อาชญากรรม

แม่เด็ก 8 เดือน เผยเหตุเปิดปากสารภาพ เชื่อใจนักข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ - ศาลให้ประกัน วงเงิน 9 พันบาท

โดย petchpawee_k

28 ก.พ. 2566

224 views

ศาลให้ประกันตัว 9,000 แม่เด็ก 8 เดือน หลังถูกแจ้งจับ 3 ข้อหา ด้าน  'พ่อ น.' ฉุนนักข่าวบางช่อง โฟนอินถาม ‘เคยมีอะไรกับลูกตัวเองไหม’ ซัดกลับ ใช้อะไรคิด ขณะที่ผู้สื่อข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ เปิดใจ นางสาว “น” เปิดปากสารภาพ เพราะเชื่อใจ


คุณวิภาดา นิ่มทอง ผู้สื่อข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ เผยเหตุที่แม่ของเด็กให้การรับสารภาพ ระหว่างรอสอบปากคำก็ได้ออกมาพูดคุยกับสื่อมวลชนที่รอทำข่าวนานกว่า 30 นาที พร้อมเล่าถึงที่มาที่ไป ว่าทำไมแม่ของเด็กจึงไว้ใจตนเอง


ออย วิภาดา บอกว่า ตัวเธอเองนั้น เป็นผู้ให้การประสานงาน แรกเริ่ม คือพี่มูลนิธิวินวิน มาลงพื้นที่ และมูลนิธิกระจกเงา จึงขอหัวหน้ามามาทำข่าวในพื้นที่ และเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ จึงเข้าไปพูดคุยกับนางสาว น และครอบครัว โดยบอกว่า ต้องการข่วยเหลือเด็กที่หายไป และรู้สึกสงสารแม่เด็ก และตัวเด็ก เพื่อที่ต้องการตามหาตัวเด็ก จึงพยายามปลอบโยน ให้ความอบอุ่นกับแม่ของเด็ก จนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เวลาคุย จะจับมือ และกอดแม่เด็กให้กำลังใจเสมอ จนทำให้แม่ของเด็กเริ่มกล้าพูด และกล้าให้พาไปทำพิธีค้นหาน้อง ในเมื่อวันที่ 25 ก.พ.66


และเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมาแม่เด็กจึงยอมรับกับคุณออยว่า “เป็นผู้นำตัวเด็กไปทิ้งที่น้ำจริง และเรื่องราวต่างๆ เนื่องจากร้องไห้เสียงดัง และพยายามเขย่าตัว จนหลุดมือ และแน่นิ่งไป คาดว่าหลับ จนมาให้นมในช่วง 05.00 น.และทราบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงได้นำร่างเด็กไปทิ้งที่น้ำ ในจุดดังกล่าวจริง”


ตนเองไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากมาย เพียงแต่แม่เด็กค่อนข้างไว้ใจ เนื่องจากเคยได้ช่วยเหลือในการประสานต่างๆ ทั้งไปรับไปส่งกลับบ้าน เมื่อครั้งมาปรึกษา และนำรถของสามีมาคืน ที่โรงพัก รวมถึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอด อีกทั้งตนเองก็มองว่า แม่ของน้อง อายุวัยไล่เลี่ยกับลูกของตนเอง จึงรู้สึกเอ็นดูสงสาร


ใจนึงเข้าใจในความรู้สึกที่เด็กคนนึงเป็นแม่คน แล้วทางสามีก็มีพฤติกรรมต่างๆ จากที่เคยเผยแพร่ไปในสื่อ ขายบริการ หรือไปมีเพศสัมพันธ์ กับคนอื่นเพื่อหาเงินมา อีกทั้ง แม่ของ น.ส. น. เองนั้นก็ป่วยติดเตียง และพ่อนั้นเป็นผู้พิการ ตาบอด นี่จึงอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้ไม่กล้าปรึกษา หรือบอกกับใครเพราะไม่รู้จะไว้ใจผู้ใดได้หรือไม่ และเป็นห่วงแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงหากตัวเองติดคุก


