สาวหล่อสำนึกผิดแทงคอเด็ก 11 ปี ลั่นขอโอกาสประกันตัวออกมาเยียวยา ยันไม่ได้ผิดปกติทางจิตแต่มีคุมอารมณ์ไม่ได้บ้าง

(16 ก.พ.) ช่วงสายที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางเขน ควบคุมตัวนางสาวบุญทิพย์ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาเพื่อไปฝากขังยังศาลแขวงดอนเมือง หลังก่อนหน้านี้ได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงคอเด็กหญิงวัย 11 ปี บริเวณถนนเพิ่มสินย่านสะพานใหม่ เมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

โดยหลังเกิดเหตุ ตำรวจ ได้ขออนุมัติศาลอาญารัชดาออกหมายจับในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ชุดสืบสวนได้เข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ขณะกำลังจะเดินทางออกจากคอนโดแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้ต้องหาสารภาพอ้างว่าก่อเหตุไปเพราะ เกิดความไม่พอใจและหมั่นไส้ผู้เสียหายระหว่างที่เผชิญหน้ากัน ทั้งๆที่ผู้เสียหายเป็นเด็กและมากับพ่อและแม่และไม่ได้รู้จักและมีปัญหากับผู้ก่อเหตุมาก่อนแต่อย่างใด โดยระหว่างที่ชุดสืบสวนเข้าตรวจค้นภายในห้องพักของผู้ต้องหา พบว่า ภายในพบเต็มไปด้วยกองขยะจำนวนมากจนมีกลิ่นออกมาทำให้ ลูกบ้านคนอื่นได้รับความเดือดร้อน แต่เมื่อนิติบุคคลเข้าไปเตือนกับถูกผู้ต้องหา ข่มขู่จะเอามีดแทง จึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

โดยขณะมีการคุมตัว นางสาวบุญทิพย์ ขึ้นรถห้องขัง นางสาวบุญทิพย์ ระบุว่า ในวันเกิดเหตุเกิดจากความเข้าใจผิดคิดว่าน้องอายุ 11 ปีหัวเราะใส่ตนเองเนื่องจากที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาห้าถึงหกปีที่ตนเองพักอาศัยอยู่ในย่านดังกล่าว ก็เคยถูกคนแถวนั้น ชอบพูดจาถากถางหรือ ดูถูกด้วยสายตา แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อนจึงเก็บกดเอาไว้ จนมาวันเกิดเหตุตนเอง อยู่ในอารมณ์ไม่ดีเมื่อเห็นน้อกับแม่เดินมาด้วยท่าทีหัวเราะจึงเข้าใจว่าหัวเราะใส่ตนเอง ตนเองเลยพานใส่โดยการสะบัดมีดไป ไม่ได้ตั้งใจที่จะเอามีดไปแทงใคร พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีอาการทางจิต แต่ก็มีบ้างที่ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้แต่ไม่ได้มีการรักษาหรือกินยาแต่อย่างใด

ตอนนี้ตนเองรู้สึกสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่ได้ทำลงไปจึงอยากขอโอกาสในการประกันตัวเพื่อออกมาชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางผู้เสียหาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษผ่านสื่อมวลชนไปถึงครอบครัวของน้องอายุ 11 ปี พร้อมทั้งผู้ปกครองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนเองยืนยันว่าหลังจากจบเรื่องนี้จะไม่ใช้ความรุนแรงหรือกลับมาก่อเหตุในลักษณะแบบนี้อีก

ด้านพันตำรวจเอกอนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางเขน ระบุว่า เบื้องต้นขณะนี้พนักงานสอบสวนยังคงรอใบรับรองชันสูตรจากทางแพทย์ว่าบาดแผลดังกล่าวมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด รวมถึงบริเวณที่โดนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้หรือไม่ หากพบว่าเข้าข่ายสามารถแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับบาดเจ็บสาหัส หรือข้อหาอื่น ได้พนักงานสอบสวน จะทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกครั้ง

ขณะที่ในส่วนของอาการป่วยทางจิตจากการสอบถามทางญาติไม่พบว่ามีเอกสารรักษาอาการป่วยทางจิตเวช แต่จากการสอบปากคำตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาพบว่า ผู้ต้องหามี อารมณ์แปรปรวน ควบคุมตนเองไม่ได้ในบางครั้ง แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นผู้ป่วยทางจิตเวชหรือไม่เพราะต้องรอผลการวินิจฉัยจากแพทย์อีกครั้ง โดยในวันนี้ได้มีการคุมตัวไป ขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลแขวงดอนเมือง