รวบ 4 ผู้ต้องสงสัย ฆ่าโหด 4 ศพนราธิวาส

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ก.พ.66 พ.ต.อ.ตรัยฤกษ์ ปัญญาไตรรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.ฉลอง เล็กน้อย ผกก.สภ.บูเก๊ะตา อ.แว้ง ได้ร่วมกันเดินทางไปสังเกตการณ์การปฏิบัติหน้าที่ของชุดนักประดาน้ำจากมูลนิธิเซิ่งหมู่ธารน้ำใจสุไหงโก-ลกฉลากแดนใต้ ที่ได้ขอสนับสนุนงมหาวัตถุพยาน อาทิ เสื้อผ้า อาวุธปืน โทรศัพท์มือถือและกุญแจรถยนต์โตโยต้า ที่คาดว่ากลุ่มคนร้ายอาจจะทิ้งพยานหลักฐานลงในไปใน บริเวณบึงจือแร ม.1 ต.แม่ดง ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายได้ฆ่าโหด 3 ศพ ประกอบด้วย นายนิเฮง ,นายมูฮัมหมัดอาลียะ และนายอัสวี มือลี แล้วนำมาอำพรางใส่กระโปรงของท้ายรถยนต์เก๋งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดนักประดาน้ำ ใช้เวลาในการงมหาวัตถุพยานนานกว่า 3 ช.ม. จากระยะจุดพบศพไปยังฝั่งขวามือของขอบบึงจือแร ประมาณ 30 เมตร ซึ่งมีความลึกประมาณ 4 เมตร สามารถงมพบกระจกส่องหลังของรถยนต์เก๋งที่กลุ่มคนร้ายได้แกะจากห้องโดยสารทิ้งลงไปในบึง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแกะนำซิมการ์ดที่คาดว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเอาไว้ได้ไปตรวจสอบ

ต่อมาเวลา 12.30 น. พ.ต.ท.สุพจน์ เรืองรุ่งโรจน์ รอง ผกก.ป.สภ.บูเก๊ะตา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แว้ง สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บูเก๊ะตา จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการณ์ เดินทางไปยังบ้านไม่มีเลขที่หลังหนึ่ง ซึ่งปลูกสร้างในสวนปาล์ม บ้านกรือซอ ม.4 ต.แว้ง ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่กลุ่มคนร้ายใช้เป็นสถานที่ในการอาวุธปืนยิงอย่างโหดเหี้ยม 4 ศพ ก่อนที่จะแยกย้ายอำพรางไปทิ้งไว้ 2 จุด จุดที่ 1 ใช้รถยนต์โตโยต้ารุ่นยาริสเป็นพาหนะในการอำพราง 3 ศพ ในกระโปรงท้ายรถ จุดที่ 2 นำไปทิ้งในแม่น้ำโก-ลก ต.ฆอเลาะ อ.แว้ง ซึ่งทั้ง 2 จุด ห่างกันประมาณ 20 กม. โดยในช่วงคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน พร้อมอาวุธปืนพก ขนาด .32 ม.ม.และอาวุธปืน ขนาด 9 ม.ม. รวมเป็น 2 กระบอก และในช่วงเที่ยงของวันนี้สามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยได้เพิ่มเติมอีก 2 คน รวมเป็น 4 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้กฎอัยการศึกในการควบคุมตัวบุคคลทั้ง 4 ไปสอบสวนขยายผลที่กรมทหารพรานที่ 46 อ.เมืองนราธิวาส ซึ่งทราบว่า 1 ในนั้น เป็นกลุ่มคนร้ายที่สังหารโหด 4 ศพ และมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งเป็นมือปืนรับจ้าง ที่มีประวัติเข้าออกเรือนจำหลายครั้ง

ด้านแหล่งข่าวจากชาวบ้านรายหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในละแวกจุดต้องสงสัยที่ใช้เป็นสถานที่สังหารโหด 4 ศพ เปิดเผยว่า บ้านไม่มีเลขที่หลังดังกล่าวในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนวันที่ 20 ก.พ. 66 ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นกว่า 10 นัด แต่ไม่มีชาวบ้านคนใดให้ความสนใจ เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นแหล่งมั่วสุ่มของกลุ่มวัยรุ่น และเจ้าของบ้านไม่มีเลขที่ดังกล่าวถือว่าเป็นคนที่ชาวบ้านเกรงกลัว โดยบางคนยังถูกข่มขู่ไม่ให้แจ้งเรื่องหรือนำเรื่องดังกล่าวไปพูดหรือบอกให้ใครทราบ ไม่เช่นนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยมาสอบถามชาวบ้าน แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่มักบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ไม่ทราบไม่รู้ไม่ได้ยิน โยไม่มีใครกล้าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และมาพบอีกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยจากบ้านดังกล่าวไป 4 คน

ด้านเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวได้เปิดเผยเป็นการส่วนตัวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงกัน อาทิ หัวกระสุนปืนที่ผ่าออกมาจากศพทั้ง 4 คน ตรงกันอาวุธปืนที่ยึดได้มา 2 กระบะหรือไม่ รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน ไปตรวจสอบว่าก่อนเสียชีวิตในหลัง 1 วัน ได้โทรศัพท์ไปติดต่อกับผู้ใด และซิมการ์ดที่ติดในกระจกส่องหลังของรถยนต์เก๋งรุ่นยาริส ที่คนร้ายได้โยนทิ้งลงในบึงจือแร สามารถบันทึกพฤติกรรมของบุคคลใดได้บ้าง ซึ่งขณะนี้ถือว่าแนวทางการสืบสวนสอบสวน ได้เดินทางมาถูกจุดแล้ว รอเพียงนำผลพิสูจน์วัตถุพยานที่เก็บรวบรวมได้ในจุดเกิดเหตุ ไปประติดประต่อกัน ซึ่งเชื่อว่าคงใช้เวลาอีกไม่นานเจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ และเบื้องต้นร้อยละ 80 เป็นเรื่องของยาเสพติดมาเกี่ยวข้อง

ด้าน พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยว่า ขออนุญาตคดีนี้ไม่สามารถพูดในเชิงลึกได้มากนัก ผมทำงานอยากที่จะให้พยานหลักฐานเป็นเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ก็ต้องบอกว่าทุกคนเต็มที่และตั้งใจ อยากจะนำเรียนไปยังพี่น้องประชาชน ประเด็นของสาเหตุในเรื่องนี้ ให้น้ำหนักไปที่เรื่องยาเสพติด