภ.บอกว่าวันนี้ลุงได้ไปทำงานที่มหาวิทยาลัยตามปกติ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ 24 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา

โดยสามีกลับมาบ้านในลักษณะที่โหนกแก้มด้านขวาบวมช้ำ และปวดตามใบหน้าลำคอ เมื่อสอบถามสามีเล่าให้ฟังว่า ถูกชกต่อยในมหาวิทยาลัย จึงพากันไปแจ้งความที่ สภ.บางเสาธง โดยมีหัวหน้างานและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไปด้วย พร้อมกับเรียกคู่กรณีมาเจรจา ซึ่งคู่กรณีขอจ่าย 1,000 บาทเพื่อจบเรื่อง ซึ่งตนและสามี รวมถึงหัวหน้างานไม่ยอม ต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะหลังจากเกิดเหตุ วันที่ 3 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าวก็เข้ามาในมหาวิทยาลัยอีกรอบ และมีปัญหากับทางมหาวิทยาลัย

"ที่เกิดเรื่องเพราะคู่กรณีเข้าใจว่า ลุงทำท่าทางกวนประสาท ชี้ที่หูและด่าว่า หูตึงเหรอ ที่ลุงทำลงไปแค่เป็นอาการเกาหู ทำให้คู่กรณีเข้าใจผิด เพราะสามีต้องใส่แมสก์ทำงานตลอด เวลาเหงื่อออกจึงจะคันตรงบริเวณหลังหู" ภรรยาของลุง รปภ. กล่าวให้ฟัง 

ภรรยาของลุง รปภ. กล่าวยืนยันว่า สามีเป็นคนไม่ค่อยพูดและไม่มีนิสัยหาเรื่องใคร และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็รักลุงมาก มักจะซื้อขนม ของกินมาให้เป็นประจำ

นอกจากนี้ ทีมเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ลงพื้นที่ไปยังมหาวิทยาลัยที่เกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ปรากฎอยู่ในคลิป วันนี้ไม่ได้มาทำงาน และไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ซึ่งทีมข่าวฯได้สอบถามไปยังหัวหน้างาน รปภ. เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุลุงสมนึก กำลังยืนโบกรถอยู่ที่แยกภายในมหาวิทยาลัย โดยใช้นกหวีดให้สัญญาณหลายครั้งและชี้มาที่หู ซึ่งอาจจะมีการสื่อสารทำให้เข้าใจผิด ยืนยันว่า รปภ.ไม่มีเจตนาที่จะยียวนกวนประสาท แต่จู่ ๆ ผู้ก่อเหตุลงมาจากรถและตรงปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกายตามคลิป

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นผู้บาดเจ็บแจ้งความไว้ที่ สภ.บางเสาธง ก่อนที่ตำรวจจะเรียกตัวผู้ก่อเหตุเข้ามาสอบสวนและดำเนินคดี ส่วนผู้ก่อเหตุ ก็ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางเสาธง เช่นกัน โดยอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยที่เกิดเหตุกักขังหน่วงเหนี่ยว