จากนั้น เมื่อพูดคุยกับสื่อเสร็จ ระหว่างนั้นตำรวจสถานีตำรวจ บางเลน จ.นครปฐม ได้เข้ามาตามตัว วิภาดา ไปห้องสอบสวน ซึ่งเป็นการร้องขอจากแม่เด็ก ว่าต้องการให้วิภาดาเข้าร่วมรับฟังการสอบสวนครั้งนี้ด้วย โดยเข้าไปในห้องสอบสวน มีพ่อของแม่เด็ก และสหวิชาชีพ โดยแม่เด็กมีอาการเครียดและไม่สบายใจ และไม่มีความรู้เรื่องการเซ็นเอกสารต่างๆ จึงขอให้วิภาดา อยู่ด้วย


จากนั้น ตำรวจก็ขอสอบปากคำ วิภาดา ในฐานะพยานและพลเมืองดี ที่ทำให้คดีนี่คลี่คลาย


โดยตำรวจขุดสืบสวน ที่เคยสอบปากคำนิ่ม บอกว่า การสอบปากคำนิ่มครั้งนี้ ดูสบายใจ และสดใสกว่าทุกครั้ง และขอบคุณวิภาดา และทีมข่าวเรื่องเล่าเข้านี้ที่ข่วยทำให้คดีนี้คลี่คลาย และยอมบอกจุดที่ทิ้งเด็ก


เบื้องต้นแม่เด็ก 8 เดือน ให้การยืนยันกับตำรวจ ว่าคำสารภาพที่ได้บอกกับวิภาดาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด โดยตำรวจพยายามซักรายละเอียดจุดที่ทิ้งลูกให้ชัดๆ เพราะยังไม่สามารถค้นหา เด็กวัย 8 เดือนพบ โดยแม่เด็ก 8 เดือนให้การยืนยันกับตำรวจต่อหน้าวิภาดาว่า จุดที่ทิ้ง คือ จุดที่ได้บอก พร้อมวาดภาพชี้จุด ไปแล้ว ซึ่งทั้งหมด ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด

------------------------------

ขณะที่ช่วงเช้าวานนี้ (วันที่ 27 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับคลิประหว่างที่ผู้สื่อข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ คุณวิภาดา นิ่มทอง รวมถึงเจ้าหน้าที่มูลนิธิวิน วิน พาแม่ของเด็กวัย 8 เดือน ไปพบตำรวจ ที่สภ.บางหลวง หลังจากที่เจ้าตัวไว้ใจ และยอมสารภาพกับทางมูลนิธิ และผู้สื่อข่าว


โดยในคลิปนี้ ทางผู้สื่อข่าวได้ขออนุญาตทางแม่เด็ก และขออนุญาตเผยแพร่ข้อความ โดยระบุว่าจะเป็นการพูด และสื่อสารกับสื่อมวลชนเพียงครั้งเดียว โดยนิ่มบอกว่า “ก็หนูไม่รู้จะอธิบายยังไง คือ หนูวางน้องไว้ตรงนั้น แต่ถ้าเกิดเป็นแบบ อย่าเพิ่งมาถามข้อมูลแบบลึกๆ คือหนูยังไม่พร้อมที่ว่าจะให้รายละเอียดมากกว่านี้อ่ะค่ะ ถ้าเกิดแบบรายละเอียดเยอะๆ กว่านี้ ก็ถามทางตำรวจเอาเองเลยค่ะ”

----------------------------------------------------------------

ศาลเยาวชนและครอบครัวนครปฐม ให้ประกันตัว นางสาว “น” พร้อมเงื่อนไขรายงานตัวตามนัด

 วานนี้ (วันที่ 27 ก.พ.) เมื่อเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวแม่ของเด็กชายวัย 8 เดือน ไปฝากขังที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครปฐม หลังการสอบปากคำเสร็จสิ้นนาน 6 ชั่วโมง ทันทีที่ออกมาแม่ของเด็กได้สวมหมวกสีกรมท่าปิดบังใบหน้า พร้อมกับกอด คุณออย ผู้สื่อข่าวหญิง ที่แม่เด็กไว้ใจออกมาจากห้องสอบปากคำเพื่อขึ้นรถตำรวจ โดยมีเจ้าหน้าตำรวจหญิง 2 นาย คอยอำนวยความสะดวก


