อาชญากรรม

'ชูวิทย์' แฉเพิ่ม! มาเฟียฮ่องกง 14K จีนเทากลุ่มใหม่ ย่านเหม่งจ๋าย - แจ้งความ 'หยูซินฉี' ม.112 แอบอ้างเบื้องสูง

โดย petchpawee_k

21 ก.พ. 2566

181 views

‘ชูวิทย์’ มอบหลักฐานให้บิ๊กโจ๊ก คดีหยูซินฉี แจ้งความ 112 /พร้อมแฉอีก สมาคม ใช้ชื่อสมาคมว่า หงเหมิน ของกลุ่ม 14K ซึ่งเป็นของชาวฮ่องกงมาเก๊า มีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพล  

เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (20 ก.พ.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาที่ สน.นางเลิ้ง เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายหยูซินฉี ประธานสมาคมมณฑลส่านซีแห่งประเทศไทย ในข้อหาหมิ่นประมาท / และข้อหาตามมาตรา 112 โดยนำพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายและข้อมูลพฤติการณ์ของนายหยูซินฉี มามอบให้กับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

นายชูวิทย์ เปิดเผยว่า นายหยูซินฉี มีพฤติการณ์เปิดสมาคมเถื่อนเพื่อใช้แอบอ้างหลอกลวงชาวจีนให้มาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีความผิดหลายข้อหา ทั้งเรื่องของการเปิดสมาคมเถื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต และการถูกถอนวีซ่า แต่ตนเองเห็นว่าข้อหาสำคัญซึ่งเกี่ยวพันและกระทบกระเทือนต่อศูนย์รวมจิตใจของคนไทย  ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาดังกล่าว ซึ่งตนเองทราบว่าในข้อหาตามมาตรา 112 การแจ้งความจะต้องมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ


ตนจึงนำพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีซึ่งเป็นภาพถ่ายของนายหยูซินฉี ขณะกระทำการแอบอ้างว่าเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ กับบุคคลสำคัญของประเทศอย่างนายกรัฐมนตรี  คณะรัฐมนตรี  นายตำรวจดัง และบุคคลชั้นสูง อีกทั้งตนเองยังมีพฤติการณ์การก่อเหตุ ในความผิดข้อหาดังกล่าวอย่างละเอียด จึงรวบรวมข้อมูลมาแจ้งความในวันนี้ รวมถึงจะแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทด้วย จากกรณีที่กล่าวหาว่าตนเป็นเศษขยะ นำเข้าข้อมูลเท็จ ทั้งที่เป็นเรื่องจริง


ทั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลไปถึงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ให้การช่วยเหลือ นายหยูซินฉี และพรรคพวก จนสามารถออกวีซ่าให้อยู่ภายในประเทศได้จำนวนมาก เนื่องจากตนมีข้อมูลว่า นายหยูซินฉี ได้มีการไปต่อวีซ่าโดยอ้างใช้ที่ทำการมูลนิธิ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในอำเภอหนองปรือ จังหวัดชลบุรี แต่พอไปตรวจสอบที่บ้านหลังนี้ พบว่าเป็นบ้านร้างที่มีแค่หมาสองตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความบกพร่อมของ ตม.


จึงเห็นควรว่าต้องมีการกวาดล้างเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดกฎหมายและทุจริต รวมถึงยังฝากไปถึงกรมการปกครองให้เข้าไปตรวจสอบสมาคมที่เปิดโดยผิดกฎหมายและสมาคมเถื่อน ซึ่งพบว่ามีตั้งอยู่หลายสมาคมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีการตั้งสมาคมในลักษณะเดียวกับนายหยูซินฉี รวมแล้วหลายร้อยสมาคม ซึ่งตนเองมีข้อมูลว่าสมาคมดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกลุ่มอิทธิพลและอั้งยี่ ซึ่งจะเป็นภัยอันตรายต่อประเทศ


นอกจากนี้ นายชูวิทย์ยังแฉสมาคมเถื่อนอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ย่านถนนศรีวรา โดยใช้ชื่อสมาคมว่า หงเหมิน ของกลุ่ม 14K ฮ่องกงมาเก๊า โดยมีนายไบ๋ ชาวฮ่องกง เป็นนายกสมาคม มีลักษณะพฤติการณ์คล้ายกลุ่มมาเฟียผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ลักษณะท่าทางของนายไบ๋ เป็นมาเฟียโดยแท้ สมาคมฯ ใช้เป็นที่พบปะแอบอ้าง ซ่องสุมคน ทำเหมือนองค์กรลับ ตั้งอยู่ที่ ถ.ศรีวราห์ ใกล้แยกเหม่งจ๋าย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นอันตรายต่อประชาชนและความมั่นคงของประเทศ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบสมาคมดังกล่าว  


สมาคมฯ พวกนี้มีสายสัมพันธ์ข้าราชการ แอบอ้างความสัมพันธ์ใกล้ชิด ให้ความช่วยเหลือคนจีนที่เข้ามาเมืองไทย ในการลงทุน ประกอบธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ และจัดตั้งสมาคมฯ


