อาชญากรรม

พ่อแม่เด็ก 1 ขวบ 11 เดือนหอบผ้าผืนรักและรูปลูกชายที่เสียชีวิตในความดูแลของเนิร์สเซอรี ขอความเป็นธรรม

โดย kanyapak_w

22 ก.พ. 2566

86 views

พ่อแม่ของเด็ก วัย 1 ปี 11 เดือน เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับกรมกิจการเด็กและเยาวชน กรณีนำเด็กชายวัย 1 ปี ลูกชาย ไปฝากกับเนิส์สเซอรีแห่งหนึ่ง ย่านหนองจอก แต่ต่อมาพบว่าเด็กชายวัย 1 ปีเสียชีวิต เหตุการณ์ผ่านมา 1 เดือน คดีความยังไม่มีความคืบหน้า




มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว พาคุณพ่อคุณแม่เด็กชายวัย 1 ปี ที่เสียชีวิตภายในเนิร์สเซอรีแห่งหนึ่ง ย่านหนองจอก เข้าร้องเรียนต่ออธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เพื่อขอความเป็นธรรมจากการสูญเสียลูกชาย เนื่องจากมีข้อกังวลว่าอาจเกิดเหตุซ้ำรอยในเนิร์สเซอรี่แห่งอื่น หากไม่มีมาตรการป้องกัน




คุณแม่เด็กชายวัย 1 ปี ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคม 65 เด็กชายวัย 1 ปีอยู่ในความดูแลของเนิร์สเซอรี่เด็ก จากนั้นช่วงบ่ายได้รับแจ้งจากครูพี่เลี้ยงว่าน้องไม่หายใจ อยู่ระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลเวชการุณรัศมิ์ เจ้าหน้าที่ปั้มหัวใจจนน้องกลับมามีชีพจรอีกครั้ง ก่อนส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนพรัตน์ แม้คุณหมอจะบอกว่าหมดหวังแล้ว เพราะม่านตาไม่ตอบสนองแล้ว แต่ทางครอบครัวยังหวังปาฏหาริย์ขอให้คุณหมอช่วยรักษาน้องให้เต็มที่ และในที่สุดน้องก็เสียชีวิตในวันที่ 23 มกราคม 2566





สิ่งที่ค้างคาใจ คือ การที่เนิร์สเซอรีบอกว่า กล้องวงจรปิดเสีย ไม่สามารถดูภาพเหตุการณ์วันเกิดเหตุได้ จุดนี้ถือว่าผิดปกติมาก ส่วนอีกประเด็นที่มีข่าวว่า ทางครองครัวได้รับเงินเยียวยา ต้องขอยืนยันว่าตนเองและครอบครัว ยังไม่เคยรับเงินเยียวยาแม้แต่บาทเดียว เพราะตั้งแต่เกิดเหตุเนิร์สเซอรี่ไม่เคยมาร่วมงานศพ มีเพียงแค่ส่งพวงหรีดมาวันสุดท้ายของงานศพน้อง และทางครอบครัวเจอคนที่เนิร์สเซอรี่เพียงครั้งเดียวที่ สน.หนองจอก ดังนั้นในเรื่องนี้ครอบครัวจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพราะอยากรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของน้อง เพื่อจะได้บรรเทาความโศกเศร้าลงได้บ้าง เพราะตอนนี้ทุกคนไม่รู้เลย น้องเสียชีวิตเพราะอะไรกันแน่ เพราะทุกวันนี้ทั้งพ่อและแม่ ยังทำงานหรือใช้ชีวิตปกติไม่ได้ ยังต้องกินยาทุกวัน เพราะอาการอยู่ในภาวะซึมเศร้า แพทย์แจ้งว่าถ้ายังไม่ดีขึ้นอาจจะต้องพบจิตแพทย์ เพราะทั้ง 2 คนยังอยู่ในอาการเศร้าเวียใจตลอดเวลา เนื่องจากมีลูกชายคนเดียว



ขณะเดียวกันวันนี้คุณแม่ ได้นำผ้าผืนรักของเด็กชายวัย 1 ปีมาด้วย เพราะเป็นผ้าที่น้องจะติดมาก ต้องติดตัวตลอด และผ้าผืนนี้ทางเนิร์สเซอรีแจ้งว่า น้องหมดสติเพราะเอาผ้าคลุมตัวเอง ซึ่งตนเองก็สงสัยว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะผ้ามีขนาดเล็ก เบาและบางมาก



ด้านนายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า ในวันนี้มูลนิธิเด็กฯ ต้องการยื่นหนังสือถึงกรมกิจกการเด็กและเยาวชน เพื่อแสดงจุดยืนใน 4 ประเด็น คือ 1.ขอให้เปิดเผยข้อมูลสถานรับเลี้ยงเด็กที่เกิดเหตุว่ามีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ และมีการตรวจสอบสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ว่ามีความพร้อมหรือไม่ และขอให้เปิดเผยข้อมูลสถานรับเลี้ยงเด็กทั่วประเทศ ว่ามีการขออนุญาตถูกต้อง ได้มาตรฐานหรือไม่


2.ขอให้กรมกิจการเด็กฯ มีข้อกำหนดว่าให้สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน ต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง (ไม่ได้หมายถึงว่าให้ผู้ปกครองดูลูกตนเองแบบเรียลไทม์) โดยความยินยอมของผู้ปกครอง เพื่อให้สามารถตรวจสอบเหตุการณ์ย้อนหลังได้ และต้องลงโทษสถานบริการที่ฝ่าฝืนและอ้างว่ากล้องวงจรปิดเสีย