โดยนางสาว “น” ถูกแจ้งข้อหา 3 ข้อหา แม่เด็ก คือ "ประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย  ปิดบัง ซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย หรือทำลาย เพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่ง การตาย  แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนเสียหาย


ต่อมาเวลา 18.30 น. ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดนครปฐม ได้อนุญาตให้ประกันตัว น.ส.“น” ในวงเงิน 9,000 บาท โดยมีนายสาน คุ้มพิมพ์ อายุ 58 ปี ผู้เป็นพ่อ เป็นคนยื่นประกัน พร้อมกับมี เจ้านายของ นายสาน เป็นผู้ค้ำประกัน ก่อนที่ญาติจะมารับ ไปอยู่ในความดูแลของครอบครัวต่อไป


โดยมีเงื่อนไข นางสาว “น” ต้องมารายงานตัวตามนัด และรายงานตัวกับเจ้านายพ่อ ซึ่งเป็นผู้ให้ที่พักอาศัย นางสาว “น” บริเวณบ่อปลา


ทั้งนี้ ยังไม่มีการแถลงข่าวในวันนี้ (27 ก.พ.) โดยผู้กำกับการ สภ.บางหลวง ระบุว่าจะมีการแถลงปิดคดีในวันนี้ (28 ก.พ.) ในเวลา 10.30 น. โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จะเป็นผู้แถลงเอง ที่ สภ.บางหลวง โดยจะมีรายละเอียดของคดีทั้งหมด


หลังจากได้รับการประกันตัว นางสาว “น” ก็ได้ไปอาศัยกับญาติ และต้องไปรายงานตัวที่สถานพินิจนครปฐม ในเช้าวันนี้ (28 ก.พ.)

นางสาว “น” เปิดใจ กับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ว่า ขอโทษสังคม ขอโทษตำรวจ นักข่าวและชาวบ้านทุกคน ที่โกหกในครั้งแรก เพราะไม่รู้จะปรึกษาใคร เหตุการณ์เกิดขึ้น เพราะพลาดที่อุ้มลูกแล้วลูกหล่น หัวกระแทกพื้นที่ห้องนอน ในเวลาประมาณตีสอง จากนั้นพบว่า ลูกนอนแน่นิ่งแล้วประมาณ ตีสามจับดูลูก ไม่หายใจแล้ว  กลัวความผิดและไม่รู้จะปรึกษาใคร จึงตัดสินใจ อุ้มลูก เดินออกจากบ้าน มาที่คลองท่อ ห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร แล้วเดินลงริมตลิ่ง และวางลูกลงน้ำ แล้วหันหลังกลับบ้านทันที และก็นอนไม่หลับทั้งคืนจนกระทั่งเช้าก็บอกว่าลูกหาย


สาเหตุที่ต้องโกหก นางสาว “น” บอกว่า “ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะถ้าบอกสามี ก็กลัวโดนทำร้ายร่างกาย และชีวิตของเธอไม่มีใคร พ่อก็อยู่อีกอำเภอและบกพร่องทางสายตา ชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ ส่วนแม่ก็ป่วยติดเตียง จากอาการเส้นเลือดสมองแตก ไม่รู้จะปรึกษาใครจริงๆ จึงตัดสินใจทำแบบนั้น” และทุกสัปดาห์ นางสาว “น” ต้องพาแม่ ขี่ซาเล้ง ไปทำกายภาพ หากต้องติดคุก ก็จะไม่มีใครดูแลแม่ จึงเลือกโกหก


จากนี้ จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไปอยู่กับพ่อ และดูแลแม่ที่ป่วยติดเตียง พาไปทำกายภาพทุกสัปดาห์เหมือนเดิม และอยากเรียนหนังสือ เพื่อจะได้ทำงานมีเงินเลี้ยงดูพ่อแม่ ส่วนใครที่ยังไม่เชื่อและเกลียดชังนี้นนางสาว “น” บอกว่า เธอถูกเกลียดตั้งแต่แรกมาตลอดตั้งแต่เกิดเรื่อง  ส่วนเหตุผลที่ไว้ใจและยอมให้ข้อมูลกับวิภาดา ผู้สื่อข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ เพราะเชื่อใจ และเห็นความจริงใจ ครั้งแรกก็เห็นพี่วิภาดามาถามข้อมูลเหมือนนักข่าวคนอื่นๆ แต่คุยกับพี่วิภาดาแล้วสบายใจ เชื่อใจ  และที่ไม่ยอมให้การกับตำรวจสภ.บางหลวง เพราะกลัวและไม่ไว้ใจ จึงโกหกมาตลอด แต่จากนี้ ไม่โกหกอีกแล้ว และภาวนาขอให้เจอร่างของลูก จะนำไปทำบุญ