โดยมีสำนักงานทนายความของคนไทย เปิดบังหน้า ในย่านพระราม 9 - รัชดาฯ - สุทธิสาร สำนักงานทนายความไทย แต่ไม่ได้มีทนายคนไทย มีเพียงทนายไทยเด็กๆ มาเฝ้าสำนักงาน แต่คนทำงานคือ ทนายคนจีน พูดภาษาจีน รู้กฎหมาย คอยทำงานให้คนจีน  ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย ตั้งสมาคมฯ เชื่อมโยงข้าราชการไทย ให้ทำงานให้


ขณะที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดจากนายชูวิทย์ และให้นายชูวิทย์ เข้าแจ้งความพร้อมสอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายหยูซินฉี รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง


พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการดำเนินคดีกับนายหยูซินฉี แต่ข้อหาความผิดตามมาตรา 112 จะต้องมีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์จึงจะสามารถดำเนินคดีได้ ซึ่งเมื่อนายชูวิทย์เข้ามาแจ้งความ ก็จะรับเรื่องไว้และจะรวบรวมพยานหลักฐานตามที่นายชูวิทย์ส่งมอบให้ หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะเร่งแจ้งข้อหากับนายหยูซินฉีโดยเร็วที่สุด


 ส่วนประเด็นสมาคม 14K ที่นายชูวิทย์เปิดประเด็น ตำรวจจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดและเข้าไปสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวหากพบว่าเป็นสมาคมเถื่อนหรือมีพฤติการณ์ในลักษณะของมาเฟียก็จะดำเนินการเข้าตรวจสอบทันที รวมถึงจะไล่ตรวจสอบ มูลนิธิต่างๆ ด้วย หากพบว่าไม่มีใบอนุญาตก็จะดำเนินการทั้งหมด ส่วนนายหยูซินฉี ก็จะดำเนินคดีภายใต้การดำเนินการของ สน.นางเลิ้ง หลังรับโทษในประเทศไทย ก็จะผลักดันออกนอกประเทศ และขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์ถาวร ไม่สามารถกลับเข้ามาในประเทศไทยได้อีก ทั้งนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยอมรับว่า หากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐช่วย กลุ่มคนเหล่านี้ก็คงทำไม่ได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะต้องไล่กวาดล้างให้หมด


ขณะที่พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เกี่ยวกับการดำเนินการกับนายหยูซินฉี ว่าได้มีตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทยไปแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง แล้ว ในความผิดฐานเปิดสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่นำข้อมูลเท็จไปหลอกลวงคนจีน รวมถึงนายชูวิทย์ก็ได้ไปกล่าวโทษในความผิดมาตรา 112 ด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้แล้ว


หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป ส่วนสมาคมอื่นๆ ที่มีการเปิดเผยชื่อมา ก็จะประสานเจ้าหน้าที่มหาดไทยในพื้นที่ให้ดำเนินการตรวจสอบ หากพบว่ามีความผิดก็จะให้ดำเนินการแจ้งความต่อไป


ส่วนกรณีของนายพล จ. ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งเตรียมที่จะเรียกนายชูวิทย์เข้ามาให้ข้อมูลในวันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเชื่อว่าจะดำเนินการได้ทันภายในกรอบระยะเวลา 15 วัน

-----------------------------------------

เปิดข้อมูลแก๊ง 14K องค์กรอาชญากรรมสัญชาติจีน

แก๊ง 14K เป็นองค์กรอาชญากรรมสัญชาติจีน ที่อยู่ในระดับแถวหน้าของโลก ตัวเลข 14 ของชื่อแก๊ง มาจากการรวมตัวกันของคนจีนที่ก่อตั้งแก๊งจำนวน 14 คน ส่วนตัวย่อ K มาจาก Kowloon หรือ เกาลูน ประเทศฮ่องกง

สมาชิกแก๊งนี้ พูดภาษาจีน และภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยม ทำให้องค์กรอาชญากรรมนี้มีเครือข่ายกระจายตัวอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในฮ่องกง มาเก๊า จีนแผ่นดินใหญ่ ใต้หวัน รวมถึงประเทศที่มีคนจีนอาศัยอยู่ เช่น มาเลเซีย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ จนถึง แคนาดา และมหานครนิวยอร์ค ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามาติ ฟอกเงิน ฆาตกรรม และค้ามนุษย์


ชื่อของ แก๊ง14K ปรากฏในสื่อครั้งแรกสมัย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข อดีตผู้บัญชาการกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เปิดเผยว่า แก๊ง14K ในประเทศมาเลเซีย เป็นนายทุนสำคัญร่วมกับผู้ผลิตยาเสพติดในประเทศพม่า ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำ ผ่านประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซีย ก่อนกระจายออกตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดย พล.ต.ท.สมหมาย ระบุตอนนั้นว่า แก๊ง14K เป็นนายทุนใหญ่ที่ตำรวจจับตามองอยู่


ล่าสุด พบว่า นาย หวัน ค็อกคอย อดีตหัวหน้าแก๊ง14K มีการจดทะเบียนตั้งสมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหงเหมินโลก (World Hongmen History and Culture Association) ในประเทศกัมพูชา ระบุว่าเป็นองค์กรที่ถูกกฎหมาย


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/BpoiH3KXzPU

คุณอาจสนใจ

Related News