3.กรมกิจการเด็กฯ ซึ่งดูแลสถานรับดลี้ยงเด็กเอกชนทั่วประเทศ ต้องถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไข วางกลไกต่างๆที่รัดกุมมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก รวมทั้งการสุ่มตรวจสม่ำเสมอ และฝึกการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่สถานรับเลี้ยงเด็ก และข้อ 4 อยากเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ให้เร่งทำความจริงในคดีนี้ให้ปรากฎ เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้ครอบครัวผู้สูญเสียโดยเร็ว




ด้านนางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ในฐานะตัวแทนกรมฯที่ เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน ระบุว่าจากที่มูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว พาครอบครัวเด็กชายวัย 1 ขวบ 11 เดือน เสียชีวิต เนอสเซอรี่ อ้างผ้าอุดจมูกขาดอากาศหายใจ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดทางกรมฯได้สั่งปิดสถานบริการรับเลี้ยงเด็กที่เกิดเหตุไปแล้ว ส่วนขอสงสัยต่างๆที่ร้องเรียนมา




กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ขอชี้แจงความคืบหน้าเรื่องต่างๆดังนี้



1. กรณีขอทราบว่าสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้มีใบอนุญาตถูกต้องครบถ้วน มีการตรวจสอบความพร้อมของสถานประกอบการแห่งนี้หรือไม่ อย่างไร ในส่วนของกรมกิจการเด็กและเยาวชนจะมีมาตรการกับสถานประกอบการแห่งนี้อย่างไร?




กรมฯขอชี้แจงว่า ได้ตรวจสอบสถานรับเลี้ยงเด็กดังกล่าว พบว่า สถานรับเลี้ยงเด็กได้รับใบอนุญาตเริ่มดำเนินการตามใบอนุญาตในปี 2560 ออกให้ ณ วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560 และต่อมาในปี 2563 มีการเปลี่ยนแปลงใบอนุญาต ซึ่งออกให้ ณ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2663 มีเจ้าหน้าที่ลงตรวจเยี่ยมก่อนอนุญาต ปัจจุบันมีหนังสือแจ้งยุติการดำเนินกิจการและปิดสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้แล้ว




2. ขอเรียกร้องให้กรมฯ มีข้อกำหนดให้สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนติดตั้งกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชั่วโมง โดยความยินยอมจากผู้ปกครองเด็ก สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ซึ่งต้องมีการกำหนดบทลงโทษไว้ด้วยสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน และเพื่อป้องกันการอ้างง่าย ๆ ว่ากล้องวงจรปิดเสีย และในกรณีนี้ขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยว่ากล้องวงจรปิดเสียจริงหรือไม่ ?




ทั้งนี้ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก พ.ศ. 2549 ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าสถานรับเลี้ยงเด็กต้องติดกล้องวงจรปิดในสถานรับเลี้ยงเด็ก แต่ต้องมีพี่เลี้ยงดูแลเด็กตลอดเวลา สำหรับการติดกล้องวงจรปิด กรมกิจการเด็กและเยาวชนมีข้อแนะนำให้เป็นทางเลือกของสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีความพร้อมเพื่อเป็นการดูแลความปลอดภัยให้กับเด็กในสถานรับเลี้ยง อีกรูปแบบหนึ่ง และการยินยอมจากผู้ปกครองที่จะมีการบันทึกภาพของเด็กมารับบริการ แต่การติดตั้งกล้องวงจรปิดต้องไม่ล่วงล้ำหรือเป็นการละเมิดสิทธิเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546




3. ขอให้กรมฯ ซึ่งดูแลสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนทั่วประเทศ ถอดบทเรียนจากกรณีนี้รวมถึงเหตุการณ์อื่นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เพื่อนำไปสู่ การปรับปรุงแก้ไข กลไกต่าง ๆ ให้รัดกุมมากขึ้น ลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อาทิการสุ่มตรวจอย่างสม่ำเสมอ การฝึกปฐมพยาบาลเบื้องต้น ฯลฯ รวมไปถึงการควบคุมสถานประกอบการที่มีเด็กในความดูแลไม่ถึง 6 คน ซึ่งไม่เข้าข่ายต้องขออนุญาตว่าจะดำเนินการกำกับดูแลอย่างไร?




ในกรณีนี้ กรมกิจการเด็กและเยาวชนอยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสถาน รับเลี้ยงเด็ก รวมไปถึงสถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ สถานพัฒนาและฟื้นฟู ซึ่งขณะนี้มีการจ้างที่ปรึกษา



ด้านกฎหมาย เพื่อยกร่าง ปรับปรุงกฎกระทรวง ที่อาจจะครอบคลุมไปถึงการพิจารณาจำนวนของเด็กที่เข้ารับบริการในสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน จากเดิมที่สถานที่รับเลี้ยงเด็กไม่เกิน 6 คน ไม่ต้องขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก



การควบคุมดูแลสถานที่ดูแลเด็กไม่ถึง 6 คน ซึ่งไม่เข้าข่ายต้องขออนุญาตจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือสถานรับเลี้ยงเด็กที่ได้รับการจดทะเบียนตามกฎหมาย หากมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น หรือพบเห็นการกระทำความรุนแรง สามารถแจ้งมาที่ สายด่วน พม. 1300 หรือช่องทางอื่น ๆ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรมกิจการเด็กและเยาวชน จะมีพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป




4. ขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมในคดีนี้ ให้เร่งทำความจริงให้ปรากฏ เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับครอบครัวผู้สูญเสียโดยเร็ว และฝากไปถึงผู้ปกครองทุกท่าน ให้ช่วยกันตรวจสอบสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนให้ดีและละเอียดที่สุด ควรเฝ้าระวังลูกหลานอย่างต่อเนื่อง




สำหรับการดำเนินคดีเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบข้อเท็จจริง กรมกิจการเด็กและเยาวชน ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าที่ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม โดยมีหนังสือชี้แจ้งไปยังพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว




แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