-------------------------------------------

ทางด้าน พ่อของ น. เปิดเผยกับทีมข่าว เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังหมอดูหนึ่ง ลงพื้นที่มาทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ในการช่วยค้นหาน้องต. ถึง 2 วัน ซึ่งวันแรกที่หมอหนึ่งมาถึงและกำลังพูดคุยกับน.อยู่ในบ้านพ. พ่อของ น. เดินไปโวยวายหน้าบ้าน บอกกับลูกสาวตัวเองว่าไม่ต้องให้สัมภาษณ์ไม่ต้องให้ข้อมูลอะไรแล้ว ตัวเองรู้ว่าน้องต.อยู่ไหน เดี๋ยวพาไปหาเอง ทำให้น.ที่กำลังจะเปิดใจพูดกับหมอดูหนึ่ง เงียบทันทีแล้วเดินออกจากบ้านไป


ซึ่งพ่อ น.บอกว่า ความจริงไม่รู้หรอกว่าเด็ก 8 เดือนอยู่ไหน แต่ที่ทำไปแบบนั้นเป็นเพราะความเครียดสะสม ประกอบกับตัวเองกำลังเมา และรู้สึกสงสารลูกสาว ที่ถูกเค้นถูกกดดันมาโดยตลอด ตัวเองไม่ได้ลบหลู่หมอดู แต่ส่วนตัวไม่เชื่อ มองว่าสิ่งที่หมอดูคนดังกล่าวทำ เป็นกุศโลบาย หลอกลูกสาวตนมาเค้นถาม ซึ่งหากจะทำพิธีอย่างเดียวตนไม่ว่า แต่อย่าเอาลูกสาวของตนไปเค้นถาม เพราะที่ผ่านมาโดนตำรวจเค้นสอบทุกวันเเล้ว


อย่างไรก็ตาม หากถามว่ายังเชื่อมั่นในตัวลูกหรือไม่ ส่วนตัวยัง 50:50 หากตำรวจมีหลักฐานชี้ชัด ว่าลูกสาวตนเป็นคนก่อเหตุ ก็ให้ถูกดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ให้รับกรรมไป เเต่หากไม่มีหลักฐาน หรือข้อสรุปว่าลูกสาวตนไม่ได้ก่อเหตุ ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับลูกสาวตนด้วย


พร้อมยังฝากถึงคำถามของพิธีกรบางรายการ ซึ่งเป็นนักข่าวท่านหนึ่งที่โฟนอินสัมภาษณ์ตน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. โดยได้ถามว่า  "โซเชียลสงสัย ในเมื่อเพื่อนพ่ออย่างลุงเเจ้ ยังมีอะไรกับนิ่มได้ แล้วพ่อได้มีอะไรกับลูกสาว หรือกระทำชำเราลูกสาวตัวเองหรือไม่" ซึ่งหลังจากได้ยินคำถาม ยอมรับว่ารู้สึกโมโหมาก เเต่ก็พยามควบคุมอารมณ์


"มองว่าเป็นคำถามที่ไม่ควรถาม คนถามเอาอะไรคิด แค่นี้ชีวิตผมก็บอบช้ำพออยู่เเล้ว ยังมาซ้ำเติมกันเเบบนี้ สังคมเขาจะมองผมอย่างไร ทุกวันนี้เวลาออกจากบ้าน ก็อายจนเเทบจะเอาปี๊บคลุมหัวอยู่เเล้ว" จึงอยากให้ช่องดังกล่าวเเสดงความรับผิดชอบ เเก้ข่าวให้ตนด้วย เพราะตนได้รับความเสียหายจากคำถามเเบบนี้

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/qPeHh20Z580

คุณอาจสนใจ

Related News