อาชญากรรม

"ชูวิทย์" มอบหลักฐาน "หยู ซินฉี" แอบอ้างเบื้องสูง ชงเอาผิด ม.112

โดย paranee_s

20 ก.พ. 2566

117 views

เมื่อเวลา 09.00 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาที่ สน.นางเลิ้ง เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายหยูซินฉี ประธานสมาคมมณฑลส่านซีแห่งประเทศไทย ในข้อหาหมิ่นประมาท และข้อหาตามมาตรา 112 โดยนำพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายและข้อมูลพฤติการณ์ของนายหยูซินฉี มามอบให้กับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


นายชูวิทย์ เปิดเผยว่า นายหยู ซินฉี มีพฤติการณ์เปิดสมาคมเถื่อน เพื่อใช้แอบอ้างหลอกลวงชาวจีนให้มาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีความผิดหลายข้อหา ทั้งเรื่องของการเปิดสมาคมเถื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต และการถูกถอนวีซ่า


แต่ตนเองเห็นว่าข้อหาสำคัญซึ่งเกี่ยวพันและกระทบกระเทือนต่อศูนย์รวมจิตใจของคนไทย ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาดังกล่าว ซึ่งตนเองทราบว่าในข้อหาตามมาตรา 112 การแจ้งความจะต้องมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ตนจึงนำพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีซึ่งเป็นภาพถ่ายของนายหยู ซินฉี ขณะกระทำการแอบอ้างว่าเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ กับบุคคลสำคัญของประเทศอย่างนายกรัฐมนตรี, คณะรัฐมนตรี, นายตำรวจดัง และบุคคลชั้นสูง


อีกทั้งตนเองยังมีหลักฐานพฤติการณ์การก่อเหตุในความผิดข้อหาดังกล่าวอย่างละเอียด จึงรวบรวมข้อมูลมาแจ้งความในวันนี้ รวมถึงจะแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทด้วย จากกรณีที่กล่าวหาว่าตนเป็นเศษขยะ นำเข้าข้อมูลเท็จ ทั้งที่เป็นเรื่องจริง





ทั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลไปถึงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ให้การช่วยเหลือนายหยู ซินฉี และพรรคพวก จนสามารถออกวีซ่าให้อยู่ภายในประเทศได้จำนวนมาก


เนื่องจากตนมีข้อมูลว่า นายหยู ซินฉี ได้มีการไปต่อวีซ่าโดยอ้างใช้ที่ทำการมูลนิธิ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในอำเภอหนองปรือ จังหวัดชลบุรี แต่พอไปตรวจสอบที่บ้านหลังนี้ พบว่าเป็นบ้านร้างที่มีแค่หมาสองตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความบกพร่องของ ตม. จึงเห็นควรว่าต้องมีการกวาดล้างเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดกฎหมายและทุจริต


รวมถึงยังฝากไปถึงกรมการปกครองให้เข้าไปตรวจสอบสมาคมที่เปิดโดยผิดกฎหมายและสมาคมเถื่อน ซึ่งพบว่ามีตั้งอยู่หลายสมาคมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีการตั้งสมาคมในลักษณะเดียวกับนายหยูซินฉี รวมแล้วหลายร้อยสมาคม โดยตนเองมีข้อมูลว่าสมาคมดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกลุ่มอิทธิพลและอั้งยี่ ซึ่งจะเป็นภัยอันตรายต่อประเทศ


นอกจากนี้ นายชูวิทย์ยัง แฉสมาคมเถื่อนอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ย่านถนนศรีวรา โดยใช้ชื่อสมาคมว่า หงเหมิน ของกลุ่ม 14K ฮ่องกงมาเก๊า โดยมีนายไบ๋ ชาวฮ่องกง เป็นนายกสมาคม มีลักษณะพฤติการณ์คล้ายกลุ่มมาเฟียผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นอันตรายต่อประชาชนและความมั่นคงของประเทศ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบสมาคมดังกล่าว เพราะเป็นลักษณะของสมาคมเถื่อน และมาเฟีย


ขณะที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดจากนายชูวิทย์ และให้นายชูวิทย์ เข้าแจ้งความพร้อมสอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายหยูซินฉี รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง


พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการดำเนินคดีกับนายหยูซินฉี แต่ข้อหาความผิดตามมาตรา 112 จะต้องมีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์จึงจะสามารถดำเนินคดีได้ ซึ่งเมื่อนายชูวิทย์เข้ามาแจ้งความ ก็จะรับเรื่องไว้และจะรวบรวมพยานหลักฐานตามที่นายชูวิทย์ส่งมอบให้ หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะเร่งแจ้งข้อหากับนายหยูซินฉีโดยเร็วที่สุด


ส่วนประเด็นสมาคม 14K ที่นายชูวิทย์เปิดประเด็นในวันนี้ ตำรวจจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดและเข้าไปสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว หากพบว่าเป็นสมาคมเถื่อนหรือมีพฤติการณ์ในลักษณะของมาเฟียก็จะดำเนินการเข้าตรวจสอบทันที รวมถึงจะไล่ตรวจสอบ มูลนิธิต่างๆ ด้วย หากพบว่าไม่มีใบอนุญาตก็จะดำเนินการทั้งหมด


ส่วนนายหยู ซินฉี ก็จะดำเนินคดีภายใต้การดำเนินการของ สน.นางเลิ้ง หลังรับโทษในประเทศไทย ก็จะผลักดันออกนอกประเทศ และขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ถาวร ไม่สามารถกลับเข้ามาในประเทศไทยได้อีก


ทั้งนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยอมรับว่า หากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐช่วย กลุ่มคนเหล่านี้ก็คงทำไม่ได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะต้องไล่กวาดล้างให้หมด

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